ชมตลาดเครื่องเทศและตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ถ่ายรูปสุดชิค ณ จุดชมวิวพาโนรามา 360 องศา
สนุกสนานกับการนั่งรถตะลุยทะเลทราย พร้อมชมพระอาทิตย์ตกดิน
ชมความมหัศจรรย์กลางทะเลทราย สวนดอกไม้ใน ดูไบ มิราเคิล การ์เดน
พิเศษ!! รับประทานบุฟเฟ่ต์สุดหรู ณ Atlantis the Palm
วันที่ 1 | กรุงเทพ - สุวรรณภูมิ - สนามบินนานาชาติดูไบ - พิพิธภัณฑ์ดูไบ - นั่งเรือ Abra - ตลาดเครื่องเทศและตลาดทอง |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
06.30 น. | พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชั้น 4 ประตู 8 Row T เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
09.30 น. | ออกเดินทางสู่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นครดูไบ โดยเ ที่ยวบิน EK 375 บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 10 นาที+) |
13.15 น. | เดินทางถึง สนามบินท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง นำท่านเดินทางสู่ นครดูไบ เป็นนครใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน เมืองดูไบถือได้ว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งบนโลก และมีอัตราการเจริญเติบโตของเมืองสูงมาก จากนั้นชม พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) ที่อยู่ในป้องปราการเก่าแก่อัลฟาฮิดิ (Al Fahidi Fort) ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะได้ทำความรู้จักดูไบอย่างลึกซึ้ง ท่านจะได้รู้ถึงบทสรุปของดูไบแบบย่อประวัติศาสตร์ทั้งหมดมาให้ชมแล้วเชื่อหรือไม่ว่าดูไบมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทุกๆ 10 ปี นำท่าน นั่งเรือ Abra ข้ามฟากที่ Dubai Creek คือเวิ้งน้ำทะเลธรรมชาติจากอ่าวเปอร์เซียที่แบ่งเมืองออกเป็นสองส่วน ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือคือ Deira Dubai และทางด้านตะวันตกเฉียงใต้คือ Bur Dubai ทางน้ำแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของดูไบ โดยเริ่มแรกคือช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การค้ากับอินเดียและแอฟริกา เป็นท่าเรือที่ปลอดภัยสำหรับเรือค้าขาย และเป็น ตลาดเครื่องเทศและตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Spice Souk and Gold Souk) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดูไบที่ต้องไปสำรวจ ตลาดที่นี่เขาเรียกกันว่าซุค (Souk) ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือในอดีตเป็นที่ขนถ่ายสินค้าที่รวบรวมเครื่องเทศนานาชนิด ที่นำเข้ามาจากนานาประเทศ และทองคำที่ตั้งอยู่สองข้างทางนั้นสุกอร่ามละลานตามาก หากคุณเป็นคนนิยมเครื่องเพชรทองสไตล์อาหรับ รับรองว่าเดินตลาดทองดูไบที่นี่ไม่มีผิดหวังชัวร์ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | ALOFT DCC HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | พระราชวังชีค - สุเหร่าจูไมร่าห์ - ชายหาดจูเมราห์ - บุรจญ์อัลอาหรับ - โรงงานผลิตเสื้อหนัง - ขึ้นรถไฟ Monorail - หมู่เกาะต้นปาล์ม - แอตแลนทิสเดอะปาล์ม - นั่งรถตะลุยทะเลยทราย |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าโรงแรม จากนั้นแวะถ่ายรูปกับ พระราชวังชีค (Shiekh Palace) พระราชวังสุดอลังการของท่านชีคแห่งนครดูไบตกแต่งด้วยสิ่งของล้ำค่า ประดับสวนปลูกต้นไม้อย่างร่มรื่น ถ่ายรูปกับ สุเหร่าจูไมร่าห์ (Jumeirah Mosqe) สถานที่แสดงความศรัทธาและศึกษาศาสนาอิสลามสุเหร่าหินอ่อนสีขาวนวลสะอาดตามีงานสถาปัตยกรรมที่ทั้งสวยงามและทันสมัยและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นมัสยิดที่สวยงามที่สุดของเมืองเลยก็ว่าได้ เดินทางสู่ ชายหาดจูเมราห์ (Jumeirah Beach) ถ่ายรูปกับตึก บุรจญ์อัลอาหรับ (Burj al-Arab) เป็นโรงแรมที่หรูหราในนครรัฐดูไบเรียกได้ว่าเป็นโรแรมระดับ 7 ดาว สุดหรู มีความสูง 321 เมตรหรือ 1,050 ฟุตและเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดอันดับที่ 4 ของโลกและมีความสูงเป็นอันดับที่ 57 ของโลกตึกบุรจญ์อัลอาหรับตั้งอยู่บนเกาะเทียมที่ถูกถมขึ้นห่างจากชายฝั่งจูไมราบีช 280 เมตรและเชื่อมต่อด้วยสะพานที่มีลักษณะโค้งตึกบุรจญ์อัลอาหรับมีลักษณะโครงสร้างการออกแบบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบและตัวอาคารเลียนแบบมาจากใบของเรือใบ นำท่านชม โรงงานผลิตเสื้อหนัง ที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลก นำท่าน ขึ้นรถไฟ Monorail สู่ หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซียในดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์มและล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลมโดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัยและรีสอร์ทการพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ แวะชมโรงแรม แอตแลนทิสเดอะปาล์ม (Atlantis The Palm) คือนิยามใหม่ของรีสอร์ทที่เป็นจุดหมายปลายทาง ด้วยสถานที่ตั้งบนเกาะปาล์มที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ที่พักแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของดูไบอย่างรวดเร็ว และเป็นหนึ่งในจุดสังเกตที่ต้องชมของเมือง |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน สุดหรู ณ ภัตตาคาร Kaleidoscope Buffet Restaurant ในโรงแรมแอตแลนติส เดอะ ปาล์ม (Atlantis the Palm) |
บ่าย | นำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย และเตรียมตัวแต่งกายไปทะเลทราย นำท่าน ตะลุยทะเลทราย ด้วยรถ 4WD ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1 คัน/6 ท่าน โดยรับท่านจากโรงแรมสู่ ทะเลทรายอาหรับ (Arabian Desert) แห่งนี้เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับ 4 (รองจาก1. Antarctic Desert / 2.Arctic Desert / 3. Sahara Desert) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของหลายประเทศในกลุ่มคาบสมุทรอาหรับเช่น จอร์แดน อิรัก คูเวต กาตาร์ โอมาน เยเมน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ2,300,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถ้าเทียบกับประเทศไทยที่มีพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางกิโลเมตร สนุกสนานกับการนั่งรถตะลุยทะเลทราย SAND DUNE พร้อมชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม ท่านจะได้สนุกสนานและตื่นเต้นไปกับประสบการณ์อันแปลกใหม่ นั่งรถตะลุยไปบนเนินทรายทั้งสูงและต่ำสลับกันไป นำท่านเดินทางไป ทัวร์ทะเลทราย (Dune Safari & BBQ Dinner) |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ แคมป์กลางทะเลทราย กับเมนูบาร์บีคิว (ไก่,เนื้อแกะ,เนื้อวัว) ให้ท่านได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศ ที่แสนโรแมนติกในแบบฉบับของชาวพื้นเมือง พร้อมชมการแสดงโชว์ต่างๆอาทิ เช่น ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) ฟรี!! Henna Tattoo การเพ้นท์ลวดลายแบบฉบับชาวอาหรับ / ทดลองเครื่องสูบบารากู่พื้นเมืองของชาวอาหรับ ชิมชา กาแฟ สไตล์อาหรับ ผลไม้ตามฤดูกาล /กิจกรรมขี่อูฐ |
22.00 น. | นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | ALOFT DCC HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | DUBAI MIRACLE GARDEN - อาบูดาบี - ถ่ายรูปกับรถ Ferrari - Grand Mosque - Heritage Village - ถ่ายรูปพาโนรามาวิว 360 องศา - เอทิฮัดทาวเวอร์ - เอมิเรตส์ พาเลซ - LAST EXIT |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าโรงแรม นำท่านเดินทางชมความมหัศจรรย์กลางทะเลทราย สวนดอกไม้ใน ดูไบ มิราเคิล การ์เดน (DUBAI MIRACLE GARDEN) ที่จัดดอกไม้เป็นรูปเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ขนาดเท่าของจริง โดยสร้างจากวัสดุรีไซเคิล ใช้ดอกไม้สดและพรรณพืชกว่า 500,000 ต้น และยังได้รับการรับรองจากกินเนสส์เวิลด์เรกคอร์ดส์ว่าเป็นการจัดดอกไม้ที่มีโครงสร้างใหญ่ที่สุดในโลก เดินทางสู่ อาบูดาบี (Abu Dhabi) จากดูไบใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาบูดาบีตั้งอยู่บนเกาะรูปตัวทีที่ยื่นเข้าไปในอ่าวเปอร์เซียเมืองครอบคลุมพื้นที่ 67,340 ตารางกิโลเมตร (26,000 ตารางไมล์) และมีประชากรราว 860,000คนในปีค.ศ. 2007 อาบูดาบีถือเป็นเมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดอันดับ 3 ในภูมิภาคและอันดับ 26 ของโลก นำท่านชม มัสยิด SHEIKH ZAYED BIN SULTAN AL NAHYAN GRAND MOSQUE มัสยิดที่สวยที่สุดในโลก เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทุกคน ทันทีที่เดินเข้าสู่มัสยิดชิคชาเญด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นสีขาวสะอาดตาของมัสยิดแห่งนี้ มัสยิดชิคชาเญด ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 10 ปี โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1996 และเสร็จในปี 2007 โดยระดมช่างฝีมือมากกว่า 3,000 คนจากทั่วโลกมาร่วมสรรสร้างสถาปัตยกรรมอันงดงามแห่งนี้ วัสดุที่ใช้ในการสร้างมีตั้งแต่หินอ่อน เซรามิก คริสตัล และทองคำถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความทันสมัยให้เข้ากับวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามได้อย่างลงตัว ความสำคัญของมัสยิดแห่งนี้นอกจากจะเป็นที่รองรับผู้มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ถึง 40,000 คนแล้ว ยังเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 25 ของโลกด้วยไฮไลต์สำคัญที่ไม่ควรพลาด คือ การเข้าชม โคมไฟแชนเดอร์เลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าราว 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำจากทองคำและทองแดง นำเข้าจากประเทศเยอรมนีและ พรมผืนใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทอเป็นผืนเดียวไม่มีรอยต่อ ขนาด 5,627 ตารางเมตรนอกจากเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวและประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว มัสยิดชิคชาเญด ยังเป็นสุสานฝังพระบรมศพของ Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyanอดีตประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นผู้สร้างมัสยิดแห่งนี้ไว้ก่อนจะสวรรคตด้วย |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ถ่ายรูปกับรถ Ferrari ณ บริเวณด้านหน้า เฟอร์รารี่เวิลด์ Ferrari World theme park (ไม่รวมค่าเข้าชมประมาณ 70USD/ท่าน) เป็นสวนสนุกในร่มแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลกออกแบบมาได้อย่างโดดเด่น ด้วยสัญลักษณ์เฟอร์รารี่ขนาดใหญ่บนหลังคาสีแดงสดส่วนโค้งเว้าของหลังคา ได้แรงบันดาลใจจาก Ferrari GT body มีขนาดครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 200,000 ตารางเมตร มีพื้นที่ในร่มให้ผู้เข้าชมได้ 86,000 ตารางเมต รขนาดใหญ่พอๆกับ 7 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว จุดประสงค์ที่สร้างขึ้นก็เพื่อระลึกถึงผู้ผลิตรถยนต์เฟอร์รารี่ขวัญใจคนทั่วโลก เดินทางสู่ Heritage Village จัดแสดงวิถีชีวิตอาหรับของ UAE ถูกทำซ้ำในสมัยโบราณนี่เป็นรูปแบบดั้งเดิมของการฟื้นฟูบูรณะอดีตอาหรับสำหรับประเทศอาหรับที่นี่แสดงให้เห็นชีวิตในสมัยโบราณไม่เพียงแต่ของเอมิเรตของอาบูดาบีแต่ของเขตภูมิอากาศทั้งหมดของประเทศที่นี่ในบางพื้นที่คุณสามารถมองเห็นวิถีชีวิตของชาวโอเอซิสชายฝั่งทะเลผู้สร้างมรดกหมู่บ้านแห่งนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตแบบเก่าแก่ของทั้งประเทศ นำท่าน ถ่ายรูปสุดชิควิวพาโนรามา 360 องศา จุดเช็คอินยอดนิยมและจุดที่ถือว่าเป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยอีกแห่งหนึ่งของเมืองอาบูดาบี จากนั้นถ่ายรูปกับ ตึกเอทิฮัดทาวเวอร์ (Etihad Tower) คือกลุ่มอาคารที่ใช้ในการถ่ายทำฉาก‘จัมป์รถ’ ข้ามตึกของโดมินิกทอเรตโต (รับบทโดยวินดีเซล) ในหนังเรื่อง Furious 7 ที่ผสมผสานทั้งความสวยงามยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมเข้ากับวีรกรรมสุดห่ามที่ไม่มีมนุษย์ปกติคนใครนึกอยากทำ เป็นต้นแบบของความหรูหราและงดงามท่ามกลางบรรดาตึกระฟ้าในอาบูดาบี ตัวอาคารสำนักงานสร้างจากหินอ่อนและประกอบไปด้วยการตกแต่งรายละเอียดอย่างใส่ใจ และระบบไฟที่ทันสมัยทั่วทั้งอาคารตั้งแต่ทางเข้าอาคาร ผู้ที่แวะเวียนมาที่เอทิฮัดทาวเวอร์จะต้องประทับใจกับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมชั้นหนึ่ง ที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและความสวยงามทันสมัย ถ่ายรูปกับ โรงแรม เอมิเรตส์ พาเลซ (Emirates Palace) ในกรุงอาบูดาบี (Abu Dhabi) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยโรงแรมที่เปิดให้บริการเมื่อปี ค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) แห่งนี้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.9 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 96,000 ล้านบาท จากการใช้ เงิน ทอง และหินอ่อน เป็นวัสดุในการก่อสร้าง ประติมากรรมหรือสถาปัตยกรรม สไตล์อาหรับ นอกจากนั้นโรงแรมแห่งนี้ยังติดตั้งโคมไฟระย้าที่ทำขึ้นมาจากแก้วคริสตัลของ "สวารอฟสกี้" เป็นจำนวนถึง 1,002 ชิ้น ตัวโรงแรมนั้นตั่งอยู่ ที่ริมชายหาด ยาวประมาณ 1.3 กิโลเมตร และตัวตึกโรงแรมเอง มีความกว้างประมาณ 850,000 ตารางเมตร ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ นามว่า John Elliot จากนั้นเดินทางกลับ ดูไบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างทางแวะ LAST EXIT จุดเช็คอินที่ใหม่ของดูไบ ให้ท่านให้แวะถ่ายรูปและซื้อสิ้นค้าต่างๆมากมาย |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | ALOFT DCC HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | นั่งรถลิมูซีน Limousine car ชมเมืองดูไบ - ดูไบ เฟรม - ชั้นที่ 124 ของตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ - ดูไบมอลล์ - น้ำพุแห่งดูไบ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารเช้าโรงแรม ให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์สุด Exclusive นำท่านนั่งรถลิมูซีน Limousine car ชมเมืองดูไบ ที่พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่หรูหราเป็นรถสำหรับขับในเมืองอันดีเลิศและภูมิฐาน หากคุณต้องการเดินทางแบบมีสไตล์และหรูหราอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่สามารถตอบโจทย์คุณได้ เดินทางสู่ ดูไบ เฟรม คือสถาปัตยกรรมหน้าตาคล้าย กรอบรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก นำท่านถ่ายรูปหน้าตึก (ไม่รวมค่าขึ้นตึก) ผ่านกระบวนการก่อสร้างมาถึง 10 ปีเต็ม ด้วยเม็ดเงินกว่า 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 พันล้านบาท คอนเซปต์ง่ายๆ ของ ‘ดูไบ เฟรม’ คือการแสดงภาพให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของดูไบ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะที่ตั้งของดูไบ เฟรม นั้นตั้งอยู่บริเวณเขตแบ่งระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างพอดิบพอดี นำท่านเดินทางสู่ ชั้นที่ 124 ของตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (BurjKhalifa) ตึกที่สูงที่สุดในโลก (รวมค่าบัตรขึ้นตึกชั้นที่ 124) หรือเดิมชื่อบุรจญ์ดูไบBurj Dubai ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่2ธันวาคมพ.ศ. 2552และเปิดให้ใช้ได้อย่างเป็นทางการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาขนาดยักษ์มีที่ตั้งณ "ชุมทางเชื่อมต่างระดับที่1" ของถนนชิคซาเยดและถนนโดฮาเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกโดยมีความสูงประมาณ828เมตรและเมื่อวันที่22กรกฎาคมพ.ศ.2550ตัวตึกได้ทำสถิติกลายมาเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมีความสูงถึง546เมตรแซงตึกไทเป101เรียบร้อย (สูงกว่าตึกไทเป101ประมาณ97เมตรและสูงกว่าอาคารใบหยก2 218เมตร) |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ ดูไบมอลล์(Dubai Mall) ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ด้านล่างของ BurjKhalifaณ ใจกลางของตัวเมืองดูไบคือศูนย์การค้าขนาดใหญ่มหึมาซึ่งเป็นที่รวมของร้านค้ามากกว่า1,200 ร้านร้านอาหารและร้านกาแฟมากกว่า 200 แห่งและตลาดขายทองในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจด้านสันทนาการ เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ไม่รวมค่าเข้าชมราคาประมาณ 1,500 บาท) ลานสเก็ตน้ำแข็งขนาดกีฬาโอลิมปิกสวนสนุกในร่มและโรงภาพยนตร์22 จอสถานที่อันดึงดูดใจเหล่านี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่มากกว่า5.9 ล้านตารางฟุต (550,000 ตารางเมตร) บนอาคารสี่ชั้น เดินทางสู่ น้ำพุแห่งดูไบ (Dubai Fountain) หรือ น้ำพุเต้นระบำ ตั้งอยู่ในทะเลสาบเบิร์จคาลิฟา ทะเลสาบที่เป็นศูนย์กลางของเมืองดูไบ ถูกรายล้อมไปด้วยตึกที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ดูไบมอลล์เบิร์จคาลิฟา หรือ หอคอยคาลิฟา เดิมชื่อ เบิร์จดูไบ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาขนาดยักษ์ มีที่ตั้ง ณ “ชุมทางเชื่อมต่างระดับที่ 1” ของถนนชิค ซาเยด และถนนโดฮา นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมชื่อดังอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากน้ำพุแห่ง ดูไบ นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่ง ของโครงการพัฒนาขนาดยักษ์ของ ดูไบ โดยน้ำพุนั้น มีความยาว 900 ฟุต หรือ 275 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าสนามฟุตบอล 2 สนาม สามารถพ่นน้ำได้ครั้งละ 22,000 แกลลอน (83,000 ลิตร) และความสูงของการพ่นน้ำในแต่ละครั้งนั้นสูง ประมาณ 240 ฟุต หรือเทียบเท่ากับตึกสูงประมาณ 50 ชั้นสิ่งพิเศษของน้ำพุแห่ง ดูไบ จะใช้ไฟทั้งสิ้น 6,600 ดวง โปรเจคเตอร์สี 50 ตัว ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยจะแสดงประกอบดนตรีครั้งละ ประมาณ 5 นาที โดยน้ำพุแห่ง ดูไบ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้นกว่า 7.2 พันล้านบาท |
ค่ำ | **อิสระอาหารค่ำ ที่ ดูไบมอลล์** สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ สนามบินดูไบ |
22.35 น. | ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดย สายการบินเอมิเรตส์ Emirate Airline (EK) เที่ยวบินที่ EK374 |
วันที่ 5 | กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
07.35 น. | เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม |
เงื่อนไขประกันการเดินทาง ค่าประกันอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองเฉพาะกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ไม่คุ้มครองถึงการสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวและไม่คุ้มครองโรคประจำตัวของผู้เดินทาง
** ก่อนตัดสินใจจองทัวร์ควรอ่านเงื่อนไขการเดินทางและรายการทัวร์อย่างละเอียดทุกหน้าอย่างถ่องแท้ แล้วจึงมัดจำเพื่อประโยชน์ของท่านเอง**
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel