ชม นครใต้ดินคาดัค เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น
ม้าไม้เมืองทรอย เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้
เมืองโบราณเอฟฟิซุส 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ณ ปามมุคคาเล
เยือนเมือง คัปปาโดเกีย ที่ได้ชื่อว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี”
** ชมโชว์ระบำหน้าท้อง พร้อมรับประทานเครื่องดื่มท้องถิ่นไม่อั้น **
** ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น พนักงานขับรถ และหัวหน้าทัวร์ 80 USD/ท่าน **
วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ - บินตรงสู่ประเทศตุรกี (กรุงอิสตันบูล) |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
18.30 น. | พร้อมกันที่ สนามบินสุววรณภูมิ เคาท์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เคาท์เตอร์ U ประตู 9 Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
21.45 น. | ออกเดินทาง (บินตรง) สู่ ประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูลโดยเที่ยวบินที่ TK65 **พีเรียดตั้งแต่วันที่30 ต.ค.62เป็นต้นไป ทางสายการบินมีการเปลี่ยนแปลงเวลาบิน ขาไป ดังนี้** 19.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุววรณภูมิเคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์เคาน์เตอร์U ประตู 9 Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
วันที่ 2 | สนามบินอิสตันบูล - ชานัคคาเล่ - นั่งเรือข้ามช่องแคบดาร์ดะเนลส์ - ถ่ายรูปกับม้าไม้ฮอลิวู้ด - ชมเมืองโบราณทรอย |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
05.45 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล อาตาตูร์ก ประเทศตุรกี พบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ (เวลาท้องถิ่นที่ตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) เมืองอิสตันบูล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย) |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร เดินทางสู่ เมืองชานักกาเล (Canakkale)***ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง*** เป็นเมืองที่ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร ระหว่างทางให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศนั่งเรือเฟอร์รี่ข้าม ช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ตั้งอยู่ทาง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ระหว่างทาง แวะถ่ายรูป กับม้าโทรจัน หรือ ม้าไม้เมืองทรอย (Trojan horse)เป็นม้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ จากมหากาพย์อีเลียดเรื่องสงครามเมืองทรอย ม้าไม้นี้เกิดขึ้นจากอุบายของโอดิสเซียส ในการบุกเข้าเมืองทรอย ที่มีป้อมปราการแข็งแรง หลังจากที่รบยืดเยื้อมานานถึง 10 ปีแล้ว ด้วยการให้ทหารสร้างม้าไม้นี้ขึ้นมา แล้วลากไปวางไว้หน้ากำแพงเมืองทรอย แล้วให้ทหารกรีกแสร้งทำเป็นล่าถอยออกไป เมื่อชาวทรอยเห็นแล้วเข้าใจว่าเป็นบรรณาการที่ทางฝ่ายกรีกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าและล่าถอยไปแล้ว จึงลากเข้าไปไว้ในเมืองและฉลองชัยชนะ เมื่อตกดึก ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ ก็ไต่ลงมาเผาเมืองและปล้นเมืองทรอยได้เป็นที่สำเร็จ จากนั้นชม เมืองโบราณ ทรอย (Troy)ตามตำนานกรีกโบราณในมหากาพย์เรื่อง ‘อิเลียต’ (Iliad) ของกวีนามว่า ‘โฮเมอร์’ (Homer) ได้มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กรุงทรอย’ (Troy) เอาไว้ว่า ‘กรุงทรอย มีที่ตั้งอยู่ในบริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของช่องแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) ทำให้นครแห่งนี้สามารถควบคุมเส้นทางการติดต่อทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้’ ตามบันทึกที่ว่านี้นั้นแรกเริ่มเดิมทีเหล่านักปราชญ์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เชื่อว่ากรุงทรอยเป็นแค่เมืองในตำนาน หาได้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ไม่ หากแต่เมื่อราว 140 ปีที่แล้ว มีผู้ค้นพบซากของเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่านี่คือซากของ ‘กรุงทรอย’ เดินทางสู่ เมืองไอวาลิค***ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง*** |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | HALIC PARK HOTELหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาวตามมาตรฐานดาวตุรกี ที่เมืองไอวาลิค |
วันที่ 3 | เมืองอิสเมียร์ - โรงงานผลิตเสื้อหนัง - เมืองโบราณเอฟฟิซุส - บ้านพระแม่มารี - คุชาดาสึ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นเดินทางสู่ เมืองอิสเมียร์ เป็นมหานครในปลายสุดทางตะวันตกของอานาโตเลีย และเป็นเมืองอันดับที่สามมีประชากรมากที่สุด ในประเทศตุรกีเป็นรองแค่อิสตันบูล กับอังการา และเป็นเมืองในทะเลอีเจียนที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดรองจากเอเธนส์(ใช้เวลาดินทางประมาณ 4ชั่วโมง) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | หลังอาหาร นำท่านชม โรงงานผลิตเสื้อหนัง ที่มีคุณภาพและชื่อเสียงของตุรกี เสื้อแจ็กเก็ตและหนัง มีคุณภาพดี แบบทันสมัย มีน้ำหนักเบา ฟอกหนังดี นุ่มบางเบา สวมใส่สบายขึ้น ราคาถูกกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาครึ่งต่อครึ่ง เพราะตุรกีเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปขายทั่วโลก จากนั้นชม เมืองโบราณเอฟฟิซุส (Ephesus) เมืองโบราณที่ได้มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของโลก เมืองเอฟฟิซุสเป็นเมืองในยุคโบราณที่ยิ่งใหญ่ สวยงามสมกับการเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเมืองโบราณเอฟฟิซุส รุ่งเรืองในยุคสมัยกรีก และโรมัน มีอายุกว่า 2,500 ปี เป็นที่อยู่อาศัยของชาวไอโอเนียน (Ionian) ที่อพยพมาจากกรีก ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาลแผนผังเมืองเอฟฟิซุสนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางด้านยุทธศาตร์ทหาร และการค้า โดยตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลอีเจี้ยน เรือสินค้าสามารถเทียบท่าได้ใกล้ประตูเมืองมาก และตัวเมืองเอฟฟิซุสนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ขนาบด้วยภูเขาสูงสองด้าน คือภูเขาคอเรสซัส (Mount Coressus) กับ ภูเขาไพออน (Mount Pion) จึงทำให้ข้าศึกบุกโจมตีได้ยากมาก นำท่านชม บ้านพระแม่มารี (House of Vergin Mary)เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้ง นำท่านเดินสู่ ปามมุคคาเล (Pamukkale)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | MARINA HOTELหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาวที่เมือง KUSADASI มาตรฐานตุรกี |
วันที่ 4 | คุชาดาสึ - ปามมุคคาเล - ปราสาทปุยฝ้าย - คอนย่า |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นทำท่านเดินสู่ ปามมุคคาเล (Pamukkale)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง. ปามุคคาเล แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองปามุคคาเล จังหวัดเดนิซลิ (Denizli) ประเทศตุรกี มีลักษณะเป็นระเบียงน้ำพุเกลือร้อน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเกิดแผ่นดินไหวของโลกในอดีต มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร ความงดงามสุดวิจิตรของสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากบ่อน้ำร้อนที่อุดมไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน ซึ่งเมื่อน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ไอน้ำก็จะค่อย ๆ ก่อให้เกิดชั้นของแคลเซียมเกาะบริเวณขอบบ่อจนเกิดเป็นผนังสีขาวขึ้นนั่นเองด้วยความเชื่อว่า ปามุคคาเล เป็นเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบำบัดการอาการต่าง ๆ ทำให้ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองนั้นว่า ฮีเอราโพลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ และปามุคคาเล ก็ได้ถูกใช้เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้น เดินทางสู่ เมืองคอนย่า ***ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง*** เมืองนี้เป็นเมืองสำคัญทางศาสนาอิสลามเป็นเมืองต้นกำเนิดศาสนาอิสลาม อีกลัทธิหนึ่งเรียกว่าลัทธิ Mevlevi หรือ ลัทธิลมหวน การปฏิบัติยอมรับนับถือเหมือนอิสลามทุกประการ ผู้ที่ก่อตั้งลัทธิลมหวล คือท่าน MevlanaCelaledin Rumi - เมฟลาน่า เจลาอัดดิน รูมี่ ประมาณ ศตวรรษที่ ๑๑ท่านเป็นปราชญ์ ร่ำลือว่าเป็นผู้วิเศษ กำเนิดในอัฟกานิสถานสุลต่านแห่งอาณาจักร์ เซลจุค เชิญท่านมาในดินแดนแห่งนี้พิธีที่แตกต่างออกไปจากอิสลามทั่วไปคือพิธี Sema Dance เป็นการเต้นรำแบบใส่ชุดเหมือนกระโปรงหมุนเพื่อเข้าถึงพระเจ้า |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | OZKAYMAK HOTELหรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาวที่เมืองคอนย่ามาตรฐานตุรกี |
วันที่ 5 | คัปปาโดเกีย - สถานีคารวาน - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม - นครใต้ดินคาดัค - โรงงานผลิตพรมทอมือ - โรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ - ชมการแสดงระบำหน้าท้อง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม เดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ แปลว่า“ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว (ปัจจุบันภูเขาไฟทั้ง 2 ดับแล้ว) ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย(คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง จนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ที่ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี ระหว่งทาง แวะชมสถานีคาราวาน (Caravanserai) มักจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอิทธิพลจากเปอร์เชียที่ก่อสร้างเป็นที่พักเล็กข้างทางที่นักเดินทางสามารถใช้สำหรับการพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทางสถานีคาราวานตั้งอยู่ได้จากการคมนาคมทางการค้าการติดต่อสื่อสารและการเดินทางของผู้คนในเครือข่ายของเส้นทางการค้า (traderoutes)ที่ครอบคลุมเอเชีย, แอฟริกาเหนือ และ ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้น ชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 สร้างโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน และสร้างโบสถ์ไว้มากกว่า 30 แห่ง จนกลายเป็นศูนย์กลางสำนักสงฆ์เมื่อราวปี 300-1200 ภายในมีภาพวาดเฟรสโกบนผนังและเพดานภายในถ้ำที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ช่างงดงามตราตรึงใจแก่ผู้มาเยือน จากนั้นชม นครใต้ดินคาดัค (Underground City of Caduk)เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส ชมโรงงานผลิต พรมทอมือ หัตถกรรมของชาวตุรกีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงาม และมีราคาแพง หาซื้อได้ทั่วไป ลวดลายแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่ผลิต แต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าขึ้นชื่อของตนเองโดยเฉพาะ พรมที่มีราคาแพงจะทอด้วยขนสัตว์ มีชื่อเสียงมากที่สุดต้องเป็นของเมืองเฮเรเค (Hereke)พรมมี 2 แบบ ตามลักษณะความยาวของเส้นใบที่ใช้ทอคือ ฮาลี (Hali) เป็นพรมทั่วไป ที่นิยมขายกันอย่างแพร่หลาย ทำจากวัสดุ ทั้งขนสัตว์ ฝ้าย ไหม ระหว่างการทอเมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก จะเหลือเพียงด้านเดียวที่มีขนปุยฟูขึ้นมา เป็นลวดลายตามที่ต้องการ อีกแบบคือ "คาลิม" (Kilim) ทอจากขนสัตว์ ฝ้าย และไหม ราคาถูกกว่าฮาลี ชนิดที่มีชื่อเสียงจะมาจากเมืองเฮเรเคจากนั้น ชมโรงงานเซรามิคและโรงงานจิวเวอรี่ อิสระเชิญท่านเลือกชมสินค้าตามอัธยาศัย |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร จากนั้น นำท่านชม การแสดงพื้นเมือง “โชว์ระบำหน้าท้อง” Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปีในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน ***ท่านจะได้รับประทานเครื่องดื่มท้องถิ่นไม่อั้น*** |
ที่พัก | พักโรงแรมตกแต่งสไตล์ถ้ำ 1 คืน AFINA CAVE HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกันมาตรฐานตุรกี * ในกรณีโรงแรมสไตล์ถ้ำเต็ม ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ใช้โรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกันแทน** |
วันที่ 6 | คัปปาโดเกีย - อังการา - ถ่ายรูปทะเลสาบน้ำเค็ม - อิสตันบูล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
05.00 น. | นำท่านเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศ เมืองคัปปาโดเกียยามเช้า โดยการขึ้นบอลลูน โดยท่านจะเห็นวิวทั่วเมืองคัปปาโดเกีย โดยจะนั่งบอลลูนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในรายการ ค่าบริการท่านละ 230 USD โดยประมาณ โดยสอบถามราคากับทางหัวหน้าทัวร์อีกทีในวันที่จะเดินทาง |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม ออกเดินทางสู่ กรุงอังการา (Ankara)ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ ๒ รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ ๔๕๐ กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ในตุรกี ระหว่างทาง แวะถ่ายรูป ทะเลสาบน้ำเค็ม Lake TuzTuzGolu)ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของตุรกี เมื่อหน้าร้อนมาถึงน้ำจะเหือดแห้งเหลือแต่เพียงเกลือกองเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซนติเมตร มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดลูกหูลูกตา และยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War อีกด้วย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (เดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอานาโตเลีย) |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | RAMADA ENCORE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาวที่เมือง ISTANBULมาตรฐานตุรกี |
วันที่ 7 | บลูมอสก์ - อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน - ฮิปโปโดรม - ฮายาโซฟีอา - พระราชวังทอปกาปึ - ชอปปิ้ง ณ สไปซ์มาเก็ต - สนามบินอิสตันบูล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นชม สัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล“บลูมอสก์” (Blue Mosque)สุเหร่าสีน้ำเงินสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือนเมืองอิสตันบูล มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง สุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิปคาเนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอสวดมนต์ 6หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอ แต่มัสยิดแห่งนี้มี หอมินาเร็ตทั้ง 6หอ ตกแต่งด้วยหน้าต่าง 260 บาน สลับด้วยกระจกสีอันน่าวิจิตร มีพื้นที่ให้ละหมาดกว้างขว้าง มีขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วย โรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักสำหรับขบวนคาราวาน โรงครัวต้มน้ำ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง ชม อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Basilica Cistern)เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ตั้งแต่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น ใช้เก็บน้ำเอาไว้อุปโภคบริโภคภายในวัง โดยลำเลียงน้ำมาจากทะเลดำ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานเเล้ว เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวอย่าเดียวเท่านั้น |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม ฮายาโซฟีอา (Hagia Sophia)เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางฮายาโซฟีอาเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งอาสนวิหารเซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็น โบสถ์ในระหว่างปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม ชม พระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace)อันเป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย 'จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต' (MEHMET THE CONQUEROR)ในอดีตพระราชวังทอปกาปึเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาวตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็ก ๆ คริสเตียน(พวกนอกศาสนา)มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดสุลต่าน 'มาห์มุทที่ 3' ก็ตัดสินใจยุบระบบขุนนางทหารรับใช้ซึ่งยืนยงมากว่า 350 ปีนี้ลง และปฏิรูประบบการจัดการทหารในประเทศเสียใหม่ โดยการนำการจัดทัพแบบยุโรปมาใช้ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่าน จากนั้นชอปปิ้ง ณ สไปซ์มาเก็ต เป็นตลาดที่มีอายุเก่าแก่ยาวนาน ถึง 350 กว่าปีสินค้าที่ขายอันดับหนึ่ง ได้แก่เครื่องเทศ ตามชื่อของตลาดสไปซ์ โดยแทบทุกร้านจะมีกระบะไม้วางเรียงกัน แต่ละกระบะจะบรรจุเครื่องเทศกลิ่นต่างๆ เช่นเครื่องเทศสำหรับหมักเนื้อ ต้มน้ำซุป หรือ แม้แต่อบเชยหรือซีเนมอนที่ใช้ผสมกับเครื่องดื่มนอกจากเครื่องเทศแล้วยังมีสินค้าประเภทถั่ว ชาผลไม้ รวมไปถึงผลไม้อบแห้งน้ำผึ้งแท้ น้ำมันหอมระเหย ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อติดไม้ติดมือไปเป็นของฝาก รวมถึงเตอกิชดีไลท์ ขนมหวานเตอร์กิชต้นตำรับแท้ ๆ |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร จากนั้นได้เวลาอันสมควร เดินทางเข้าสู่ สนามบินอิสตันบูล |
วันที่ 8 | สนามบินอิสตันบูล - กรุงเทพ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
01.50 น. | ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดย สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK68 |
14.50 น. | เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel