กราบขอพร พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ขอพรเทพทันใจ เทพกระซิบ สักการะเจดีย์โบตะทาวน์
สักการะ วัดมหาเจดีย์พระเจ้าบุเรงนอง สักการะ พระบรมรูปพระสุพรรณกัลยา
นมัสการพระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตยี หรือ พระนอนตาหวานสักหาระ พระอุปคุต เมืองสิเรียม
ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง ตลาดสก๊อต แหล่งชอปปิ้งสินค้าพื้นเมือง
ตักบาตรพระสงฆ์ 1,000 รูป วัดไจ๊คะวาย สักการะพระธาตุมุเตา 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน
อิ่มอร่อยกับเมนูเด็ด สลัสกุ้งมังกร + เป็ดปักกิ่ง
** ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและคนขับรถ ท่านละ 1,000 บาท/ทริป **
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง - หงสาฯ - เจดีย์ไจ้ปุ่น - พระราชวังบุเรงนอง - เมืองไจ้โท - พระธาตุอินทร์แขวน (รวมรถขึ้นพระธาตุ) |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
04.30 น. | คณะพร้อมกัน ณ สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 ประตู 1-2 สายการบินแอร์เอเซีย (FD) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสาร |
07.15 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองย่างกุ้ง โดยเที่ยวบินที่ FD251 สายการบินแอร์เอเซีย (FD) |
08.00 น. | ถึงสนามบินมิงกลาดง เมืองย่างกุ้ง ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร (เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุด ของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่และอายุมากกว่า 400 ปี อยู่ห่างจากย่างกุ้ง (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (พิเศษ !!! เมนู กุ้งเผา) |
บ่าย | นำท่านนมัสการ พระพุทธรูปไจ้ปุ่น เป็นพระเจดีย์ที่มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ทั้ง 4 ด้านอายุกว่า 500 ปี หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ สร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้องที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนาจึงสร้างพระพุทธรูปเพื่อแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา และมีการบูรณะขึ้นมาใหม่จึงทำให้พระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะ แตกต่างจากองค์อื่นๆ นำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง สถานที่ซึ่งมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของไทย คือ บริเวณที่เคยเป็นพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 แต่ได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอูในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ในปี พ.ศ. 2142 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็น ผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของ พระนางสุพรรณกัลยา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญ ระหว่างทางท่านจะข้ามผ่านชม แม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งในอดีตขณะที่สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยาได้ถูกทหารพม่าไล่ตามหลังมาซึ่งนำทัพโดยสุรกรรมาเป็นทัพหน้า พระมหาอุปราชาเป็นทัพหลวง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนต้นคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมาแม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นเช่นนั้นจึงขวัญเสียและถอยทัพกลับกรุงหงสาวดี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30-3 ชั่วโมง ก็จะถึง คิ้มปูนแค้มป์ เพื่อทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น (รถบรรทุกหกล้อขนาดเล็กเป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่เราจะสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที จากนั้น ให้ท่านสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในการ ขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน โดยการ นั่งกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที บนกระเช้าท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศและวิวที่สวยงามของการเดินทางสู่ยอดเขาในอีกรูปแบบนึง **หมายเหตุ กรณีที่กระเช้าปิดทำการเนื่องจากสภาพอากาศ หรือเหตุอื่นใดก็ตามที่ทางบริษัทไม่สามารถควบคุมได้ ขอสงวนสิทธิ์ในการเดินทางขึ้นสู่พระธาตุฯโดยรถหกล้อแทน และขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี จากนั้นท่านจะต้องเดินเท้าเพื่อเข้าสู่ที่พัก ให้ท่านอิสระตามพักผ่อนตามอัธยาศัย นำท่านนมัสการ เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ก้อนหินทอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งสิ่งสักการะสูงสุดของชาวพม่า เป็นเจดีย์ขนาดเล็กสูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนศิลาใหญ่ปิดทองที่วางหมิ่นเหม่อยู่บนหน้าผา แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป ตามคติการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนาพระธาตุอินทร์แขวนนี้ให้ถือเป็นพระธาตุปีเกิดของปีจอแทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้งผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ ท่านสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน (พระเจดีย์องค์นี้เปิดตลอดคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับสุภาพบุรุษที่เข้าไปปิดทององค์เจดีย์เปิดถึงเวลา 22.00น. ส่วนสุภาพสตรี สามารถอธิฐาน และฝากสุภาพบุรุษเข้าไปปิดแทนได้ท่านสามารถเตรียมแผ่นทองคำไปเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน) **หมายเหตุ** (กรุณาเตรียมกระเป๋าสัมภาระขนาดเล็กสำหรับ 1 คืน เพื่อนำติดตัวขึ้นไปบนพระธาตุอินทร์แขวน เนื่องจากอาจจะต้องจ้างลูกหาบแบกสัมภาระซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามขนาดกระเป๋า เริ่มต้นที่ 1,000 จ๊าด ประมาณ 30 บาท) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าในการใช้บริการ |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | KYAIKHTO HOTEL // YOE YOE LAY HOTEL ระดับ 3 ดาวหรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | หงสาฯ - วัดไจ้คะวาย - พระธาตุมุเตา - พระนอนชเวตาเลียว - ย่างกุ้ง - เจดีย์โบตะทาวน์ - เทพทันใจ - เทพกระซิบ - พระมหาเจดีย์ชเวดากอง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม ** อิสระตามอัธยาศัย สำหรับท่านที่ต้องการใส่บาตร, ทำบุญที่พระธาตุอินทร์แขวน (กิจกรรมนี้ไม่บังคับ) สำหรับอาหารที่จะใส่บาตรสามารถซื้อได้โดยจะมีร้านค้าจำหน่าย ราคาอาหาร ประมาณ 3,000 จ๊าต ดอกไม้ธูปเทียน ประมาณ 300-500 จ๊าต ทำบุญตามอัธยาศัย ** นำท่านลงจากพระธาตุอินทร์แขวน โดยรถบรรทุกหกล้อขนาดเล็กถึง คิ้มปูนแค้มป์ เปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ นำท่าน ร่วมทำบุญตักบาตร ณ วัดไจ้คะวาย ซึ่งเป็นวัดสำคัญมีพระสงฆ์ จำพรรษากว่า 500 รูป อีกทั้งวัดนี้ยัง เป็นสถานที่ศึกษาพระไตรปิฎกของพระภิกษุและสามเณรอีกด้วย (หมายเหตุ: ท่านสามารถนำสมุด ปากกา ดินสอไปบริจาคที่วัดแห่งนี้ได้ หากท่านใดไม่สะดวกสามารถถวายเป็นปัจจัยได้เช่นกัน) จากนั้นนำท่านชม เจดีย์ชเว-มอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี พระเจดีย์องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน เก่าแก่กว่า 2,600 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า นำท่านนมัสการ ยอดเจดีย์หัก ซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก (ณ จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ และสามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคลซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป) ซึ่งเจดีย์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเคยมาสักการะ เจดีย์องค์นี้เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน พระเจดีย์สูง 114 เมตร สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 14 เมตร มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตร ที่ตกลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล ตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตร กลับยงคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไป เป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์-สิทธ์โดยแท้ และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาลิ้นดำ ใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณเพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชย์ นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน จากนั้นนำท่านนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว กราบนมัสการ พระพุทธรูปนอนที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศ และเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า อีกทั้งท่านสามารถที่จะเลือกหาเครื่องไม้แกะสลัก ที่มีให้เลือกมากมาย ตลอดสองข้างทางและยังสามารถเลือกซื้อ ของฝาก อาทิเช่น ผ้าพม่า ของที่ระลึกต่างๆ ในราคาถูก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (พิเศษ !!! เมนู กุ้งเผา) |
บ่าย | จากนั้นนำทุกท่านเดินทางกลับ เมืองย่างกุ้ง นำท่านกราบนมัสการ เจดีย์โบตาทาวน์ ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่พระสงฆ์อินเดีย 8รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์ นำท่านขอพร เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย นัตโบโบยี ก็คือ "นัต" หรือวิญญาณเทพผู้คุ้มครองสถานที่ตามความเชื่อของชาวพม่า โดยเทพที่จะถูกจัดว่าเป็น "นัต" นั้น มักจะเป็นคนที่เคยสร้างความดี หรือมีวีรกรรมน่าประทับใจ และมาตายลงด้วยเหตุร้ายแรงที่เรียกว่า ตายโหง ทำให้วิญญาณยังมีความห่วงใยในภาระหน้าที่บ้านเมือง และยังคงผูกพันกับผู้คนเบื้องหลัง ทำให้ไม่อาจไปเกิดใหม่ได้ จึงกลายเป็นนัตที่มาคอยคุ้มครองรักษาบ้านเมือง หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระเจดีย์องค์สำคัญ วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบยี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยี 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึกกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปรารถนาที่ตั้งใจไว้ นำท่านข้ามฝั่งถนน สักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว การขอพรเทพกระซิบต้องเข้าไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้ นำท่านนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง (ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง) แห่งลุ่มน้ำอิระวดี เจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัม ยอดฉัตรประดับประดาด้วยเพชรพลอยอัญมณีล้ำค่า กว่า 5,548 เม็ด รวมถึงทับทิม ขนาดเท่าไข่ไก่บนยอดองค์พระเจดีย์ชเวดากองเป็นลานกว้างรองรับแรงศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนได้จำนวนมาก บริเวณทางขึ้นทั้งสี่ทิศจะมีวิหารโถงสร้างด้วยเครื่องไม้หลังคาทรงปราสาทปิดทองล่องชาดประดับกระจกทั้งหลัง ภายในประดิษฐานพระประธานสำหรับให้ประชาชนมากราบไหว้บูชา เพราะชาวมอญและชาวพม่าถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากองเป็นนิตย์ จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล บ้างนั่งทำสมาธิเจริญสติภาวนานับลูกประคำ และบ้างเดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์ จากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีส้ม, สีแดง เป็นต้น (สถานที่สำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง คือ ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต) |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็นในโรงแรม 5 ดาว SHANGRI LA HOTEL เมนูพิเศษ!!!! บุฟเฟ่ต์นานาชาติซีฟู้ด เต็มอิ่มไม่อั้นกับอาหารทะเลหลากหลายชนิด |
ที่พัก | SHANGRI LA YANGON ระดับ 5 ดาว |
วันที่ 3 | สิเรียม - เจดีย์กลางน้ำเยเลพญา - ย่างกุ้ง - พระนอนเจ๊าทัตจี - ตลาดสก๊อต - พระพุทธรูปหงาทัตจี - เจดีย์กาบาเอ - ช้างเผือก - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองสิเรียม อยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งประมาณ 45 กิโลเมตร โดยรถปรับอากาศใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. นำชมความแปลกตาของเมืองที่ซึ่งเคยเป็นเมืองท่าของโปรตุเกสในสมัยโบราณ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำย่างกุ้งที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำอิระวดี จากนั้นชมความสวยงามของ เจดีย์กลางน้ำ หรือ พระเจดีย์เยเลพญา เจดีย์จะตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะกลางน้ำเป็นที่สักการะของชาวสิเรียม สร้างโดยเศรษฐีชาวมอญ ในยุคที่อาณาจักรมอญรุ่งเรืองเมื่อประมาณพันกว่าปีมาแล้ว เชื่อกันว่าตอนที่สร้างเจดีย์เศรษฐีชาวมอญได้ทำการอธิษฐานขอให้น้ำอย่าท่วมถึงองค์เจดีย์ ถ้ามีคนมากราบไหว้จำนวนมากเท่าไรก็ขอให้ไม่มีวันเต็มพื้นที่ และผู้ใดมาทำบุญบูรณะต่อเติมองค์เจดีย์ ขอให้ทำการค้าเจริญก้าวหน้าทุกคน ซึ่งทำให้ผู้คนเกิดความเชื่อว่าการมาทำบุญกราบไหว้ ณ เจดีย์แห่งนี้ จะทำให้การค้าการขายเจริญรุ่งเรือง ให้ท่านได้นมัสการพระพุทธรูปเก่าแก่ทรงเครื่องจักรพรรดิประดิษฐานบนบัลลังก์ไม้แกะสลักปิดทองคำทองเปลวที่มีความงดงาม และนมัสการพระอุปคุต ที่ชาวพม่ามีความเชื่อว่าจะบันดาลให้มีกินมีใช้ไม่ขาด และมีโชคลาภ สมควรแก่เวลา กลับกรุงย่างกุ้ง นำท่านสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี หรือ พระนอนตาหวาน ซึ่งเป็นพระพุทธไสยาสน์องค์ขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 6 ชั้น ยาวกว่า 70 เมตร ใช้โครงเหล็กกั้นถึง 65 เมตร มีหลังคาคลุม 6 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี 1907 ถูกยกย่องให้เป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในพม่า ด้วยพระพักตร์ที่งดงามเปื้อนยิ้ม ดวงตาทำจากลูกแก้วที่สั่งผลิตจากต่างประเทศ ทาขอบตาด้วยสีฟ้าและมีขนตาหนายาวทำให้ดวงตาดูหวาน จนถูกเรียกพระนามอีกชื่อคือ “ พระตาหวาน ” บริเวณพระบาทมีภาพวาดลายธรรมจักร ตรงกลางฝ่าพระบาทล้อมรอบด้วยรูปมงคล 108 ประการ ที่แสดงถึงอากาศโลก สัตว์โลก และสังขารโลก อีกทั้งจีวรยังมีลักษณะพริ้วไหวสมจริงและตรงชายประดับด้วยอัญมณีแวววาว ถือเป็นพุทธศิลป์ที่มีความงดงามทรงคุณค่า จากนั้นให้ท่านอิสระช้อปปิ้ง ณ ตลาดสก๊อต เป็นตลาดเก่าแก่ของชาวพม่า สร้างขึ้นโดยชาวสก๊อตในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เป็นลักษณะอาคารเรียงต่อกันหลายหลัง สินค้าที่จำหน่ายในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายชนิด เช่น เครื่องเงิน ที่มีศิลปะผสมระหว่างมอญกับพม่าภาพวาด งานแกะสลักจากไม้ อัญมณี หยก ผ้าทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป แป้งทานาคา เป็นต้น (หากซื้อสิ้นค้าหรืออัญมณีที่มีราคาสูงควรขอใบเสร็จรับเงินด้วย ทุกครั้ง เนื่องจากจะต้องแสดงให้ศุลกากรตรวจ หมายเหตุ:ตลาดสก๊อต (Scot Market) ปิดทุกวันจันทร์) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร พิเศษ!! บุฟเฟ่ต์ชาบูเมนูหลากหลาย |
บ่าย | จากนั้นนำท่านนมัสการ พระพุทธรูปงาทัตจี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามตามแบบฉบับศิลปะของพม่า มีความสูงประมาณ ตึก 5 ชั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ เครื่องทรงเป็นโลหะ ส่วนเครื่องประกอบด้านหลังจะเป็นไม้สักแกะสลักทั้งหมด และสลักป็นลวดลายต่างๆ จำลองแบบมาจากพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยยะตะนะโบง(สมัยมัณฑเลย์) ซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างมาก จากนั้น นำท่านชม เจดีย์กาบาเอ เป็นเจดีย์ทรงกลม สูง 34 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี 1952 เพื่อทำการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 เป็นเจดีย์ที่มีความสวยงามและแปลกตา ภายในบรรจุพระอัฐิธาตุของพระอัครสาวกแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร จะมีทางเข้าทั้งหมดห้าด้าน ทุกด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนฐานทักษิณ มีพระพุทธรูปหุ้มด้วยทองคำองค์เล็กๆอีก 28 องค์ แทนอดีตสาวกของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 องค์ ที่อุบัติขึ้นในโลกนี้ ส่วนพระพุทธรูปองค์พระประธานที่อยู่ข้างในหล่อด้วยเงินบริสุทธิ์มีน้ำหนัก กว่า 500กิโลกรัม และ เข้าร่วมพิธีเทินพระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นชม ช้างเผือก เชือกงามที่สุดในพม่าโดยช้างทั้ง 3 ตัวนี้ มีลักษณะเด่น คือ มีลักษณะผิวพรรณเหลืองทองอร่าม แม้กระทั่งนัยตาของช้างยังเป็นสีทอง ถือว่าเป็นช้างที่หาชมได้ยากที่สุดในเอเชีย ซึ่งคนพม่าเองตามเข้ามาชมและสักการะช้างเผือกเหล่านี้ ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน |
19.25 น. | เดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดย สายการบินแอร์เอเซีย (FD) เที่ยวบินที่ FD258 |
21.10 น. | ถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ และประทับใจในบริการ |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel