วันที่ 1 | กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) - กรุงปารีส - นครริโอเดจาเนโร |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
8.00 น. | คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสายขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 ประตูทางเข้า7เคาน์เตอร์เช็คอิน P สายการบินแอร์ฟราน โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรับบัตรโดยสาร **หมายเหตุ** เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาทีและผู้โดยสารพร้อมณประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 30 นาที |
10.45 น. | บินลัดฟ้าสู่ กรุงปารีส โดย สายการบินแอร์ฟราน เที่ยวบินที่ AF165 ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง 25 นาทีโดยประมาณ |
18.10 น. | เดินทางถึง กรุงปารีส ชาร์ลส์เดอโกล เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซนบริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสบนใจกลางแคว้น อีล–เดอ–ฟร็องส์ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 5 ช.ม.กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย) พักผ่อนบริเวณสนามบินเพื่อรอต่อเครื่องไปยัง รีโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล |
23.35 น. | บินลัดฟ้าสู่ นครริโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล โดย สายการบิน Air France เที่ยวบินที่ AF442 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)ใช้เวลาเดินทาง 11 ชั่วโมง 15 นาทีโดยประมาณ |
วันที่ 2 | ริโอเดอจาเนโร - ถ่ายรูปสนามกีฬามารากานัง - ภูเขาซูการ์โลฟ (นั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นยอดเขา) - ป้อมปราการ โคปาคาบานา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
05.30 น. | บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางถึง สนามบินอังโตนีอูการ์ลูชโชบิง นครริโอเดจาเนโร ซึ่งมีความหมายว่า "แม่น้ำเดือนมกราคม" หรือมักเรียกโดยย่อว่ารีโอ (Rio) เป็นเมืองหลวงของรัฐรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 9 ช.ม. กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย) รีโอเดจาเนโร เป็นเมืองที่กล่าวขานกันว่างดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และเป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะชายหาดกอปากาบานา และอีปาเนมาเทศกาลรื่นเริงประจำปีของบราซิล และรูปปั้นพระเยซูขนาดใหญ่ที่รู้จักในชื่อกริชตูเรเดงโตร์บนยอดเขากอร์โกวาดู หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านออกเดินทางลงใต้และแวะ ถ่ายรูปบริเวณภายนอก สนามกีฬามารากานัง (Maracana stadium) สนามกีฬาแห่งชาติของบราซิลถือเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยชื่อของสนามนั้นมาจากชื่อย่านมารากานัง ที่อยู่โดยรอบเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ค.ศ.1950 เพื่อใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1950 โดยใช้ในพิธีเปิดและปิด สามารถจุผุ้ชมได้มากถึง 100,000 กว่าคน มารากานัง ยังเป็นหนึ่งในสนามที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 และเป็นสนามในการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศในโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 และเป็นสถานที่จัดพิธีเปิดและปิดโอลิมปิกในครั้งเดียวกันนั้น |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางต่อไปยัง จุดชมวิวยอดนิยม ภูเขาซูการ์โลฟ (Sugar Loaf Mountain) นั่งกระเช้า ขึ้นสู่ ยอดเขาที่มีความสูง 396 เมตร ซึ่งสูงตระหง่านอยู่ที่ปลายแหลมสุดของปากอ่าวกวานาบารา บนยอดเขามีบริการกระเช้าที่จะพานักท่องเที่ยวข้ามจากเขาอีกลูกหนึ่งไปยัง ยอดเขาชูก้าโรฟ เพื่อชมทิวทัศน์ที่งดงามตื่นเต้นกับทิวทัศน์ที่ปรากฎอยู่โดยรอบและยังสามารถมองเห็นชายหาดโค้งรับกับหาดทรายขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสดุจภาพเขียนที่ตราตรึง นอกจากจุดชมวิวบนยอดเขาแล้วชูก้าโลฟยังเป็นสถานที่โปรดปรานของนักปีนเขาที่ชอบความท้าทายจากทั่วโลกอีกด้วยเพราะยอดเขาแห่งนี้มีพื้นที่ในการปีนเขาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นำท่านชม ป้อมปราการ โคปาคาบานา เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางทหารที่มั่นแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยเป็นหนึ่งในระบบป้องกันประเทศหลักของนครริโอเดจาเนโรป้อมปราการมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประติมากรรมหุ่นขี้ผึ้งและสิ่งของเกี่ยวกับทหารที่หายากรวมทั้งเครื่องแบบและอาวุธบนป้อมยังติดตั้งปืนใหญ่ครุปป์ขนาด 305 มม. ที่สามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปไกลถึง 23 กม. อีกด้วย |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Copacabana beach Hotel ระดับ4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | รูปปั้นพระเยซูกริชตูเรเดงโตร์ - บันไดศิลปะเซลารอน - โบสถ์เมโทรโปลิแทน - เมืองกูรีตีบา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ รูปปั้นพระเยซูกริชตูเรเดงโตร์ ประติมากรรมรูปปั้นพระเยซูคริสต์ผู้ไถ่บาปขนาดความสูงจากฐานราว 38 เมตร ตั้งอยู่ บนยอดเขากอร์โกวาดู รูปปั้นพระเยซูกริชตูเรเดงโตร์ ผลงานของประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ชื่อปอลลันดอฟสกีเป็นผู้ออกแบบ และเอโตร์ดาซิลวากอชตาวิศวกรชาวบราซิลดำเนินการสร้าง ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี ประติมากรรมนี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่รูปปั้นนี้เป็นหนึ่งใน "7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ที่ทำขึ้นจากคอนกรีตเสริมใยเหล็กและต่อมาได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงรีโอเดจาเนโรเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิลทั้งนี้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 คนต่อปี |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินชมงานศิลปะใน ย่านลาปาบันไดศิลปะเซลารอน (Escadaria Selaron หรือLapa Steps) ศิลปินชาวชิลีชื่อฆอร์เฆ่เซลารอนเขาเริ่มจากตกแต่งบันไดหน้าบ้านเขาด้วยแผ่นกระเบื้องสีตั้งแต่ปี 1990 ตอนนี้มีมากกว่า 2,000 แผ่นและกระเบื้องก็ถูกนำมาจากหลายประเทศทั่วโลก จากนั้นเดินทางไปยัง โบสถ์เมโทรโปลิแทน (Metropolitan Cathedral of Saint Sebastian) หรือที่คนทัวไปรู้จักกันว่า Rio de Janeiro Cathedral ซึ่งจุดที่ทําให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมแปลกตาโดยถอดแบบมาจากพีระมิดของชาวมายาที่ประเทศเม็กซิโกภายในมีกระจกแก้วสีสันสวยงามจากทั้งสีด้านตกแต่งจากพื้นขึ้นไปถึงเพดานเป็นรูปกากบาทหรือ Cross ที่เป็นสัญลักษณ์ของไม้กางเขน |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติอังโตนีอูการ์ลูชโชบิง |
21.20 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองกูรีตีบา เมืองชายแดนทางทิศใต้ที่มีธรรมชาติและป่าเขาที่สมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกอีกด้วย |
23:40 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฟอสดูอีกัวซู ในรัฐ Parana ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศบลาซิลติดกับรัฐเซาเปาโลทางทิศตะวันออกติดกับรัฐซันตากาตารีนาของอาร์เจนตินาทางทิศใต้มีแม่น้ำปารานาแบ่งเขตแดนกับประเทศปารากวัยเมืองหลวงของรัฐคือเมืองกูรีตีบา |
ที่พัก | IGUASUHOTEL ระดับ 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | น้ำตกอีกวาซู - ล่องเรือมาคูโค - เขื่อนอิไตปู - กรุงลิมา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม น้ำตกอีกวาซู (Iguazu Falls แปลว่า "สายน้ำอันยิ่งใหญ่") หรือ (Guarani) ในภาษากวารานีของชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิม น้ำตกอีกวาซู ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินาโดยทั้งสองประเทศประกาศให้บริเวณพื้นที่ป่าริมน้ำตกเป็นเขตอุทยานแห่งชาติของทั้งสองประเทศเพื่อคุ้มครองรักษาสัตว์ป่าเขตร้อนซึ่งมีสัตว์ต่างถิ่นและพืชพันธุ์แปลกตาหลากสีและพรรณไม้นานาชนิดที่เรียงรายอยู่ทั่วภูมิทัศน์อันเขียวชอุ่มน้ำตกอีกวาซูยังเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่าขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกาน้ำตกอีกวาซูเกิดจากแม่น้ำอีกวาซูไหลมาจากที่ราบสูงปารานาตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่าจึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุตประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่อีก 275 แห่งในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากแต่ในช่วงฤดูร้อนคือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคมปริมาณน้ำจะลดลงบริเวณรอบๆน้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร ให้ท่านได้นั่งเรือเจ็ทมาคูโคแบบใกล้ชิดน้ำตกเรือจะนำเราลอดผ่านชั้นต่างๆของน้ำตกน้อยใหญ่ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามของน้ำตก Tre Mosqueteros Fall ผ่านเข้าไปใกล้น้ำตกThree Musketeers และSan Martin Falls จุดยอดนิยมของน้ำตก ** หมายเหตุ : กิจกรรมนี้มีความเสี่ยง การตัดสินใจร่วมกิจกรรมของท่านไม่อยู่ในการดูแลรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของบริษัททัวร์ ** |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม เขื่อนอิไตปู (Itaipú) เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ซึ่งในอดีตจัดได้ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกกั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศปารากวัย จึงทำให้เขื่อนนี้เป็นทั้งผนังกันน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองประเทศอีกด้วย เขื่อนอิไตปู เป็นเขื่อนคอนกรีตชนิดเขื่อนแบบกลวงมีขนาดความสูง 180 เมตรยาวกว่า 8 กิโลเมตรใช้คอนกรีตในการสร้างกว่า 28 ล้านตันซึ่งสามารถสร้างสนามฟุตบอลได้ 210 สนามและใช้เหล็กมากขนาดสร้างหอไอเฟลได้ 380 หอเลยทีเดียวเมื่อสร้างเสร็จด้านเหนือเขื่อนจึงเกิดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า 1,550 ตารางกิโลเมตรระยะทางยาวลึกขึ้นไปทางเหนือเขื่อนอีกกว่า 160 กิโลเมตรมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 18 เครื่องมีกำลังการผลิต 12,600 เมกะวัตต์จึงสามารถจ่ายไฟให้กับประเทศปารากวัยได้ทั้งประเทศรวมทั้งเมืองใหญ่ของบราซิลทั้งกรุงเซาเปาโลและนครรีโอเดจาเนโรได้อย่างสบายแต่ภายหลังได้มีโครงการเพิ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็น 20 เครื่องภายในปี 2550 และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 14,000 เมกะวัตต์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติฟอสดูอีกัวซู |
19.50 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงลิมา ประเทศเปรู ชื่อทางการคือสาธารณรัฐเปรูเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้มีพรมแดนติดกับหลายประเทศ |
22:15 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮอร์เกจาเวซ ประเทศเปรูเมืองหลวงชื่อ กรุงลิมา (Lima ) ถูกตั้งขึ้นโดยฟรันซิสโกปีซาร์โรผู้พิชิตชาวสเปนโดยให้สมญานามว่านครแห่งเหล่ากษัตริย์ (City of Kings) กรุงลิมา เป็นทั้งศูนย์กลางการขนส่งการเงินอุตสาหกรรมและวัฒนธรรมของประเทศอีกด้วยเป็นเมืองและเขตนครหลวงสำคัญที่สุดในทวีปอเมริกาใต้มานานกว่าสามศตวรรษปัจจุบันจำนวนประชากรเกือบหนึ่งในสามของทั้งประเทศอาศัยในเขตนครหลวงของเมืองนี้ที่ตั้งของกรุงลิมาห้อมล้อมด้วยหุบเขาชียองแม่น้ำรีมักและแม่น้ำลูริงริมชายฝั่งแห้งแล้งซึ่งอยู่ติดกับอ่าวในมหาสมุทรแปซิฟิก |
ที่พัก | HOTEL ระดับ4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | ลิมา - เมืองโบราณปาชาคมามา - พิพิธภัณฑ์ทองคำ - มหาวิหาร ลิมา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางไปเยี่ยมชม เมืองโบราณปาชาคามา (Pachacamac Ruins) มีความหมายว่าผู้สร้างโลก เมืองโบราณปาชาคามาเป็นเมืองโบราณที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างปี 800–1450 ก่อนคริสตกาลตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลิมาในอดีตปกครองโดยอาณาจักรอินคาบริเวณโดยรอบเป็นที่ตั้งของปิระมิดหลากหลายรูปแบบที่ได้มีการขุดค้นพบขึ้นและส่วนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดคือวิหารปาชาคามา นำท่านสำรวจภายในวิหารและโบราณสถานโดยรอบที่ได้ขุดค้นพบชมความยิ่งใหญ่ของเมืองโบราณแห่งอาณาจักรอินคาอีกแห่งหนึ่งวัฒนธรรมในแถบนี้ใช้เวลาก่อตัวมากกว่าหนึ่งหมื่นปีก่อนยุคอินคาก่อนที่วัฒนธรรมจะเริ่มแผ่ขยายมีการก่อสร้างวัดและแท่นบูชาทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่สำหรับการเคารพบูชาของชนเผ่าพื้นเมือง ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับ แหล่งโบราณคดี Huaca Hualiamarca ปิระมิดดินขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านให้นักท่องเที่ยวเก็บภาพและความน่าประทับใจ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นไปที่ พิพิธภัณฑ์ทองคำ Gold Museum of Peru and Arms of the World ในพิพิธภัณฑ์ทองคำที่ดีที่สุดในอเมริกาใต้นอกจากทองคำอาวุธยุทโธปกรณ์แล้วยังมีซากมัมมี่อีกด้วยจากอารยะธรรมโบราณที่น่าสนใจของกลุ่มชนเผ่าโบราณต่างๆเกี่ยวกับงานโลหะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีวัตถุต่างๆ จัดแสดงมากกว่า 7,000 ชิ้นรวมไปถึงผลงานทางศิลปะและหินล้ำค่าบางชนิดนอกจากนี้ยังมีอาวุธต่างที่สะสมไว้ราว 20,000 ชิ้นจากทั่วทุกมุมโลก นำท่านเดินทางกลับสู่ ตัวเมืองลิมา เพื่อชม โบสถ์โรมันคาทอลิก Basilica and Convent fo San Francisco วิหารยอดหอคอยแฝดประจำเมือง วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ตั้งตระหง่านเป็นวิวประกอบฉากกับเมืองที่สามารถมองเห็นจากทุกที่ในใจกลางเมืองอย่างสวยงาม จากนั้นให้ท่านได้เดินชมและถ่ายรูปบริเวณรอบๆ Plaza Mayor ในยามค่ำคืนชมมหาวิหารที่ประดับไปด้วยแสงไฟสีทอง |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Hotelระดับ 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | กรุงลิมา - เมืองกุสโก - วิหารดวงอาทิตย์ - ป้อมปราการซัคเซฮัวมัน - หุบเขาศักดิ์สิทธิ์อูรูรัมบา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
Morning Call | นำท่านเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติฮอร์เกซาเวซ เพื่อเดินทางไปยัง เมืองคุสโก อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเปรู |
............น. | เดินทางถึง เมืองกุสโก เมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีสบนความสูงประมาณ 3,300 เมตร เมืองกุสโกเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอินคา หลังจากสเปนมายึดครองและตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ลิมากุสโกก็ถูกลดความสำคัญลงแต่หลังจากที่มีการค้นพบมาชูปิกชูในปีพ.ศ. 2454 เมืองกุสโกก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญจนในปีพ.ศ. 2526 องค์กรยูเนสโกได้ประกาศให้มาชูปิกชูเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม |
เช้า | บริการอาหารเช้า แบบกล่อง นำท่านชม วิหารแห่งดวงอาทิตย์ (Qorikancha) มีความหมายว่าลานทองคำ และในอดีตสมัยอินคากำแพงวิหารก็ปกคลุมด้วยแผ่นทองคำจริงๆ แต่เมื่อเมื่อสเปนเข้ายึดเป็นอาณานิคมพวกเขาได้ทำลาย และปล้นสะดมบางส่วนของวิหารไปนักล่าอาณานิคมชาวสเปนลอกโลหะล้ำค่าเกือบทั้งหมดออกแล้วนำไปหลอมเพื่อส่งไปยังยุโรป คุณสามารถเห็นล่องรอยบนหินที่เคยเป็นตำแหน่งยึดแผ่นทองคำ วิหารแห่งดวงอาทิตย์ ภายหลังวิหารแห่นนี้ได้ถูกบูรณะก่อสร้างสำนัก Santo Domingo ทับตัววิหารเดิมและสำนักดังกล่าวยังคงอยู่มาถึงปัจจุบันห้องขนาดเล็กของลานภายในห้องสักการะสายฟ้าและสายรุ้ง ห้องทำพิธีบูชายัญจากนั้นนำท่านชมป้อมปราการซัคเซฮัวมัน (Sacsayhuaman) เป็นป้อมปราการทางตอนเหนือของเมืองเมืองกุสโกเมืองหลวงเก่าแก่อาณาจักรอินคาโบราณ ตัวป้อมเป็นหินขนาดใหญ่แต่ละก้อนสูงกว่า 6 เมตรยาวสุด 400 เมตรเรียงตัวซ้อนกันอย่างเป็นประนีตอยู่บนเขานักโบราณคดีคาดการณ์ว่าป้อมปราการ Sacsayhuaman ถูกสร้างขึ้นเมื่อค.ศ. 900 – 1200 โดยหินทุกก้อนถูกจัดวางและถูกทำให้เป็นรูปร่างจากเครื่องมือที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ จุดนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศทางวิศวกรรมของชาวอินคา |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม หุบเขาศักดิ์สิทธิ์อูรูรัมบา (Urubamba Sacred Valley) ตั้งอยู่ในหุบเขาของเทือกเขาแอนดีสซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอินคาในอดีตมีพื้นที่ครอบคลุมราว 60 กิโลเมตรขนานไปกับแม่น้ำอูรูบัมบาหรือที่รู้จักกันในชื่อแม่น้ำวิลคาโนต้าซึ่งมีความหมายว่า “แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์”เนื่องจากเส้นทางสายนี้ในอดีตเชื่อกันว่าเคยเป็นเส้นทางแสวงบุญเส้นสำคัญของชาวอินคาที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่มาชูปิกชู พื้นที่แห่งนี้สดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตเกษตรกรรมโบราณดั้งเดิม |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | SONESTA POSADA DELINCA YUCAYHOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | นครโบราณมาชูปิกชู - ตลาดพื้นเมืองชาวอินคา - เมืองกุสโก |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม นำออกเดินทางโดยรถโค้ชอุทยานไปยัง นครโบราณมาชูปิกชู ที่ตั้งของนครโบราณของชาวอินคา บนความสูงกว่า 2,430 เมตรจากระดับน้ำทะเล มาชูปิกชู เป็นซากเมืองโบราณของอารยธรรมอินคาอดีตนั้นเมืองแห่งนี้เข้าถึงได้ยากมีความเร้นลับและมหัศจรรย์เพราะตั้งอยู่บนภูเขาสูงห่างไกลอันเป็นภูเขาส่วนหนึ่งในแนวเทือกเขาแอนดีสที่สูงใหญ่ที่สุดในโลกนครแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 เคยเป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในยุคที่อาณาจักรอินคาที่อยู่ในยุคเฟื่องฟูแต่เมื่ออาณาจักรอินคาต้องล่มสลายด้วยการขยายอำนาจของสเปนภายหลัง มาชูปิกชูจึงถูกทอดทิ้งกลายเป็นเมืองสาบสูญไปในช่วงศตวรรษที่ 16 และได้กลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในฝันของนักเดินทางจากทั่วโลกอีกครั้งหลังจากการค้นพบโดย Hiram Bingham ในปีค.ศ. 1911 ความมหัศจรรย์ของ มาชูปิกชูนั้นคือ มีทำเลตั้งอยู่บนยอดเขาสูงและไม่สามารถมองเห็นได้จากเชิงเขาจึงทำให้มันถูกซ่อนอยู่บนยอดเขาอย่างยาวนานหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรอินคาและเมื่อมีการค้นพบก็ยิ่งทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันอึ้งทึ่งกับความชาญฉลาดในการเลือกตำแหน่งที่ตั้งของเมืองรวมไปถึงการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับธรรมชาติและเอื้อต่อการดำรงชีพของชาวอินคามีการวางระบบน้ำและการเกษตรกรรมได้อย่างดีมีศูนย์กลางทางศาสนพิธีและยังมีสิ่งก่อสร้างที่เชื่อมโยงต่อเรื่องราวของดาราศาสตร์ด้วยสิ่งปลูกสร้างต่างๆจะถูกสร้างด้วยหินให้ลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆตามแนวเชิงเขาโดยมีขั้นบันไดหลายพันขั้นเป็นทางเดินเชื่อมต่อกัน |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บนเขา |
บ่าย | นำท่านแวะ ตลาดพื้นเมือง เลือกชมสินค้าหัตถกรรมและงานฝีมือของชาวบ้านซึ่งเป็นสินค้าที่ทำขึ้นอย่างพิถีพิถันและมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองให้เลือกมากมายหลากหลายแบบเราจะเห็นชาวบ้านแต่งตัวด้วยผ้าพื้นเมืองใส่กระโปรงลวดลายงดงามถักเปียสวยงาม สมควรแก่เวลาเดินทางกลับสู่เมืองกุสโกพักผ่อนบนรถ |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Hotel ระดับ 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | จัตุรัสนักรบ - โบสถ์ลาคัมปาเนีย - เมืองคุซโก - กรุงลิมา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | บริการอาหารเช้าณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม กำแพงหิน 12 Side Stone ที่สร้างขึ้นโอบล้อมเมืองเก่าคูซโก้ กำแพงนี้สร้างจากภูมิปัญญาของชาวอินคาโบราณโดยการนำหินก้อนใหญ่มาเรียงกันสร้างเป็นกำแพงเมืองขนาดใหญ่ จากนั้นนำท่านเดินชมความสวยงามของ เมืองคูซโก้ เยี่ยมชม จตุรัสอาร์ม (Arms Square) หรือที่รู้จักในนามจัตุรัสนักรบและบริเวณใกล้ๆกันนั้น ยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์ลาคัมปาเนีย (Church of la Compania de Jesus) โบสถ์ที่อยู่คู่เมืองกุสโก ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1576 และได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่สร้างแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียลบาโร๊คที่สวยงาม |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางไปยังสนามบิน นานาชาติอเลฮานโดรเวลาสโกอาสเตเต |
..............น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮอร์เกซาเวซ รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางไปยัง อัมสเตอร์ดัม |
20.00 น. | ออกเดินทางจาก กรุงลิมา ไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติสคิปโฮลอัมสเตอร์ดัม โดย สายการบินเคแอลเอ็มโรยัลดัตช์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KL744 ใช้เวลาเดินทาง 12.30 ชั่วโมง โดยประมาณ *** บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล *** |
วันที่ 9 | ท่าอากาศยานนานาชาติสคิปโฮลอัมสเตอร์ดัม - กรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
15.20 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสคิปโฮลอัมสเตอร์ดัม พักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง |
17.50 น. | ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดย สายการบินเคแอลเอ็มโรยัลดัตช์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ KL875 ใช้เวลาเดินทาง 11.00 ชั่วโมง โดยประมาณ *** บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล *** |
วันที่ 10 | กรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 | |
09.50 น. | เดินทางถึง กรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ) โดยสวัสดิภาพและด้วยความประทับใจ |
1.บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาและเงื่อนไขต่างๆโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าทั้งนี้ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯเท่านั้นอีกทั้งข้อสรุปและข้อตัดสินใดๆของบริษัทฯให้ถือเป็นข้อยุติสิ้นสุดสมบูรณ์
2.บริษัทฯ และตัวแทนของบริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายการทัวร์ตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อจำกัดด้านภูมิอากาศและเวลา ณ วันที่เดินทางจริงทั้งนี้ทางบริษัทฯจะยึดถือและคำนึงถึงความปลอดภัยรวมถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าส่วนมากเป็นสำคัญ
3.รายการทัวร์นี้เป็นการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ (Join Tour) จัดทำและดำเนินการโดยบริษัทคู่ค้า (Partner)
4.อัตราค่าบริการคิดคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน และราคาตั๋วเครื่องบินในปัจจุบันบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนราคาค่าบริการในกรณีที่มีการขึ้นราคาค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกันภัยสายการบินค่าธรรมเนียมน้ำมันหรือมีการประกาศลดค่าเงินบาทหรืออัตราแลกเปลี่ยนได้ปรับขึ้นในช่วงใกล้วันที่คณะจะเดินทาง
5.ในระหว่างการท่องเที่ยวนี้ หากท่านไม่ใช้บริการใดๆไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่สามารถเรียกร้องขอคืนค่าบริการได้
6.หากท่านไม่เดินทางกลับพร้อมคณะทัวร์ ตั๋วเครื่องบินขากลับซึ่งยังไม่ได้ใช้ไม่สามารถนำมาขอคืนเงินได้
7.ค่าบริการที่ท่านชำระกับทางบริษัทฯ เป็นการชำระแบบเหมาขาดและทางบริษัทฯได้ชำระให้กับบริษัทฯตัวแทนแต่ละแห่งแบบเหมาขาดเช่นกัน ดังนั้นหากท่านมีเหตุอันใดที่ทำให้ท่านไม่ได้ท่องเที่ยวพร้อมคณะตามรายการที่ระบุไว้ ท่านจะขอคืนค่าบริการไม่ได้
8.กรณีเกิดความผิดพลาดจากตัวแทน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนมีการยกเลิกล่าช้าเปลี่ยนแปลงการบริการจากสายการบินบริษัทขนส่งหรือหน่วยงานที่ให้บริการบริษัทฯจะดำเนินโดยสุดความสามารถที่จะจัดบริการทัวร์อื่นทดแทนให้แต่จะไม่คืนเงินให้สำหรับค่าบริการนั้นๆ
9.มัคคุเทศก์พนักงานและตัวแทนของบริษัทฯไม่มีสิทธิ์ในการให้คำสัญญาใดๆทั้งสิ้นแทนบริษัทฯนอกจากมีเอกสารลงนามโดยผู้มีอำนาจของบริษัทฯกำกับเท่านั้น
10.โปรแกรมทัวร์นี้จะสามารถออกเดินทางได้ต้องมีจำนวนผู้เดินทางขั้นต่ำ 20 ท่านรวมในคณะตามที่กำหนดไว้เท่านั้นหากมีจำนวนผู้เดินทางรวมแล้วน้อยกว่าที่กำหนดไว้บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนกำหนดการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง 10-15ท่าน ต้องเพิ่มเงินท่านละ 2,000 บาท, กรณีที่มีผู้เดินทาง 16-19 ท่านต้องเพิ่มเงินท่านละ 1,000 บาท
11.บริษัทฯรับเฉพาะผู้มีวัตถุประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้นการเดินทางของผู้เดินทางด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝงอื่น ๆ เช่นการไปค้าแรงงานการค้าประเวณีการค้ามนุษย์การขนส่งสินค้าหนีภาษีการขนยาเสพติดการโจรกรรมการขนอาวุธสงครามการก่อการร้ายและอื่น ๆ ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายผิดศีลธรรมอันดีบริษัทฯมิได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องหรือมีส่วนต้องรับผิดชอบใด ๆ กับการกระทำดังกล่าวทั้งสิ้น
12.หากผู้เดินทางถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้นๆปฏิเสธการเข้า - ออกเมืองด้วยเหตุผลใดๆก็ตามถือเป็นเหตุผลซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจและความรับผิดชอบของบริษัทฯทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบคืนเงินทั้งหมด
13.ผู้เดินทางต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวและรับผิดชอบต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวท่านเองบริษัทฯจะไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากเกิดความไม่พึงพอใจในสินค้าที่ผู้เดินทางได้ซื้อระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวนี้
14.ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบต่อการจัดเก็บ และดูแลทรัพย์สินส่วนตัวของมีค่าต่าง ๆ อย่างระมัดระวังบริษัทฯจะไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากเกิดการสูญหายของทรัพย์สินส่วนตัวของมีค่าต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวอันมีสาเหตุมาจากผู้เดินทาง
15.บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายของทรัพย์สินและสัมภาระระหว่างการเดินทางอันมีสาเหตุมาจากสนามบินสายการบินบริษัทขนส่งโรงแรมหรือการโจรกรรมแต่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการเรียกร้องค่าชดใช้ให้กับผู้เดินทาง
16.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจากการยกเลิกหรือความล่าช้าของสายการบินภัยธรรมชาติการนัดหยุดงานการจลาจลการปฏิวัติรัฐประหารที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรงหรือทางอ้อมเช่นการเจ็บป่วยการถูกทำร้ายการสูญหายความล่าช้าหรือจากอุบัติเหตุต่างๆ
17.บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ต่อการไม่เป็นไปตามความคาดหวังและความไม่พึงพอใจของผู้เดินทางที่เกี่ยวข้องกับสภาพธรรมชาติภูมิอากาศฤดูกาลทัศนียภาพวัฒนธรรมวิถีและพฤติกรรมของประชาชนในประเทศที่เดินทางไป
18.ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากผู้เดินทางประสบเหตุสภาวะฉุกเฉินจากโรคประจำตัวซึ่งไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุในรายการท่องเที่ยว(ซึ่งลูกค้าจะต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัททัวร์)
19.กรณีที่ท่านต้องออกตั๋วภายใน เช่น (ตั๋วเครื่องบิน,ตั๋วรถทัวร์,ตั๋วรถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋วเนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบินหรือเวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆในกรณีถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบินเพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว
20.กรณีใช้หนังสือเดินทางราชการ(เล่มน้ำเงิน)เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวกับคณะทัวร์หากท่านถูกปฏิเสธในการเข้า-ออกประเทศใดๆก็ตามทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าทัวร์และรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
21.หนังสือเดินทางต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนและบริษัทฯรับเฉพาะผู้มีจุดประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น (หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือนบริษัทฯไม่รับผิดชอบหากอายุเหลือไม่ถึงและไม่สามารถเดินทางได้ )
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel