วันที่ 1 | กรุงเทพ – อิสลามาบัด (TG349: 19.00 – 22.10 ) |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 |
16.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4 เคาน์เตอร์การบินไทย หมายเลข H พบเจ้าหน้าที่บริษัทคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน |
19.00 น. | ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG349 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) |
22.10 น. | เดินทางถึง อิสลามาบัด หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง นำท่านเดินทางสู่โรงแรม |
ที่พัก | PEARL CONTINENTAL HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | อิสลามาบัด - เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ - ชีลาส |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชีลาส โดยใช้ เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เชื่อมปากีสถานกับจีน ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 4,600 เมตร โครัมไฮเวย์เป็นถนนที่ครองตำแหน่งสูงที่สุดในโลก จนมีฉายาว่า “ถนนลอยฟ้า” ที่ลัดเลาะตามภูเขาผ่านหุบเขาของโคฮิสตันตามแม่น้ำอินดัสอันยิ่งใหญ่ และแม่น้ำสินธุซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในปากีสถาน และเป็นแม่น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 21 ของโลก ถือเป็นเส้นเลือดและเส้นชีวิตของชาวปากีสถาน ต้นกำเนิดของแม่น้ำสินธุอยู่บริเวณที่ราบสูงทิเบต มีความยาวของแม่น้ำ 31,080 กิโลเมตร อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ประมาณ 1,900-2,500 ก่อนคริสตกาล ถือกำเนิดบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุในประเทศอินเดียและปากีสถานในปัจจุบัน |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ระหว่างทางเมือง Besham จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองชีลาส ให้ท่านได้ชื่นชมธรรมชาติอันงดงามบนเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ต่อจนถึงโรงแรมที่พัก |
ค่ำ | บริการอาหารคํ่า ณ ภัตตาคารในโรงแรม |
ที่พัก | SHANGRI LA HOTEL CHILAS หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | ชีลาส – จุดชมวิวราคาโพชิ – คาริมาบัดบาซ่า |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเดินทางไปยัง เมืองคาริมาบัด (Karimabad) เป็นหัวเมืองหลักของ ฮุ่นซ่า (Hunza) ปากีสถานตอนเหนือใช้เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์นี้เดินทาง ท่านจะได้รับความเพลิดเพลินชมทัศนียภาพของเส้นทางหลวง แวะถ่ายรูปและชมทัศนียภาพความงามของจุดแยกสามขุนเขาใหญ่ที่คาราโครัมคือ Nanga Parbat , Haramosh และ Rakaposhi |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร แวะถ่ายรูปกับ เส้นทางสายไหมโบราณ ที่รู้จักกันในชื่อ Kinu - Kutto และจุดชมวิว ยอดเขาราคาโปชิ (Rakaposhi) ซึ่งภูเขามีระดับความสูง 7,788 เมตร จากระดับน้ำทะเลแต่จุดที่เราแวะชมนั้นสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2 พันกว่าเมตรเท่านั้น จากนั้นนำท่านชมย่านการค้าของเมือง คาริมาบัด ( Karimabad ) ให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองสินค้าการเกษตร ผลไม้ต่างๆ ที่ ตลาดคาริมาบัด บาร์ซ่า ( Karimabad Bazar) |
ค่ำ | บริการอาหารคํ่า ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | DARBAR HOTEL KARIMABAD HUNZA หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | คาริมาบัด ฮุนซ่า ช่องแคบคุนจีราบ - ทะเลสาบอัตตาบัต – ด่านพรมแดนคุนจีราบ - พาสสุ กลา เซียร์ - Khunjerab Pass and National Park |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ช่องเขาคุนจีราบและอุทยานแห่งชาติ (Khunjerab Pass and National Park ) ช่องทางการค้าที่สูงที่สุดในโลก บนเส้นทางสายไหมตอนใต้สู่ถนนสูงเสียดฟ้า คาราโครัมไฮเวย์ ด่านพรมแดนคุนจีราบ ในช่วงเขตรอยต่อระหว่างปากีสถานและจีน เป็นที่ตั้งด่านพรมแดนคุนจีราบ ด่านพรมแดนที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 4,730 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงที่สุดบนถนนหลวงลอยฟ้าคาราโครัม พรมแดนช่องเขาคุนจีราบนี้เปิดให้มีการเดินทางข้ามแดนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา ระหว่างทางแวะชม ‘ทะเลสาบอัตตาบัต’ (Attabad Lake หรือ Gojal Lake) เป็นทะเลสาบที่เกิดจากดินถล่มและแผ่นดินไหวเมื่อปีค.ศ 2009 ลงมากั้นแม่น้ำฮุนซ่า จนกลายเป็นทะเลสาบสีเทอควอยส์แบบนี้ ซึ่งทะเลสาบนี้มีความยาว 21 เมตร และความลึก 103 เมตร รอบๆทะเลสาบบางส่วนจะเห็นดินที่ถล่มลงมาจนกลายเป็นเขื่อนกั้น การเดินทางขึ้นเหนือไปจีนก่อนหน้านี้ต้องใช้ทางเรือเท่านั้น ทางจีนได้ช่วยสร้างอุโมงค์ลอดเขาเพื่อเชื่อมต่อเส้นทางคาราโครัมใหม่ จนทะเลสาบอัตตาบัตกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในปัจจุบัน นอกจากการชมวิวธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตระการตา ที่มีเทือกเขาขนาดมหึมาโอบล้อมทะเลสาบไว้แล้ว ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมธรรมชาติด้วย โดยมีเรือไว้บริการมากมาย จากนั้นนำท่านเดินทางทางต่อไป เมืองพาสสุ (Passu) เมื่อผ่านด่านพรมแดนกุนจีราบเข้าสู่ เมืองซอสท์ (Sost) เมืองพรมแดนเมืองแรกของปากีสถาน ที่มีชาวจีนเดินทางมาทาการค้าและแวะพัก สามารถเดินทางต่อสู่ เมืองพาสสุ (Passu) ที่ตั้งอยู่บนความสูง 2,400 เมตรม เหนือระดับน้ำทะเล |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น นำท่านแวะถ่ายภาพกับ จุดชมวิว พาสสุ กลาเซียร์ (Passu Glacier) และธารน้ำแข็งบาตูรา ไฮไลต์บนเส้นทางเมืองพาสสุ ธารน้ำแข็งเมืองพาสสุ คือ การได้ชมธารน้ำแข็งสุดขอบฟ้าขนาดมหึมา 2 แห่งคือ ธารน้ำแข็งสีขาว (White Passu Glacier) และธารน้ำแข็งสีดาบาทูร่า (Black Batura Glacier) รวมทั้ง เทือกเขาพาสสุ (Passu Cones) หรือเทือกเขาฟันเลื่อย (Cathedral Mountain) ที่มียอดแหลมหลายยอดในภูเขาเดียว ซึ่งแต่ละแห่งล้วนยิ่งใหญ่และสวยงามแปลกตา ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมสักครั้งในชีวิต นำท่านไปยัง อุทยานแห่งชาติ (Khunjerab Pass and National Park ) เป็นจุดแห่งอารยะธรรมโบราณบนเส้นทางสายไหมอันเก่าแก่ ที่เชื่อมเอเชียกลางสู่ยุโรป ซึ่งมีเทือกเขาหิมะสลับซับซ้อนเหมือนสวิสเซอร์แลนด์ และสามารถพบเห็นสัตว์หายาก เช่นตัว Ibex หรือ แพะภูเขา Yak ที่อาศัยอยู่ตามไหล่เขาสูง จนถึงจุดสุดท้ายที่ด่านชายแดนระหว่าง ปากีสถานและจีน ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองคาริมาบัด (Karimabad) |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | DARBAR HOTEL KARIMABAD HUNZA หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | คาริมาบัด – กราเซียฮอปเปอร์ – ป้อมบัลติท - ดุยเกอร์ |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม กราเซียฮอปเปอร์ (Hopper Glacier) โดยรถจิ๊ป ผ่านหุบเขากล้วยไม้ (Orchid Valley ) และ กราเซียฮอปเปอร์เป็นกราเซียที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ แต่ความโด่ดเด่นของกราเซียฮอปเปอร์จะมีสีดำท่านจะได้เห็นกราเซียที่สั่งสมกาลเวลายาวนานจนแทบเปลี่ยนจากน้ำแข็งกลายเป็นหินซึ่งเห็นได้จากความเก่าแก่สีออกเทาของกราเซียแห่งนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านชม ป้อมโบราณอายุประมาณ 700 ปี และป้อมบัลติท (Baltit Fort) สัญลักษณ์ของหุบเขาฮุนซ่า เป็นที่อยู่ในอดีตของเหล่าผู้ปกครองฮุ่นซ่า ได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมเสมอมาทั้งสถาปัตยกรรมแบบบัลติสถานผสมผสานกับทิเบต และในปัจจุบันบัลติฟอร์ดยังอยู่ในรายชื่อพิจารณาเป็นมรดกโลกของ Unesco อีกด้วย ชมหมู่บ้านอายุกว่า 1,000 ปี ชนเผ่าที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งถือได้ว่าเป็นชุมชนแรกๆ ในแคว้นกิลกิต-บัลติสถาน ลักษณะโดยทั่วไปจะเป็นคนผิวขาวมีในตาสีฟ้า หน้าคม เหมือนคนชาวยุโรป ชนเผ่าฮุนซาสมีอายุถึง 120 หรือ 130 ปี ซึ่งอายุขนาดนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และชาวฮุนซาสที่มีอายุ 90 ปี ก็ยังไม่ถือว่าแก่ นำท่านขึ้นไปยัง ดุยเกอร์ (Duicker) จัดว่าเป็นหลังคาของฮุนซ่า เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ชมยอดเขาเลดี้ฟิงเกอร์ (Lady finger) หรือ ยอดเขาทะลุเมฆ เป็นยอดเขารูปทรงประหลาด สะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็นมาตลอดเวลา ด้วยรูปทรงแหลมชูชันตั้งขึ้นเหมือนพีระมิด ทำให้ยอดเขา Ladyfinger ยิ่งเตะตากว่าใครๆ มีความสูงกว่า 600 เมตร ตั้งอยู่บนระดับความสูงกว่า 6,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | DUIKER EAGLE NEST HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | ดุยเกอร์ – ป้อมอัลติท - กิลกิต |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม ป้อมอัลติท (Altit Fort) เป็นป้อมโบราณในหมู่บ้านอัลติตในหุบเขาฮุนซ่า ป้อมนี้มีอายุเก่าแก่ราว 1,100 ปี เพราะสร้างในคริสศตวรรษที่ 11 เคยเป็นที่อาศัยของผู้ปกครองรัฐฮุนซ่าเป็นเวลา 3 ศตวรรษ ก่อนย้ายไปยังป้อมบอลติต Baltit Fort ที่อยู่ไม่ไกลกัน ป้อมนี้เป็นอนุสรณ์สถานที่เก่าแก่ที่สุดของแคว้นกิลกิตบอลติสถาน Gilgit-Baltistan |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง กิลกิต Gilgit-Baltistan ดินแดนที่ราบสูงตอนเหนือปากีสถาน กิลกิตเคยเป็นศูนย์กลางสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นจุดแวะที่สำคัญบนเส้นทางสายไหมโบราณ และปัจจุบันเป็นจุดเชื่อมต่อหลักตามทางหลวงคาราโครัมที่มีถนนเชื่อมต่อไปยังประเทศจีน รวมทั้งเมืองสการ์ดูจิตราลเปชาวาร์และอิสลามาบัดของปากีสถาน นำท่านแวะชม “พระพุทธรูปคาร์กาห์” (Kargah Buddha) มรดกแห่งพุทธศาสนาที่ยังคงเหลืออยู่ใน “ปากีสถาน” พระพุทธรูปที่ถูกแกะสลักไว้บนหน้าผาในหุบเขาคาร์กาห์ (Kargah Valley) ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถูกค้นพบพร้อมกับเจดีย์ 3 องค์ ซึ่งสูง 400 เมตร ในช่วงปี ค.ศ.1938-1939 ตำนานที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปแกะสลักคาร์กาห์นี้ที่ถูกเล่าขานโดยชาวบ้านในท้องถิ่น ตามตำนานระบุว่า กาลครั้งหนึ่ง บริเวณแถบนี้เป็นที่อยู่ของยักษ์กินคนนางหนึ่ง ที่เรียกกันว่า “ยักษิณี” (Yakhsni) ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากยักษ์ตนนี้ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากนักบวชที่ผ่านทาง และนักบวชก็ได้ตรึงนางยักษิณีตนนี้ไว้ที่ก้อนหิน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | GILGIT SERENA HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | กิลกิต (Gilgit) – เบสชาม ( Besham) |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเยี่ยมชม เมืองกิลกิต ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานีชายแดนสำหรับพื้นที่ชนเผ่าในท้องถิ่น กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเมืองมุ่งเน้นไปที่การเกษตร เป็นหลัก โดยมีข้าวสาลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าวบาร์เลย์เป็นพืชผลส่วนใหญ่ ผ่านเมืองชีลาส (Chilas) (ใช้เวลาเดินทาง 8 – 9 ชั่วโมง ) นำท่านแวะชม โขดหินจารึก ภาพเขียนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ของเมืองชีลาส ซึ่งโขดหินจารึกเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นเป็นระยะตลอดเส้นทางสายไหม เส้นทางที่เคยมีพ่อค้าวาณิชมากมายผ่านไปมา โดยที่เมืองชีลาสนี้ ถือเป็นจุดศูนย์รวมโขดหินจารึกภาพโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีการค้นพบหลักฐานมากกว่า 20,000 ชิ้น เกี่ยวกับศิลปะโบราณและภาพเขียน |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ออกเดินทางสู่เมือง เบสชาม (Besham) เมืองท่าสำคัญเส้นทางสายไหมสมัยก่อน โดยใช้เส้นทางสายคารา โครัมไฮเวย์ ตลอดเส้นทางท่านจะได้ชื่นชมกับความงามของธรรมชาติที่ปรากฎบนเส้นทางสายนี้ ชมวิวระหว่างสองข้างทาง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | BESHAM HILTON HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | เบสชาม – พิพิธภัณฑ์เมืองตักศิลา - มหาวิทยาลัยจูเลียน - อิสลามาบัด – มัสยิดไฟซาล – อิสระช้อปปิ้ง – กรุงเทพฯ (TG350: 23.20 – 06.25 ) |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ตักศิลา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 6 ช.ม.) ให้ให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือเพลิดเพลินกับธรรมชาติ 2 ข้างทางจนถึงเมืองตักศิลา |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร พิพิธภัณฑ์เมืองตักศิลา (Taxila) ได้รับการประกาศว่าเป็นเมืองมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัย อเล็กซานเดอร์ มหาราช หลังจากพระเจ้าอเลกซานเดอร์สวรรคต พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงวางรากฐานพุทธศาสนาในเมืองตักศิลาต่อ ในพุทธศตวรรษที่ 10-11 พวกฮั่นขาวได้ทำลายวัดพุทธศาสนาในเมืองตักศิลา ซึ่งที่นี่อุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมและประติมากรรมเก่าแก่ของพุทธศิลปะงดงามสมัยคันธาระ พระพุทธรูปงดงามราวเทพบุตรกรีก จากนั้นชม มหาวิทยาลัยจูเลียน ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ทำให้เห็นโครงสร้างของมหาวิทยาลัยทางพุทธศาสนาอันเก่าแก่ตั้งอยู่กลางเนินเขา Margalla ชื่อของมันคือการรวมกันของคาภาษาเปอร์เซียสองคา ซึ่งรวมกันหมายถึงตีนเขา อยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 ฟุตและห่างจากเมืองอิสลามาบัดเกือบ 500 ฟุต เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสาหรับผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือนเมืองหลวง จากนั้นมุ่งหน้ำเข้าสู่ เมืองหลวงอิสลามาบัด (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) นำท่านเยี่ยมชม มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียสร้างโดยกษัตริย์ไฟซาลแห่งราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียใช้เงินงบประมาณการสร้างสูงถึง 50 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ออกแบบโดยชาวตุรกี และเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปีค.ศ. 1987 นำท่าน อิสระช้อปปิ้งสินค้าพื้น หรือ ของที่ระลึกของฝากก่อน...อำลาปากีสถาน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังรับประทานอาหารเสร็จนำท่านเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับยังประเทศไทย |
23.20 น. | ออกเดินทางจาก อิสลามาบัด โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ TG350:23.20 – 06.25 |
วันที่ 9 | กรุงเทพฯ (TG350: 23.20 – 06.25 ) |
---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 |
06.25 น. | เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมกับความประทับใจ |