Unseen ปากีสถาน
บนเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์
สการ์ดู อิสลามาบัด หุบเขาฮุนซา พาสสุ ฮอปเปอร์ กิลกิต เบชาม ตักศิลา
รหัสทัวร์ | วันที่เดินทาง | เดินทางโดย | ราคา | สถานะ |
---|---|---|---|---|
DE000-002 | 07-15 ธ.ค. 67 | Thai Airways (TG) | 69,900 | จองด่วน |
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - อิสลามาบัด |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
16.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาเตอร์สายการบินไทย เจ้าหน้าที่บริษัทต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน |
19.00 น. | ออกเดินทางจากสู่ อิสลามาบัด โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 349 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) เวลาที่ปากีสถานช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง |
22.10 น. | เดินทางถึง สนามบินนานาชาติอิสลามาบัด (Islamabad International Airport) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระ...ไกด์ท้องถิ่นรอต้อนรับคณะ ให้ท่านแลกเงินรูปีปากีสถานที่สนามบิน นำท่านออกเดินทางเข้าสู่ที่พัก |
ที่พัก | Pearl Continental Rawalpindi หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | อิสลามาบัด - บินภายในประเทศ - สการ์ดู |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม…นำท่านเดินทางสู่สนามบิน |
09.30 น. | ออกเดินทางสู่ สการ์ดู (Skardu) โดย สายการบินปากีสถานอินเตอร์แนชั่นแนล เที่ยวบิน PK451 ใช้เวลาบินประมาณ 45 นาทีระหว่างทางเพลิดเพลินกับวิว เทือกเขาหิมมาลัย (Himalayas) เทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลก ทอดตัวยาวจากตะวันตกเฉียงใต้ของเอเชียกลางจรดตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 5 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย เนปาล จีน ภูฏาน และปากีสถาน มียอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือ ยอดเขาเอเวอเรสต์ ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างประเทศเนปาลและประเทศจีน |
10.15 น. | เดินทางถึง สนามบินสการ์ดู...รับกระเป๋าสัมภาระ สการ์ดู (Skardu) เมืองหลวงในหุบเขาของแคว้นบัลติทสถาน ดินแดนเหนือสุดของปากีสถาน ประตูสู่ภูเขางดงามน้อยใหญ่ในเทือกเขาคาราโครัม บนความสูง 2,438 ม. เหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำสินธุและแม่น้ำชีการ์ แวดล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติหลากหลาย มีป่าไม้ผลัดใบสวยงาม ธารน้ำแข็ง รวมถึงยอดเขาสูงทั้ง 5 ได้แก่ Baltistan, Shigar, Khaplu, Rondu และ Kharmang Skardu มีฉายาว่า Little Tibet โดยสถาปัตยกรรมในเมืองได้รับอิทธิพลจากทิเบตอย่างชัดเจน นำท่านชม ทะเลสาบคัทปานา (Katpana Lake) เป็นทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่ แต่จุดเด่นคือภาพสะท้อนของภูเขาหิมะ คล้ายๆกับที่ Fairy Meadow ทะเลสาบอยู่ในเขตพื้นที่ของทะเลทรายเย็น (Cold Desert) ด้วย จึงมีเนินทรายอยู่ด้วย |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขาชิการ์ (Shigar Valley) ประตูสู่ยอดเขาสูงแห่งเทือกเขาคาราโครัมที่ดึงดูดนักปีนเขาจากทั่วโลก จะต้องมาเริ่มต้นเดินทางกันที่ชุมชนเชิงเขา ก่อนจะไปพิชิตยอดเขาสุดอลังการอย่าง ยอดเขา Gasherbrum และยอดเขา K2 บริเวณใกล้ ๆ กัน ระหว่างทางแวะชม ทะเลทรายซาฟรารังกา (Sarfaranga Cold Desert) ทะเลทรายเย็นที่สูงที่สุดในโลก ที่นี่จะมีกิจกรรมหลากหลายให้ท่านเลือกเล่น เช่น รถจิ๊บลุยทะเลทราย ขี่ม้า, ATV และพาราไกด์ดิ้ง เดินทางถึง ชิการ์ นำท่านชม มัสยิดเก่าแก่ของเมือง มัสยิด Khilingrong ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กับป้อมชิการ์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นของศตวรรษที่ 17 ซึ่งตัวโครงสร้างมีอายุมากกว่า 400 ปี มัสยิด Khilingrong เป็นอาคารไม้ 2 ชั้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยชั้นล่างจะใช้ในฤดูหนาวและชั้นบนจะใช้ในฤดูร้อนเป็นหลัก มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในแบบดั้งเดิมโดยใช้หินและไม้ และลวดลายแกะสลักอย่างประณีต นำท่านชม ป้อมปราการชิการ์ (Shigar Fort) เป็นป้อมปราการของผู้ปกครองเมืองเมื่อกว่า 400 ปีก่อน ในยุค Amacha Dynasty ตัวป้อมปราการไม่ได้ใหญ่โต ปัจจุบันป้อมปราการชิการ์เปิดบางส่วนเป็นห้องพักโดยเป็นที่พักในเครือ Serena Hotel Group เครือโรงแรมชั้นนำของปากีสถาน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Serena Shigar Fort Residence หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | สการ์ดู - ทะเลสาบคาชูร่า - คารีมาบัด |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านชม ทะเลสาบคาชูรา (Kachura lake) ทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบที่มีน้ำไหลมาจาก แม่น้ำสินธุ (Indus) มีความลึก 70 เมตร ในทะเลสาบเต็มไปด้วยปลาเทราต์ ชมทัศนียภาพอุดมสมบูรณ์บนเทือกเขาหิมาลัยตะวันตก จากนั้นเดินทางไปยัง หุบเขาฮุนซ่า (Hunza Valley) ระยะทาง 274 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง เข้าสู่เส้นทาง คาราโครัมไฮเวย์ (Karakoram Highway) หรือทางหลวงหมายเลข 35 ถนนลอยฟ้ากับความสวยที่ไม่มีใครทัดเทียม เส้นทางในฝันของนักเดินทางที่ใครหลายคนตั้งฉายาว่า “สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก” เดินทางถึงจุดชมวิว ยอดเขานังกาปาร์บัต (Nanga Parbat) ยอดเขาสูงสุดในโลกอันดับที่ 9 มีความสูงอยู่ที่ 8,126 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล นังกาปาร์บัตแปลว่า “ยอดเขาเปลือย” “Parbat” มาจากภาษาสันสกฤตว่า “บรรพต” หรือ “ปรฺวต” ที่แปลว่าภูเขาหรือหิน และคำว่า “Nanga” ที่มาจากภาษาสันสกฤตว่า “นคฺน” ที่แปลว่าเปลือยหรือว่างตลอดทางสามารถพบเห็น รถบรรทุกปากีสถาน...อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศปากีสถาน ที่ใครหลายๆคนมาก็จะต้องสะดุดตา อยากจะเข้าไปถ่ายรูปด้วย |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร…เดินทางต่อสู่หุบเขาฮุนซ่า |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Karimabad Darba Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | คารีมาบัด - พาสสุ - ซอสท์ - คารีมาบัด |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไป หุบเขาฮุนซ่าบน (Upper Hunza) ซึ่งอยู่ในเขตภูมิภาคโกจาล (Gojal Region) นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบอัตตาบัต (Attabad Lake) ทะเลสาบตั้งอยู่ในหุบเขาฮุนซา เกิดจากดินถล่มเพราะแผ่นดินไหวเมื่อปี 2009 ลงมาปิดกั้นการไหลของน้ำในแม่น้ำฮุนซาจึงเกิดเป็นทะเลสาบแห่งนี้ ทะเลสาบมีความยาว 21 เมตร และลึก 103 เมตร ทางการจีนได้ช่วยสร้างอุโมงค์ผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมกับถนนคาราโครัมใหม่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน สัมผัสประสบการณ์ ล่องเรือชมทะเลสาบอัตตาบัต ชมความงดงามของทะเลสาบสีฟ้าราวกับเทอร์ควอยซ์ตัดกับเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุม และวิวทิวทัศน์สวย 360 องศา เดินทางสู่ พาสสุ (Passu)..เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาโกจาล (Gojal) แต่มีดีที่วิวทิวทัศน์สุดอลังการ นำท่านชม สะพานแขวนฮุสไซนี (Hussani Suspension Bridge) สะพานแขวนเหนือทะเลสาบโบริท ชาวบ้านใช้สัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้าน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 โดยใช้สลิงธรรมดากับไม้ สะพานแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสะพานวัดใจเลยก็ว่าได้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดสำหรับนักถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาด |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม ทะเลสาบบอริท (Borith Lake) เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่เหนือหุบเขาฮุนซ่า ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 2,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทะเลสาบบอริทมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร กว้างประมาณ 200 เมตร ลึกประมาณ 50 เมตร น้ำทะเลสาบใสสะอาดราวกับคริสตัล ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน เดินทางต่อชม ธารน้ำแข็งพาสสุ (Passu Glacier) ธารน้ำแข็งสีขาวที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากบนคาราโครัมไฮเวย์ เพลินเพลินกับความมหัศจรรย์ของธารน้ำแข็งโดยฉากหลังเป็นภูเขาน้ำแข็งสีขาวตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินที่สวยงาม ชมความยิ่งใหญ่ของ ภูเขาวิหารแห่งพาสสุ (Passu Cathedrals) ความแปลกตาของสันเขาที่ยอดแหลมทรงกรวยคล้ายวิหารกอธิคทางฝั่งยุโรปนับร้อยยอดอันเป็นที่มาของชื่อเขาแห่งนี้.. ชม ธารน้ำแข็งบาทูร่า (Batura Glacier) ความยาวกว่า 57 กิโลเมตร เนื้อที่กว่า 285 ตารากิโลเมตร ธารน้ำแข็งบาทูร่าเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดลำดับที่ 5 นอกเขตขั้วโลก..เดินทางถึง เมืองซอสท์ (Sost) เมืองชายแดนเล็กของปากีสถาน ด่านสุดท้าย เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆแต่เป็นเมืองท่าที่สำคัญของการค้าระหว่างปากีสถานกับประเทศจีน…oemjkoเดินทางกลับคารีมาบัด |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Karimabad Darba Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | คารีมาบัด - หุบเขานาการ์ - ฮอปเปอร์กราเซีย - ดุยเกอร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม *** วันนี้แนะนำว่านำขนมไปแจกเด็กๆและถ่ายรูปกับเด็กๆแล้วจะรู้ว่าเด็กๆที่นี่นั้นน่ารักขนาดไหน*** จากนั้นนั่งรถจี๊ปมุ่งหน้าสู่ หุบเขานาการ์ (Nagar valley) หุบเขาที่อยู่บนระดับความสูงเฉลี่ยเกิน 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล หุบเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งยอดเขาสูงอันดับต้นๆของโลกหลายยอดไม่ว่าจะเป็น ราคาโปชิ (Rakaposhi), ดิราน (Diran Peak), โกลเดนพีค (Golden Peak) รวมถึง รัชพีค (Rush Peak) นาการ์ในอดีตเคยเป็นนครรัฐและมีกษัตริย์หลายพระองค์ปกครองมากว่า 1,200 ปี จนกระทั่งล่มสลายลงในค.ศ.1974 ระหว่างทางที่รถไต่เขาเลียบริมหน้าผาขึ้นไป บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มหัศจรรย์มากๆ เห็นทั้งวิวภูเขา ต้นไม้ หมู่บ้านเล็กๆที่ทำนาขั้นบันได เลี้ยงสัตว์ เช่น วัว แพะ แกะ...เดินทางจนถึง หมู่บ้านฮอปเปอร์ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม ฮอปเปอร์กราเซีย (Hopper Glacier) ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ในเขตหมู่บ้านฮอปเปอร์ ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,878 เมตร การชมธารน้ำแข็งต้องเดินขึ้นมาหน่อย แต่รับรองว่าวิวความอลังการของธารน้ำแข็งปังแน่นอนความโด่ดเด่นของฮอปเปอร์กราเซียคือมีสีดำเกิดจากการทับถมของหิมะอย่างยาวนาน...นั่งรถจี๊ปกลับคารีมาบัด นำท่านชม ป้อมปราการบัลติท (Baltit Fort) ระหว่างทางไปป้อมจะเป็นทางเดินขึ้นเนินเขาเหนื่อยหน่อยแต่รับรองว่าคุ้มค่าสุดๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าให้เลือกซื้อกันได้อย่างเพลิดเพลินทั้งผลไม้อบแห้ง ถั่วชนิดต่างๆ เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับต่างๆ น้ำมันแอพริคอตป้อมบัลติท...ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเมืองคาริมาบัด สร้างขึ้นมานานกว่า 700 ปี โดยในช่วงเริ่มต้นนั้นผู้ปกครองของเมืองคาริมาบัดได้แต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งรัฐบัลติสถาน (Baltistan) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากฝั่งของทิเบตค่อนข้างมาก ป้อมบัลติทเป็นหนึ่งในป้อมที่ถูกบรรจุเข้าสู่โครงการการบูรณะซ่อมแซมกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจจำนวนมาก จากบริเวณนี้เราจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของหุบเขาฮุนซ่าได้อย่างสวยงามอีกจุดหนึ่งของเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ…นำท่านไป ดุยเกอร์ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Duiker Eagle’ s nest hotel Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | ดุยเกอร์ - คารีมาบัด - กิลกิต |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้าตรู่ | ชมวิว ยอดเขาเลดี้ฟิงเกอร์ (Lady Finger Peak) ยอดเขาทะลุทะเลเมฆ สะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็น ตั้งอยู่ตรงขอบชายแดนตะวันตกของเขตคาราโครัม (Karakoram) บริเวณเหนือหุบเขา Hunsa Valley โดยลักษณะของยอดเขานี้จะเป็นยอดแหลมๆ ซึ่งหากมองบางมุมก็จะคล้ายกับนิ้วมือของผู้หญิง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อยอดเขาแห่งนี้นั่นเองยอดเขานิ้วมือของหญิงสาวนี้ตั้งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 6,000 เมตร มีตำนานเล่าว่า...เมื่อในอดีต เจ้าชายไคซาร์แห่งแคว้นบัลติสถาน ได้เดินทางผจญภัยมาที่แถบภูเขาฮุนซ่าแห่งนี้ และได้พบกับเจ้าหญิงทรงพระนามว่า “บูบลิ”พระองค์ได้ทำการอภิเษกกับพระนาง แต่แล้วพระองค์ก็ได้รู้ข่าวว่ามเหสีเอกของพระองค์ที่บัลติสถานถูกลักพาตัวไปโดยกษัตริย์ของอีกแว่นแคว้นหนึ่ง พระองค์จึงทรงเตรียมตัวเดินทางกลับในทันทีและทรงพาเจ้าหญิงบูบลิมาที่ยอดเขาแห่งนี้ โดยมอบถุงข้าวสารกับแม่ไก่หนึ่งตัวให้กับเจ้าหญิง เมื่อเจ้าหญิงทรงถามพระองค์ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ พระองค์ก็ตอบว่า “ทุกๆหนึ่งปี ให้ป้อนข้าวสารกับแม่ไก่ตัวนี้ 1 เมล็ด และเมื่อข้าวสารหมดถุงเมื่อไหร่ เราถึงจะกลับมา” ซึ่งตำนานยังกล่าวต่ออีกว่าเจ้าหญิงยังคงรอเจ้าชายมาจนตราบถึงทุกวันนี้ |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม ป้อมปราการอัลติท (Altit Fort) ระหว่างทางผ่านหมู่บ้านและร้านค้าต่างๆ ป้อมปราการอัลติท ป้อมโบราณ เดิมเป็นที่ตั้งของผู้ปกครองของรัฐฮุนซ่าที่เรียกว่า Mir ต่อมาย้ายไปอยู่ที่ป้อมบัลติทที่อายุน้อยกว่า ตั้งบนพื้นที่ที่สูงกว่า ใหญ่กว่า และมองเห็นข้าศึกจากทุกทิศทาง จากบริเวณนี้เราจะสามารถมองเห็นวิวถนนคาราโครัมไฮเวย์จากมุมสูงสวยงามสุดๆ… นำท่านเดินทางไปกิลกิต ระหว่างทางชม วิวเทือกเขาราคาโปชิ (Rakaposhi) ความสูง 7,788 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นภูเขาที่สูงอันดับ 27 ของโลก คำว่า “ราคาโปชิ” มีความหมายว่า “หิมะปกคลุม” |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางต่อไปกิลกิต นำท่านชม เส้นทางสายไหมโบราณ (Old silk road)..เครือข่ายการค้าโบราณที่เชื่อมต่อเมืองต่างๆ เข้าด้วยกัน ผ่านกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนไปค้าขายยังต่างแดน เส้นทางสายไหมมีระยะทางยาวกว่า 4 พันไมล์ เริ่มต้นจากเมืองฉางอัน (Chang’an) ทางตอนกลางของประเทศจีน ข้ามผ่านทะเลทรายในเอเชียกลางไปสิ้นสุดที่เมืองแอนติออค (Antioch) ในประเทศตุรกี เส้นทางสายไหมเริ่มต้นเมื่อ 130 ปีก่อนคริสตกาล ในรัชสมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ (Emperor Wu of Han) จักรพรรดิจีนราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty) พระองค์เห็นว่าแผ่นดินจีนมีของดีมากมาย โดยเฉพาะผ้าไหมที่ไม่มีดินแดนใดในโลกล่วงรู้กรรมวิธีการผลิตในครั้งนั้น ฮั่นอู่ตี้จึงส่งราชทูตนามว่า จางเชียน (Zhang Qian) ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับชนเผ่าเร่ร่อนที่อาศัยในทะเลทรายมณฑลกานซู่ (Gansu Province) เมื่อชนเผ่าต่าง ๆ ได้รู้จักผ้าไหมเป็นครั้งแรก ชื่อเสียงของผืนผ้าเรียบลื่นเนื้อละเอียดก็ร่ำลือระบือไกล ทำให้ความต้องการผ้าไหมในดินแดนตะวันตกเพิ่มมากขึ้น เส้นทางการค้าผ้าไหมจึงเริ่มต้นขึ้นที่ฉางอัน เมืองหลวงราชวงศ์ฮั่นในครั้งนั้น ก่อนเชื่อมต่อกับเส้นทางการค้าต่าง ๆ จนกลายเป็นเครือข่ายเส้นทางสายไหมทางบกในเวลาต่อมา ตลอดระยะเวลากว่าพันปี การค้าขายบนเส้นทางสายไหมได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์โลกหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกใน ค.ศ. 476 การรุกรานของชนเผ่ามองโกลในสมัยราชวงศ์จิน (Jin Dynasty) รวมถึงนโยบายจักรวรรดิออตโตมันที่ห้ามการค้าขายกับต่างแดนในค.ศ. 1453 เหตุการณ์เหล่านี้นำไปสู่การหยุดชะงักของการค้าบนเส้นทางสายไหม เมืองต่าง ๆ ที่มีรายได้หลักจากการค้ากับต่างแดนจึงพากันล่มสลายไปตาม ๆ กัน อย่างไรก็ตาม เส้นทางสายไหมถูกลดบทบาทอย่างแท้จริงเมื่อครั้งที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจชาวอิตาเลียนค้นพบทวีปอเมริกาใน ค.ศ. 1492 นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวตะวันตกต่างหันมาแสวงหาความมั่งคั่งจากทวีปโลกใหม่ เกิดเป็นเส้นทางการค้ามหาสมุทรแอตแลนติกที่เชื่อมต่อยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเข้าด้วยกัน เส้นทางสายไหมที่มีมาแต่โบราณจึงหมดความสำคัญลงในที่สุด เดินทางถึงเมือง กิลกิต (Gilgit) เคยเป็นจุดแวะสำคัญในเส้นทางสายไหม นอกเหนือจากการค้าผ้าไหม เครื่องเทศ และสินค้าอื่นๆ แล้ว เส้นทางเครือข่ายนี้มีบทบาทสำคัญในการเป็นทางผ่านถ่ายทอดวัฒนธรรม ศาสนา และอารยธรรมมานานหลายศตวรรษ และยังเป็นหนึ่งในเส้นทางการเผยแพร่พระพุทธศาสนาจากอินเดียไปสู่เอเชียอีกด้วย นำท่านไปชม ย่านการค้ากิลกิต (Gilgit Bazaar) ตลาดขนาดใหญ่ในตัวเมืองกิลกิต อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น และของฝากไปเป็นของที่ระลึก อาทิ แอปริคอตตากแห้ง ภาขนะเครื่องเคลือบ และพรม นอกจากนี้ยังมีสตรีกฟู้ดให้เลือกซื้อทานกันอย่างจุใจ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Gilgit Serena Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | กิลกิต - ชีราส - เบชาม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เบชาม (Besham) ระยะทาง 438 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-11 ชั่วโมง ระหว่างทางชม จุดตัดของ 3 แนวเทือกเขา คือ เทือกเขาคาราโครัม (Karakoram) เทือกเขาฮินดูกูช (Hindukush) และ เทือกเขาหิมาลัย (Himalayas) โดยมีแม่น้ำกิลกิต (Gilgit river) และ แม่น้ำสินธุ (Indus river) ไหลมาบรรจบกัน ระหว่างทางผ่าน เมืองชีราส (Chilas) นำท่านชม หินแกะสลัก (Rock Carving) โขดหินจารึกเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นเป็นระยะตลอดเส้นทางสายไหม เส้นทางที่เคยมีพ่อค้าวาณิชมากมายผ่านไปมา โดยที่เมืองชีลาสนี้ ถือเป็นจุดศูนย์รวมโขดหินจารึกภาพโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีการค้นพบหลักฐานมากกว่า 20,000 ชิ้น |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางต่อจนถึง เมืองเบชาม.....ชมวิวระหว่างทางทั้งภูเขา หมู่บ้านและแม่น้ำ และวิถีชีวิตของชาวปากีสถาน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Besham Hilton หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | เบชาม - ตักศิลา - อิสลามาบัด |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางกลับ อิสลามาบัด (Islamabad) ระยะทาง 267 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง นำท่านชม อนุสาวรีย์คาราโครัมไฮเวย์ (Monument of Karakoram Highways) ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นบนเส้นทางแห่งนี้ ระหว่างทางนำท่านแวะชม เมืองตักศิลา (Taxila) นครโบราณ อดีตที่รุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนา อดีตเป็นนครหลวงแห่งแคว้นคันธาระ (Ghandara) เดิมชื่อว่า ตักชาศิลา-Takshasila เป็นภาษาสันสกฤต ต่อมาเมื่ออเล็กซานเดอร์มหาราชรุกรานอินเดียเมื่อ 326 ปีก่อนคริสตกาล ได้มาหยุดพักที่เมืองนี้แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น ตักศิลา-Taxila ...เมืองตักสิลาถือว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัยอันยิ่งใหญ่ของโลกที่มีมาก่อนพุทธกาล และเป็นศูนย์กลางการศึกษาของพราหมณ์ และในยุคที่พุทธศาสนาเจริญ เมืองนี้ก็กลายเป็นแหล่งศึกษาที่สำคัญของพุทธศาสนา มีนักศึกษาจากทั่วทุกทิศ ทั้งในอินเดีย และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทั้งเปอร์เซีย และประเทศทางแถบเอเชียกลางมาเล่าเรียน ยุคนั้นไม่ว่าใครจะศึกษาศิลปวิทยาการ หรือศาสตร์แขนงใดก็ตาม ก็จะต้องไปศึกษากันที่ตักศิลา รวมทั้งแพทยศาสตร์ และเป็นที่กล่าวขานกันว่าใครสำเร็จสรรพวิทยาไม่ว่าศาสตร์ใดจากตักสิลาแห่งนี้ ก็จะได้รับการยกย่องและเป็นที่เชื่อถือกันอย่างมากในสังคม ดังเช่นหมอชีวกโกมารภัจจ์ ก็สำเร็จวิชา การแพทย์จากมหาวิทยาลัยตักสิลาแห่งนี้ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ตักศิลาเป็นนครที่รุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนา ซึ่งเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับศาสนา เชน และฮินดู ต่อมาในสมัยหลวงจีนเหี้ยนจังหรือพระถังซัมจั๋งมาสืบพระพุทธศาสนาในอินเดียเมื่อพ.ศ.1186 ท่านได้บันทึกว่า เมืองตักศิลาตกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม และเป็นเพียงเมืองหนึ่งในแคว้นกัษมีระหรือแคชเมียร์ (ปัจจุบันอยู่ในเขตราวัลปินดี ประเทศปากีสถาน) โบสถ์และวิหาร สถานศึกษาก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น จากนั้นมาก็ไม่ปรากฏเรื่องเมืองตักสิลาอีกเลยตักศิลาถูกบรรจุเป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวหลักของปากีสถาน ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับเมืองตักสิลา ปัจจุบันตักศิลาอยู่ในเขตประเทศปากีสถาน แม้จะคงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่อดีตพุทธนครโบราณอันรุ่งเรืองแห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1980 |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม อารามพุทธจูเลียน (Julian Monastery) โบราณสถานที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาในพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งเป็นวัดหรืออารามโบราณบนเนินเขาความสูง 300 ฟุต บนลานกว้างรายล้อมด้วยกาแพงห้องขนาดเล็ก คงเหลือแต่ฐานพระสถูปให้เห็นและจินตนาการถึงความรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต พิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum) เก็บรวบรวมหลักฐานความเป็นอยู่และภูมิปัญญาของชาวตักศิลายุคต่าง ๆ รวมถึงซากสถูปเจดีย์ วัดวาอาราม เหรียญกรีกในยุคสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช และพระพุทธรูปสมัยคันธาระจำนวนมาก โบราณเซอกัป (Sirkap) สร้างขึ้นในราวครึ่งแรกของศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล โดยพวกแบคเตรียนและกรีก จากสภาพการขุดค้นทางโบราณคดี ได้พิสูจน์ทราบถึงการเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่รุ่งเรืองในอดีต จากร่องรอยการอยู่อาศัยของหมู่ชนจำนวนมากในยุคนั้นที่มีระบบผังเมืองสมบูรณ์ มีการวางระบบผังเมือง นำท่านเดินทางสู่ อิสลามาบัด (Islamabad) เมืองหลวงของประเทศปากีสถาน ตั้งอยู่ในเขตการปกครองเมืองหลวงอิสลามาบัด มีพื้นที่ 906 ตารางกิโลเมตร กรุงอิสลามาบัดสร้างขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1960 เพื่อเป็นเมืองหลวงของประเทศแทนนครการาจี นำท่านชม มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามาร์กาลา (Margalla Hills) มัสยิดนี้ประกอบด้วยการออกแบบร่วมสมัยมีชั้นนอกของอาคาร 8 ด้านซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระโจมเบดูอิน (Bedouin tent)เริ่มต้นก่อสร้างในปี 1976 โดยสมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาลแห่งซาอุดิอาระเบียพระราชทานงบประมาณ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมัสยิดนี้ตั้งชื่อจากพระนามของพระองค์ งานออกแบบที่แปลกใหม่นี้เป็นผลงานของสถาปนิกชาวตุรกี Vedat Dalokay ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากการประกวดในระดับนานาชาติ มัสยิดนี้เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศปากีสถาน และเคยดำรงตำแหน่งมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1986-1993 |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร... นำท่านช้อปปิ้งก่อนกลับบ้าน และนำท่านเดินทางสู่สนามบินอิสลามาบัด |
23.20 น. | ออกเดินทางจากสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 350 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) |
วันที่ 9 | กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
06.25 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 69,900 บาท |
ราคาไม่รวมตั๋ว (ผู้ใหญ่) หักคืนท่านละ | 14,000 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 11,500 บาท |
***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังจากยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้วบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการนำพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช่จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม
ยกเลิกช่วงเทศกาล
ข้อแนะนำและแจ้งเพื่อทราบ
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel