วันที่ 1 | กรุงเทพฯ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
18.00 น. / 19.30 น. | คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 สายการบินTURKIST AIRLINE เคาน์เตอร์ U ประตู 9 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน |
22.50 น. / 23.25 น. | เหิรฟ้าสู่ กรุงอิสตันบูล โดย สายการบิน TURKIST AIRLINE เที่ยวบินที่ TK65 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) หมายเหตุ |
วันที่ 2 | เมืองอิสตันบูล - สุเหร่าสีน้ำเงิน - ฮิปโปโดรม - พระราชวังทอปกาปึ - เมืองอังการ่า |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
05.45 น. / 06.20 น. | เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ อตาเติร์กกรุงอิสตันบูล เที่ยวบินที่ TK65 / TK69 หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นนำทุกท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองอิสตันบูล (ISTANBUL) |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคารท้องถิ่น **ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า และ จำเป็นต้องต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม** จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณ ในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7 |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำทุกท่านชม พระราชวังทอปกาปึ (TOPKAPI PALACE) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวังทอปกาปึ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคนนำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆมากมาย จากนั้นเดินทางสู่ เมืองอังการ่า (ANKARA) เมืองหลวงของประเทศตุรกี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง เมืองอังการ่า หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า ANGORA เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่างๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ในตุรกี ความสำคัญของกรุงอังการา กรุงอังการามีประชากรจำนวน 4,965,542 คน ทำให้กรุงอังการาเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของตุรกี และอันดับ 2 ในกลุ่มเมืองหลวงยุโรป ในขณะที่นครอิสตันบูลเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมาร์มารานั้น กรุงอังการาก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาคอนาโตเลีย โดยเป็นจุดตัดของการคมนาคมทางบก (รถยนต์และรถไฟ) ที่เชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ ของตุรกีเข้าด้วยกัน และเป็นศูนย์กลางตลาดสินค้าเกษตรที่ขนส่งมาจากภาคต่างๆทั่วตุรกีด้วย |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | ANKARA ROYAL CARINE HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | ทะเลสาบเกลือ - คัปปาโดเกีย - นครใต้ดิน - หุบเขาอุซิซาร์ - ระบำหน้าท้อง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) ระยะทาง 300 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างทางนำท่านได้ชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ (SALT LAKE) |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกันเป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้องๆ มีทั้งห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำและระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ จากนั้นนำท่านชม หุบเขาอุซิซาร์ (UCHISAR VALLEY) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดีๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย จากนั้นนำท่านแวะชม โรงงานจิวเอวร์รี่ และ โรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึก |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านชมการแสดงพื้นเมือง ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน (บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง) |
ที่พัก | โรงแรมสไตล์ถ้ำ CAPPADOCIA BURCU KAYA HOTEL หรือเทียบเท่า หมายเหตุ : กรณีห้องพักโรงแรมสไตล์ถ้ำประยุกต์เต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน ซึ่งสไตล์การตกแต่งอาจจะไม่เป็นสไตล์ถ้ำประยุกต์ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า |
วันที่ 4 | OPTIONAL BALLOON IN คัปปาโดเกีย - เมืองเกอเรเม - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง - เมืองคอนย่า - พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า - แวะชม CARAVANSARAI - เมืองปามุคคาเล่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ** แนะนำโปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour) **
คำแนะนำ - เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็คเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง - ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนออกเดินทาง และ ควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไทยไป) - กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง หรือ ตั้งครรภ์ เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับผิดชอบทุกกรณี - สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านจำเป็นต้องพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก นำทุกท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เมืองเกอเรเม (GOREME MUSEUM) ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำทุกท่านสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (MEVLANA MUSEUM) เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตร ของเมฟลาน่าด้วย หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) ใช้เวลาเดินทาง 4.50 ชั่วโมง (395 กิโลเมตร) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | PAMUKKALE TRIAPOLIS THERMAL HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | เมืองปามุคคาเล่ - ปราสาทปุยฝ้าย - เมืองเฮียราโพลิส - เมืองโบราณเอฟฟิซุส - บ้านพระแม่มารี - ร้านขนม TURKISH DELIGHT - เมืองคูซาดาซึ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเข้าชม โรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน 100% จากนั้นนำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ท่านจะได้สัมผัส เมืองเฮียราโพลิส HIERAPOLIS เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไรเช่นโรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (KUSADASI) (ระยะทาง 190 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.50 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต นำท่านชม บ้านพระแม่มารี (HOUSE OF VIRGIN MARY) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้างหลังนี้ ถูกค้นพบอย่าปาฏิหาริย์ โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich เมื่อปี ค.ศ. 1774-1824 ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นห้าบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตปาปา โป๊ป เบเนดิกส์ที่ 6 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้าน มีก๊อกน้ำสามก๊อก ที่ มีความเชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้ายแล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานทอพรม สิ่งท่อขึ้นชื่อของประเทศตุรกี เป็นพรมท่อมือ สามารถเลือกชมเลือก ซื้อได้ตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม (TURKIST DElIGHT) ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | KUSADASI GRAND SAHINS HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | เมืองคูซาดาซึ - โรงงานเครื่องหนัง - วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ - เมืองชานัคคาเล่ - ม้าไม้จำลองเมืองทรอย |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางชม โรงงานเครื่องหนัง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องหนังขั้นหลากหลาย ให้ทุกท่านได้ทดลองการเป็นนายแบบและนางแบบเสื้อหนังต่างๆตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ (THE TEMPLE OF ARTEMIS) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ แวะถ่ายรูป โบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (ST. JOHN CASTLE) สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป มัสยิดอิสอิส เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของยุคจักรวรรดิ Seljuk ในช่วงปลายคริสต์ ค.ศ. 1400 นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัส มัสยิด Isa bey ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ (CANAKKALE) (ระยะทาง 410 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ นำท่านชม ม้าไม้จำลองเมืองทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงทรอยแตกสงครามม้าไม้ เป็นสงครามที่สำคัญตำนานของกรีกและเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอยหลังจากสู้รบกันเป็นเวลาสิบปี กองทัพกรีกก็ได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ที่เรียกว่าม้าไม้เมืองทรอย โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันแล้วก็ทำการเข็นไปไว้หน้ากรุงทรอยเหมือนเป็นของขวัญและสัญลักษณ์ว่าชาวกรีกยอมแพ้สงครามและได้ถอยทัพออกห่างจากเมืองทรอย ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจันก็ต่างยินดีว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพไปแล้วก็ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมืองแล้วทำการเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่เมื่อชาวทรอยนอนหลับกันหมด ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากม้าโทรจันแล้วทำการเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้ามาในเมืองแล้วก็สามารถยึดเมืองทรอยได้ ก่อนที่จะทำการเผาเมืองทรอยทิ้ง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | CANAKKALE TUSAN HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | กรุงอิสตันบูล - ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส - สุเหร่าเซนต์โซเฟีย - ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำทุกท่านเดินทางต่อสู่ กรุงอิสตันบูล (ISTANBUL) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง (ระยะทาง 450 กิโลเมตร) |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำทุกท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส จุดที่บรรจบกันของทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งทำให้ประเทศตุรกีได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งสองทวีป ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมทะเลดำทะเลมาร์มาร่า เราจะได้เห็นป้อมปืนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบได้แก่ Rumeli Castle และ Anatolia Castle โดยจุดชมวิวที่สำคัญคือสะพาน แขวนบอสฟอรัส เชื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งข้ามฝั่งยุโรปและเอเชียได้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1973 มีความยาวทั้งสิ้น 1,560 เมตร และได้กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลกในสมัยนั้น (ปัจจุบันตกไปอยู่อันดับที่ 21) ขณะที่ล่องเรือพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่และบ้านเรือนของบรรดาเหล่าเศรษฐีที่สร้างได้สวยงามตระการตา จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (SAINT SOPHIA) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม นำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET) หรือ ตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร |
ค่ำ | **อิสระอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกต่อการช้อปปิ้ง** ได้เวลาอันสมควร นำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบิน |
วันที่ 8 | กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
01.50 น. | เหินฟ้าสู่ กรุงเทพมหานคร โดย สายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK 68 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) |
15.00 น. | คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel