ชม อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน อุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล
ชม บลูมอสก์ 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง
ล่องเรือชมบรรยากาศ ความงามของธรรมชาติ ณ ช่องแคบบอสพอรัส
ช้อปปิ้ง ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ ตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศตุรกี ที่มีอายุนานกว่า 1,000 ปี
พักโรงแรมระดับ 4 -5 ดาว พิเศษ!! ชมโชว์ Belly Dance
รับประทานอาหารกลางวันสุดพิเศษ ณ หอคอย GALATA
ชิม Ice Cream ตุรกี ร้าน MADO ติดอันดับ 1 ของ Trip Advisor
** ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น พนักงานขับรถ หัวหน้าทัวร์ 80 USD/ท่าน **
วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
19.30 น. | พร้อมกันที่ สนามบินสุววรณภูมิ เคาท์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เคาท์เตอร์ U ประตู 9 Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
22.50 น. | ออกเดินทาง (บินตรง)สู่ ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK65 |
วันที่ 2 | ท่าอากาศยานอิสตันบูล - พระราชวังทอปกาปึ - อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน - จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด - บลูมอสก์ - ฮายาโซฟีอา - ช้อปปิ้ง ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
05.45 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล สนามบินแห่งใหม่ ณ ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย) |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร ชม พระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace) อันเป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย 'จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต'(MEHMET THE CONQUEROR)ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็ก ๆ คริสเตียน (พวกนอกศาสนา) มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่าน 'มาห์มุทที่ 3' ก็ตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านฯลฯ พระราชวังทอปคาปีเป็นที่สำหรับแสดงทรัพย์สมบัติอันมีค่าของสุลต่านของออตโตมานสมัยต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก, พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม ในอดีตภายในพระราชวังนี้จะมีข้าราชบริพารทำงานกันอยู่ประมาณ 5 พันคน จึงมีสภาพคล้ายตัวเมืองที่ซับซ้อนอยู่ในตัวเมืองอีกชั้นหนึ่ง ตัวพระราชวังนั้นได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรในยุคที่จักรวรรดิออตโตมานรุ่งเรืองถึงขีดสุด นำท่านชม อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Basilica Cistern) อุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูลสามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น ใช้เก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภคภายในวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเเล้ว เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวอย่าเดียวเท่านั้น จากนั้นชม จัตุรัสสุลต่าน อาห์เหม็ด (Sultanahmed Complex) หรือที่มีชื่อเรียกมาแต่โบราณว่า ฮิปโปโดรม (Hippodrome) ซึ่งย่านแห่งนี้แต่เดิมเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแซนไทน์และใช้เป็นลานกว้างสำหรับแข่งกีฬาขับรถม้า แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยจากอดีตที่มีแค่ลานและเสาโบราณอีก 3 ต้น คือ เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเชียส (Theodosius Obelisk) เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมฐานกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวยาวขึ้นไปเป็นยอดแหลมส่วนเสาโบราณต้นที่ 2 เรียกกันทั่วไปว่า เสางู (Bronze Serpentine Column) เป็นเสาบรอนซ์ที่แกะลวดลายเป็นรูปงู 3 ตัวพันเกี่ยวกันไปมาได้รับการยอมรับว่าเป็นเสาแบบกรีกที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเหลืออยู่ในอิสตันบูล และเสาต้นที่ 3 มีชื่อว่า เสาคอนสแตนติน (Column of Constantine) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1483 แต่เดิมเป็นเสาบรอนซ์ แต่ในช่วงสงครามครูเสดได้ถูกศัตรหลอมเอาบรอนซ์ออกไปจนเหลือเพียงแค่เสาปูนเท่านั้น |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ชมสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล “บลูมอสก์” (Blue Mosque) สุเหร่าสีน้ำเงิน สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนเมืองอิสตันบูล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางสุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิปคาเนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอสวดมนต์ 6 หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่มัสยิดแห่งนี้มี หอมินาเร็ตทั้ง 6 หอ ตกแต่งด้วยหน้าต่าง 260 บาน สลับด้วยกระจกสีอันน่าวิจิตร มีพื้นที่ให้ละหมาดกว้างขว้าง มีขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วย โรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักสำหรับขบวนคาราวาน โรงครัวต้มน้ำ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง จากนั้นชม ฮายาโซฟีอา (Hagia Sophia) เคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางจุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮายาโซฟีอาเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งอาสนวิหารเซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม เช่นเสามินาเรต แทน สุเหร่าโซฟีอาเป็นสุเหร่าหลักของอิสตันบูลมากว่า 500 ปี และเป็นต้นแบบของสุเหร่าออตโตมันอีกหลายแห่ง เช่นสุเหร่าสุลต่านอาเหม็ด (สุเหร่าสีน้ำเงิน), สุเหร่าเซห์ซาเด, สุเหร่าซือเลย์มานิเย และสุเหร่ารืสเตม ปาชา ในปี 1935 ฮายาโซฟีอาก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์โดยรัฐบาลตุรกีจนถึงปัจจุบัน จากนั้นช้อปปิ้ง ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศตุรกี มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี ยังเป็นตลาดในร่มสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย ภายในตลาดแกรนด์บาซาร์มีร้านค้ามากกว่า 4,000 ร้าน สินค้าหลักๆ ที่ขายในนี้คือ เครื่องเงิน พรม สิ่งทอ เสื้อผ้า วัตถุโบราณ ทองคำ และของที่ระลึก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น |
ที่พัก | GONEN YENIBOSNA HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาวที่ |
วันที่ 3 | พระราชวังโดลมาบาห์เช่ - ช่องแคบบอสพอรัส - หอคอยหิน GALATA - เมืองชานักกาเล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม ชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่ (Dolmabahce Palace) ซึ่งสร้างเสร็จในสมัยของสุลต่านอับดุลเมจิตซึ่งทรงคลั่งไคล้ความเป็นยุโรปอย่างที่สุดทรงมีพระประสงค์จะให้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับแห่งใหม่แทนพระราชวังทอปกาปิการอสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เชเน้นความหรูหราอลังการสะท้อนความเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เด่นชัด ด้านหน้าพระราชวังมีหอนาฬิกาใหญ่สไตล์บาร็อกตั้งตระหง่าน ขณะที่ตัวพระราชวังนั้นงดงามด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิก ลูกกรงบันไดยังตกแต่งด้วยแก้วเจียระไน ห้องโถงใหญ่ประดับด้วยโคมระย้าขนาดมหึมาหนักกว่า 4.5 ตัน อลังการงานสร้างจริงๆ นำท่าน ล่องเรือชมบรรยากาศ ณ ช่องแคบบอสพอรัส (Bosporus Strait) เป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างตุรกีเธรซที่อยู่ในทวีปยุโรปกับคาบสมุทรอานาโตเลียในทวีปเอเชีย เป็นช่องแคบหนึ่งของตุรกีคู่กับช่องแคบดาร์ดะเนลส์ทางตอนใต้ที่เชื่อมกับทะเลอีเจียน ช่องแคบบอสฟอรัสทางตอนเหนือและช่องแคบดาร์ดาเนลส์ทางตอนใต้เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลมาร์มะราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนช่องแคบบอสฟอรัสยาวราว 30 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดกว้าง 3,700 เมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 700 เมตร ความลึกระหว่าง 36 ถึง 124 เมตร ฝั่งทะเลของช่องแคบเป็นเมืองอิสตันบูลที่มีประชากรหนาแน่นถึงราว 11 ล้านคน จุดชมวิวสมัยยุคกลางของอิสตันบูล ให้คุณมองเห็นย่านประวัติศาสตร์ของเมือง และพื้นน้ำบริเวณปากอ่าวโกลเด้นฮอร์นได้ แบบพาโนรามา (360 องศา) ในสมัยที่สร้าง หอคอยหิน GALATA นี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุดในอิสตันบูล ด้วยความสูงเก้าชั้นร่วม 220 ฟุต (67 เมตร) |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยงสุดพิเศษ ที่หอคอย GALATA ่หรือรู้จักกันในชื่อ "หอคอยคริสต์" ในตอนที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1348 หลังจากนั้นจักรวรรดิออตโตมันได้ใช้ที่นี่เป็นหอสังเกตการณ์สำหรับตรวจตราเพลิงไหม้ ตัวหอคอยได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์เพลิงไหม้สองครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 18 และ 19 นับตั้งแต่การบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1960 หอคอยได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม และปัจจุบันก็กลายเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองและช่องแคบบอสฟอรัส ไต่ขึ้นหอคอยเพื่อไปให้ถึงระเบียงด้านนอกที่เห็นวิวได้กว้างสุดลูกหูลูกตา ข้างบนนั้นคุณจะได้เห็นแลนด์มาร์กสำคัญๆ ของอิสตันบูลในมุมที่แปลกตาออกไป มองผ่านช่องแคบที่แบ่งระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย แล้วตัดผ่านไปยังเมืองอิสตันบูล สะพาน GALATA ที่เชื่อมต่อระหว่างสองทวีปก็สามารถมองเห็นจากตรงนี้ได้เช่นกัน |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองชานักกาเล (Canakkale) เป็นเมืองที่ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ เฮลเลสปอนต์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับแหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียนชานักกาเลเคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอย ที่ปรากฏในสงครามกรุงทรอย ปัจจุบัน มีซากของกำแพงเมืองที่เป็นหินหนาปรากฏอยู่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | KOLIN HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว |
วันที่ 4 | เมืองโบราณทรอย - ม้าไม้ฮอลิวู้ด - เมืองคูซาดาซึ - บ้านพระแม่มารี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นชม เมืองโบราณทรอย(Troy) ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า ‘โฮเมอร์’ (Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กรุงทรอย’ (Troy) เอาไว้ว่า ‘กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้’ ตามบันทึกที่ว่านี้นั้นแรกเริ่มเดิมทีเหล่านักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เชื่อว่ากรุงทรอยเป็นแค่เมืองในตำนาน หาได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ไม่ หากแต่เมื่อราว 140 ปีที่แล้ว มีผู้ค้นพบซากของเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือซากของ ‘กรุงทรอย’ ระหว่างทางแวะถ่ายรูป กับม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้ฮอลิวู้ด (Trojan horse) เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สำเร็จ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองคูซาดาซึ KUSADASI (ระยะทาง 199 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกี ชม บ้านพระแม่มารี (House of Vergin Mary) เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | TUSAN HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว |
วันที่ 5 | เมืองโบราณเอฟฟิซุส - โรงงานผลิตเสื้อหนัง - ปามมุคคาเล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม ชม เมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus) เมืองโบราณที่ได้มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของโลก เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงามสมกับการเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเมืองโบราณเอฟฟิซุส รุ่งเรืองในยุคสมัยกรีก และโรมัน มีอายุกว่า 2,500 ปี เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอโอเนียน (Ionian) ที่อพยพมาจากกรีก ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาลแผนผังเมืองเอฟฟิซุสนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านยุทธศาตร์ทหาร และการค้า โดยตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลอีเจี้ยน เรือสินค้าสามารถเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก และตัวเมืองเอฟฟิซุสนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ขนาบด้วยภูเขาสูงสองด้าน คือภูเขาคอเรสซัส (Mount Coressus) กับ ภูเขาไพออน (Mount Pion) จึงทำให้ข้าศึกบุกโจมตีได้ยากมาก จากนั้นนำท่านชม โรงงานผลิตเสื้อหนัง ที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริการครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ทำท่านเดินสู่ ปามมุคคาเล (Pamukkale) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ชม ปามุคคาเล แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็จะค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเองด้วยความเชื่อว่า ปามุคคาเล เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดการอาการต่าง ๆ ทำให้ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่า ฮีเอราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | PAM THERMAL HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว หมายเหตุ : โรงแรมมีน้ำแร่ให้ท่านได้แช่กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำก่อนลงสระด้วย |
วันที่ 6 | เมืองคอนย่า - เมืองคัปปาโดเกีย - สถานีคาราวาน - โชว์ระบำหน้าท้อง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม เดินทางสู่ เมืองคอนย่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุค ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของพวกเติร์กบนแผ่นดินตุรกี ในช่วงปี 1071 -1275 |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี ระหว่างทางแวะชม สถานีคาราวาน (Caravanserai) มักจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอิทธิพลจากเปอร์เชีย ที่ก่อสร้างเป็นที่พักเล็กข้างทางที่นักเดินทางสามารถใช้สำหรับการพักผ่อน ให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง สถานีคาราวานตั้งอยู่ได้จากการคมนาคมทางการค้า การติดต่อสื่อสาร และการเดินทางของผู้คนในเครือข่ายของเส้นทางการค้า (trade routes) เป็นที่รู้จักในภาษาไทยด้วยชื่อเรียกว่า "โรงเตี๊ยม" |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ชมการแสดงพื้นเมือง “โชว์ระบำหน้าท้อง”Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปีในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบันและการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน |
ที่พัก | GOREME KAYA HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม - นครใต้ดินคาดัค - โรงงานผลิต - พรมทอมือ เซรามิค - โรงงานจิวเวอรี่ - สนามบินเนฟเซไฮร์ - สนามบินอิสตันบูล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้าตรู่ | OPTION 2. นั่งรถจิ๊ฟ ให้ท่านได้เลือกบริการนั่งรถจิ๊ฟ JEEP SAFARI ชมวิวบอลลูน (ค่าบริการท่านละ 100-120 USD โดยประมาณ) **ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถสอบถามได้จากทางเจ้าหน้าที่ ** |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (GOREME OPEN AIR MUSEUM) เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากกว่า 30 แห่ง จนกลายเป็นศูนย์กลางสำนักสงฆ์เมื่อราวปี 300-1200 ภายในมีภาพวาดเฟรสโกบนผนังและเพดานภายในถ้ำที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ช่างงดงามตราตรึงใจแก่ผู้มาเยือน |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน พิเศษ!! ให้ท่านได้ลิ้มลองไอศกรีมตุรกีต้นตำหรับ ร้าน MADO เป็นร้านที่ติดอันดับ 1 ใน TripAdvisor ของไอศกรีมตุรกีนั่นเอง โดยทางบริษัทจัดเตรียมให้ท่านได้ทานท่านละ 1 SCOOP |
บ่าย | จากนั้นเดินทางสู่ นครใต้ดินคาดัค (CARDAK UNDERGROUND CITY) เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้าและชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วยเมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัว ทำให้อากาศถ่ายเท ชม โรงงานผลิตพรมทอมือ หัตถกรรมของชาวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม และมีราคาแพง หาซื้อได้ทั่วไป ลวดลายแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่ผลิต แต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าขึ้นชื่อของตนเองโดยเฉพาะ พรมที่มีราคาแพงจะทอด้วยขนสัตว์ มีชื่อเสียงมากที่สุดต้องเป็นของเมืองเฮเรเค (Hereke) พรมมี 2 แบบ ตามลักษณะความยาวของเส้นใบที่ใช้ทอคือ ฮาลี (Hali) เป็นพรมทั่วไป ที่นิยมขายกันอย่างแพร่หลาย ทำจากวัสดุ ทั้งขนสัตว์ ฝ้าย ไหม ระหว่างการทอเมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก จะเหลือเพียงด้านเดียวที่มีขนปุยฟูขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่ต้องการ อีกแบบคือ "คาลิม" (Kilim) ทอจากขนสัตว์ ฝ้าย และไหม ราคาถูกกว่าฮาลี ชนิดที่มีชื่อเสียงจะมาจากเมืองเฮเรเค จากนั้นชม โรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเนฟเซไฮร์ (NEVSEHIR KAPADOKYA AIRPORT) |
20.45 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบิน อิสตันบูล ISTANBUL INTERNATIONAL AIRPORT |
22.45 น. | เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ISTANBUL INTERNATIONAL AIRPORT ่ให้ท่านได้พักผ่อนระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องโดยมีร้านค้าปลอดภาษี แบรนด์สินค้าชั้นนำ เช่น HERMES, LOUIS VUITTON, GUCCI, PRADA และยังมีร้านอาหารต่างๆอีกมากมาย |
วันที่ 8 | สนามบินอิสตันบูล - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
01.25 น. | ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน เตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK68 |
15.00 น. | เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม |
** ก่อนตัดสินใจจองทัวร์ควรอ่านเงื่อนไขการเดินทางและรายการทัวร์อย่างละเอียดทุกหน้าอย่างถ่องแท้แล้วจึงมัดจำเพื่อประโยชน์ของท่านเอง **
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel