บินตรงสู่อิสตันบูล ชมดินแดน 2 ทวีป
ชมนครใต้ดินคาดัค ที่มีความลึกจากพื้นดินลงไป 10 กว่าชั้น
ถ่ายรูปกับ ม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้เมืองทรอย
ชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ณ ปราสาทปุยฝ้าย
พิเศษ!! ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance)
วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
19.00 น. | พร้อมกันที่ สนามบินสุววรณภูมิ เคาท์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เคาท์เตอร์ U ประตู 9 Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
23.25 น. | ออกเดินทาง (บินตรง) สู่ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK69 |
วันที่ 2 | สนามบินอิสตันบูล - พระราชวังโดลมาบาห์เช่ - ฮายาโซฟีอา - เมืองบูร์ซา - สุเหร่าสีเขียว - หลุมฝังศพสีเขียว - ตลาดผ้าไหมเมืองบูร์ซา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
06.20 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล สนามบินแห่งใหม่ของประเทศตุรกี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย แล้วพบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ (เวลาท้องถิ่นที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร เดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย) ชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่ (DOLMABAHCE PALACE) ซึ่งสร้างเสร็จในสมัยของสุลต่านอับดุลเมจิตซึ่งทรงคลั่งไคลความเป็นยุโรปอย่างที่สุดทรงมีพระประสงค์จะให้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับแห่งใหม่แทนพระราชวังทอปกาปิการอสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เช เน้นความหรูหราอลังการสะท้อนความเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เด่นชัด ด้านหน้าพระราชวังมีหอนาฬิกาใหญ่สไตล์บาร็อกตั้งตระหง่าน ขณะที่ตัวพระราชวังนั้นงดงามด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิก นำท่านชม ฮายาโซฟีอา (HAGIA SOPHIA) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางฮายาโซฟีอาเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งอาสนวิหารเซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลัง ที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่น ย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่างๆออกและสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองบูร์ซา (BURSA) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศตุรกี ห่างจากชายฝั่งทะเลมาร์มะราไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 21 กม. เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ มีประชากร 1,704,441 คน และเขตเทศบาลมหานครมีประชากร 1,948,744 คน เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยจักรวรรดิโรมันและจักรวรรดิไบแซนไทน์ เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมันระหว่างปี ค.ศ. 1326 ถึง 1365 ชม สุเหร่าสีเขียว (GREEN MOSQUE) เหตุที่ได้ชื่อว่า “สุเหร่าสีเขียว” เพราะลวดลายบนกระเบื้องเซรามิกที่ตกแต่งด้านในตัวอาคารเป็นสีเขียว สถานที่แห่งนี้เป็นศาสนสถานเก่าแก่ที่รักษาสภาพไว้ได้เป็นอย่างดี เรารู้สึกได้ถึงความขลังและพลังศรัทธาอันเปี่ยมล้นของชาวบ้านและคนจากเมืองอื่นๆ ที่เข้ามาทำพิธีกรรม ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ชม หลุมฝังศพสีเขียว (GREEN TOMB) เป็นสุสานของสุลต่านออตโตมัน สุลต่านคนที่ห้า ถูกสร้างขึ้นโดยบุตรชายของเมห์เม็ตและผู้สืบทอด Murad II หลังจากการตายของจักรพรรดิในปี 1421 ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อว่า Hacı Ivaz Pasha นำท่านเดินทางสู่ บ้านผ้าไหมเมืองบูร์ซา (BURSA SILK HOUSE) โดยที่แห่งนี้ค้าขายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม โดยเฉพาะผ้าคลุมศีรษะลวดลายพื้นเมืองมีให้ท่านได้เลือกหลากหลายแบบ และด้วยสีสันของผ้าไหมที่สดใสนี่เองที่ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่สวยงามที่สุด |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม |
ที่พัก | HOTEL TIARA THERMAL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เมืองชานัคคาเล - ถ่ายรูปกับม้าโทรจัน - เมืองทรอย - เมืองไอวาลิค |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร เดินทางสู่ เมืองชานักกาเล (CANAKKALE) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง เป็นเมืองที่ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ หรือ เฮลลสปอนต์มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียนชานักกาเล อยู่ห่างจากกรุงอิสตันบูล เมืองหลวงของตุรกีด้วยการเดินทางทางรถยนต์ประมาณ 4 ชั่วโมง เคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอย ที่ปรากฏในสงครามกรุงทรอย ปัจจุบัน มีซากของกำแพงเมืองที่เป็นหินหนาปรากฏอยู่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ระหว่างแวะถ่ายรูปกับ ม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้เมืองทรอย (TROJAN HORSE) เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สำเร็จ นำท่านชม เมืองโบราณทรอย (TROY) ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า โฮเมอร์ (Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเอาไว้ว่า กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้ ตามบันทึกที่ว่านี้นั้นแรกเริ่มเดิมทีเหล่านักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เชื่อว่ากรุงทรอยเป็นแค่เมืองในตำนาน หาได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ไม่ หากแต่เมื่อราว 140 ปีที่แล้ว มีผู้ค้นพบซากของเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือซากของกรุงทรอย จากนั้นเดินทางสู่ เมืองไอวาลิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | GRAND TEMIZEL HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | คุชาดาสึ - เมืองโบราณเอฟฟิซุส - บ้านพระแม่มารี - โรงงานผลิตเสื้อหนัง - ปามมุคคาเล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร ชมเมือง โบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่ได้มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของโลก เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงามสมกับการเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเมืองโบราณเอฟฟิซุส รุ่งเรืองในยุคสมัยกรีก และโรมัน มีอายุกว่า 2,500 ปี เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอโอเนียน (Ionian) ที่อพยพมาจากกรีก ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาลแผนผังเมืองเอฟฟิซุสนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านยุทธศาตร์ทหาร และการค้า โดยตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลอีเจี้ยน เรือสินค้าสามารถเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก และตัวเมืองเอฟฟิซุสนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ขนาบด้วยภูเขาสูงสองด้าน คือภูเขาคอเรสซัส (Mount Coressus) กับ ภูเขาไพออน (Mount Pion) จึงทำให้ข้าศึกบุกโจมตีได้ยากมาก จากนั้นนำท่านชม บ้านพระแม่มารี (HOUSE OF VERGIN MARY) เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสต์ ศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้ง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม โรงงานผลิตเสื้อหนัง ที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริการครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลกจากนั้น ชิม และชอปปิ้ง ที่ ร้านขนมเตอร์กิช ดีไลท์ ขนมหวานสัญชาติตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่า โลคุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋า ที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ ถั่วพิสตาชิโอ วอลนัท และแมคคาเดเมีย ผสมเข้าไปด้วย นำท่านเดินสู่ ปามุคคาเล (PAMUKKALE) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | TRIPOLIS THERMAL HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | ปราสาทปุ้ยฝ้าย - เมืองโบราณเฮราโพลิส - คอนยา - พิพิธภัณฑ์เมฟลานา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร ชม ปราสาทปุยฝ้าย (COTTON CASTLE) มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากบ่อน้าร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนตหรือหินปูน ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนานไอน้าก็จะค่อยๆก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อ จนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเองด้วยความเชื่อว่าปามุคคาเล เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดการอาการต่างๆ ทำให้ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้าพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่าฮีเอราโพลิสอันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี จากนั้นนำท่านสู่ เฮราโพลิส (HIERAPOLIS) ซึ่งมีความหมายว่า เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นก่อนคริสตกาลมีอายุประมาณ 2,200 ปี จุดเด่นสาคัญของที่แห่งนี้คือมีโรงละครขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้ถึง 12,000 คน อดีตงานเทศกาลหรือการแข่งขันต่างๆก็จะจัดที่โรงละครแห่งนี้และรอบๆจะประกอบไปด้วยโรงอาบนน้ำโบราณ สระน้ำโบราณ ประตูเมือง ฯลฯ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง เมืองนี้เป็นเมืองสำคัญทางศาสนาอิสลามเป็นเมืองต้นกำเนิดศาสนาอิสลาม เชิญท่านมาในดินแดนแห่งนี้พิธีที่แตกต่างออกไปจากอิสลามทั่วไปคือพิธี Sema Dance เป็นการเต้นรำแบบใส่ชุดเหมือนกระโปรงหมุนเพื่อเข้าถึงพระเจ้า นำท่านชม พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (MEVLANA MUSEUM) หรือสำนักลมวน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1231 โดยเมฟลาน่า เจลาเลดดิน ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม พิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟานา เจลาเลดดินภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในตกแต่งประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | OZKAYMAK HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | สถานีคาราวาน - คัปปาโดเกีย - นครใต้ดินคาดัค - ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม เดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง จนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี ระหว่างทางแวะถ่ายรูป ชมสถานีคาราวาน (Caravanserai) มักจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอิทธิพลจากเปอร์เชียที่ก่อสร้างเป็นที่พักเล็กข้างทางที่นักเดินทางสามารถใช้สำหรับการพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทางสถานีคาราวานตั้งอยู่ได้จากการคมนาคมทางการค้าการติดต่อสื่อสารและการเดินทางของผู้คนในเครือข่ายของเส้นทางการค้า (traderoutes) ที่ครอบคลุมเอเชีย, แอฟริกาเหนือ และยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นชม นครใต้ดินคาดัค (Underground City of Caduk) เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัว ทำให้อากาศถ่ายเท นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum) เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากกว่า 30 แห่ง จนกลายเป็นศูนย์กลางสำนักสงฆ์เมื่อราวปี 300-1200 ภายในมีภาพวาดเฟรสโกบนผนังและเพดานภายในถ้ำที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ช่างงดงามตราตรึงใจแก่ผู้มาเยือน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรมตกแต่งสไตล์ถ้ำ ALFINA CAVE HOTEL หรือเทียบเท่า หมายเหตุ : ในกรณีโรงแรมสไตล์ถ้ำเต็ม ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ใช้โรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกันแทน |
วันที่ 7 | หุบเขานกพิราบ - ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ - โรงงานผลิตพรมทอมือ - ชมหุบเขาแบบพาโนรามิค - โชว์ระบำหน้าท้อง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
05.00 น. | นำท่านเดินทางไป สัมผัสบรรยากาศเมืองคัปปาโดเกียยามเช้า โดย การขึ้นบอลลูน โดยท่านจะเห็นวิวทั่วเมืองคัปปาโดเกีย โดยจะนั่งบอลลูนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในรายการ ค่าบริการท่านละ 250 USD โดยประมาณ โดยสอบถามราคากับทางหัวหน้าทัวร์อีกทีในวันที่จะเดินทาง หมายเหตุ : ในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยทำให้ไม่สามารถนั่งบอลลูนได้ทางบริษัทฯจะคืนเงินค่าบอลลูนให้ท่านละ 250 USD |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร จากนั้นเดินทางสู่ หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) ได้ชื่อนี้มาจากบ้านนกพิราบที่สลักเข้าไปในหิน นกชนิดนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารที่สำคัญสำหรับผู้ที่เคยอาศัยอยู่ในแถบนี้ และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย ผู้มาเยือนบางคนเลือกที่จะสำรวจภูมิประเทศแปลกประหลาดนี้ เรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านถ้ำที่แกะเข้าไปในหินเหล่านี้ ที่นี่แตกต่างจากชุมชนถ้ำส่วนใหญ่ในแคปพาโดเชียตรงที่หุบเขา Pigeon Valley ไม่มีโบสถ์ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย ชม โรงงานผลิตพรมทอมือ หัตถกรรมของชาวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม และมีราคาแพง หาซื้อได้ทั่วไป ลวดลายแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่ผลิต แต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าขึ้นชื่อของตนเองโดยเฉพาะ พรมที่มีราคาแพงจะทอด้วยขนสัตว์ มีชื่อเสียงมากที่สุดต้องเป็นของเมืองเฮเรเค (Hereke) พรมมี 2 แบบ ตามลักษณะความยาวของเส้นใบที่ใช้ทอคือ ฮาลี (Hali) เป็นพรมทั่วไป ที่นิยมขายกันอย่างแพร่หลาย ทำจากวัสดุ ทั้งขนสัตว์ ฝ้าย ไหม ระหว่างการทอเมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก จะเหลือเพียงด้านเดียวที่มีขนปุยฟูขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่ต้องการ อีกแบบคือ "คาลิม" (Kilim) ทอจากขนสัตว์ ฝ้าย และไหม ราคาถูกกว่าฮาลี ชนิดที่มีชื่อเสียงจะมาจากเมืองเฮเรเค ชม หุบเขาแบบพาโนรามิค มีทั้ง ปราสาทอุชิซาร์ (Uchisar Castle) ได้รับการตั้งชื่อตามก้อนหินใหญ่ในบริเวณศูนย์กลางของเมือง ซึ่งได้เคยถูกใช้เป็นปราสาทหินพิเศษก้อนนี้เป็นจุดสูงสุดของพื้นที่ ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของคัปปาโดเกียอันสวยงามได้บนนี้ ต่อด้วยชม Pasabagi Valley หรือ Monk Valley สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมปล่องไฟสามเศียรที่ถูกโอบล้อมไปด้วยหินธรรมชาติ จุดชมวิว Devrent valley เป็นวิวที่ดีที่สุดของคัปปาโดเกีย ซึ่งสามารถมองเห็นปล่องไฟนางฟ้าเป็นรูปต่างๆได้ เช่น รูปเห็ด และสัตว์ต่างๆ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร นำท่านชมการแสดงพื้นเมือง โชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปีในดินแดนแถบอียิปต์และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน ***ท่านจะได้รับประทานเครื่องดื่มท้องถิ่นไม่อั้น*** |
ที่พัก | AVRASYA HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | ถ่ายรูปทะเลสาบน้ำเค็ม - เมืองอังการา - สุสานอตาเติร์ก - อิสตัลบูล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
05.00 น. | นำท่านเดินทางไป สัมผัสบรรยากาศเมืองคัปปาโดเกียยามเช้า โดย การขึ้นบอลลูน โดยท่านจะเห็นวิวทั่วเมืองคัปปาโดเกีย โดยจะนั่งบอลลูนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในรายการ ค่าบริการท่านละ 250 USD โดยประมาณ โดยสอบถามราคากับทางหัวหน้าทัวร์อีกทีในวันที่จะเดินทาง หรือให้ท่านได้เลือกบริการ นั่งรถจิ๊ฟ JEEP SAFARI ชมวิวบอลลูน โดยราคาประมาณ 100-120 USD โดยสอบถามราคากับทางหัวหน้าทัวร์อีกทีในวันที่จะเดินทาง |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร ออกเดินทางสู่ กรุงอังการา (Ankara) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่างๆและสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆในตุรกี ระหว่างทาง แวะถ่ายรูป ทะเลสาบน้ำเค็ม (Lake TuzTuzGolu) ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของตุรกี เมื่อหน้าร้อนมาถึงน้ำจะเหือดแห้งเหลือแต่เพียงเกลือกองเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซนติเมตร มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดลูกหูลูกตา และยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War อีกด้วย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านสู่ สุสานอตาเติร์ก (ATATURK MAUSOLEUM) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ MUSTAFA KEMAL ATATURK ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามกู้อิสระภาพของตุรกีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี และประธานาธิบดีคนแรกเป็นสุสานของ ISMET INONU ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกีด้วยอนุสรณ์สถานออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 - 1953 ในธนบัตรตุรกีที่พิมพ์ระหว่างปี 1966 - 1987 และ 1999 - 2009 จะเป็นรูป ANITKABIR ด้วยสุสานอตาเติร์ก (Anitkabir หรือ Memorial Tomb หรือ Atatürk Mausoleum) เดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | RAMADA ENCORE HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | บลูมอสก์ - ฮิปโปโดรม - อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบราตัน - ชมพระราชวังทอปกาปึ - แกรนด์บาซาร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร ชมสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล บลูมอสก์ (Blue Mosque) สุเหร่าสีน้ำเงิน สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนเมืองอิสตันบูล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง สุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิปคาเนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอสวดมนต์ 6หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่มัสยิดแห่งนี้มี หอมินาเร็ตทั้ง 6หอ ตกแต่งด้วยหน้าต่าง 260 บาน สลับด้วยกระจกสีอันน่าวิจิตร มีพื้นที่ให้ละหมาดกว้างขว้าง มีขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วย โรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักสำหรับขบวนคาราวาน โรงครัวต้มน้ำ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง จากนั้นชม จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด (SULTANAHMED COMPLEX) หรือที่มีชื่อเรียกมาแต่โบราณว่า ฮิปโปโดรม (HIPPODROME) ซึ่งย่านแห่งนี้แต่เดิมเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์และใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬาขับรถม้า แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยจากอดีตที่มีแค่ลานและเสาโบราณอีก 3 ต้น คือ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส (Theodosius Obelisk) เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมฐานกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวยาวขึ้นไปเป็นยอดแหลมส่วนเสาโบราณต้นที่ 2 เรียกกันทั่วไปว่า เสางู (Bronze Serpentine Column) เป็นเสาบรอนซ์ที่แกะลวดลายเป็นรูปงู 3 ตัวพันเกี่ยวกันไปมาได้รับการยอมรับว่าเป็นเสาแบบกรีกที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเหลืออยู่ในอิสตันบูล และเสาต้นที่ 3 มีชื่อว่า เสาคอนสแตนติน (Column of Constantine) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1483 แต่เดิมเป็นเสาบรอนซ์ แต่ในช่วงสงครามครูเสดได้ถูกศัตรหลอมเอาบรอนซ์ออกไปจนเหลือเพียงแค่เสาปูนเท่านั้น นำท่านชม อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (BASILICA CISTERN) เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น ใช้เก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภคภายในวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเเล้ว เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวอย่าเดียวเท่านั้น |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ชมพระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace) อันเป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต (MEHMET THE CONQUEROR) ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็กๆ คริสเตียน(พวกนอกศาสนา) มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่าน มาห์มุทที่ 3 ก็ตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่าน ให้ท่านได้เดินซื้อของฝากและของที่ระลึก ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เป็นตลาดเก่าแก่ สร้างครั้งแรกในสมัยสุลต่านเมห์เม็ดที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1461 ตลาดนี้กินเนื้อที่กว่า 2 แสนตารางเมตร ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 4,000 ร้าน |
17.00 น. | ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล |
20.55 น. | ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดย สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK64 |
วันที่ 10 | สนามบินสุวรรณภูมิ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 | |
10.05 น. | เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม |
** ก่อนตัดสินใจจองทัวร์ควรอ่านเงื่อนไขการเดินทางและรายการทัวร์อย่างละเอียดทุกหน้าอย่างถ่องแท้ แล้วจึงมัดจำเพื่อประโยชน์ของท่านเอง**
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel