เข้าร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยมุนี 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน แห่งเมืองมัณฑะเลย์
สักการะ เจดีย์ชเวสิกอง 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน แห่งเมืองพุกาม
ชม ทุ่งทะเลเจดีย์ พร้อมทั้งเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ณ จุดชมวิวเมืองพุกาม
ล่องเรือชมวิวแม่น้ำอิรวดี สู่ เมืองมิงกุน
ชมโชว์ หุ่นกระบอกเชิด ศิลปะชั้นสูงของพุกาม พร้อมทั้งลิ้มรสอาหารพื้นเมือง+กุ้งเผา
** ทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น คนขับรถ หัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย 1,500 บาท/ท่าน/ทริป **
วันที่ 1 | คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 4 สายการบินบางกอกแอร์เวย์ เคาท์เตอร์ F ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสาร |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
09.00 น. | ออกเดินทางโดย สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ โดยเที่ยวบินที่ PG 709 (บริการอาหารบนเครื่อง) |
13.20 น. | ถึง สนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที) เมืองมัณฑะเลย์ อดีตราชธานีของพม่า ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่เมืองที่ยังคงใช้ ชื่อเดิมเรื่อยมาไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งอยู่บนที่ราบอันแห้งแล้งและเขตทำนาปลูกข้าวตามแนวลำน้ำเอยาวดีตอนบน มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ปัจจุบันมัณฑะเลย์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีนาฎศิลป์และคีตศิลป์ดีที่สุดในพม่า จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพุกาม เมืองแห่งโบราณสถาน ท่านจะได้ชมสถูปเจดีย์และวิหาร ส่วนที่รอดพ้นจากภัย แผ่นดินไหว และการกัดเซาะของแม่น้ำอิระวดีมีอยู่ไม่น้อยกว่า 2,000 แห่ง อาณาจักรพุกามได้ชื่อว่าเป็น ทุ่งทะเลเจดีย์ (เมืองโบราณแห่งทะเลเจดีย์) เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดีคนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็นอู่อาริยธรรมของประเทศ (เดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ) ห่างจากมัณฑะเลย์ 180 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง จากนั้นนำท่านสู่ จุดชมวิวเมืองพุกาม ให้ท่านได้ถ่ายภาพทุ่งทะเลเจดีย์แห่งเมืองพุกามที่กว้างใหญ่และสวยงามสวยงาม นำท่านชม เจดีย์ชเวสิกอง (1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า) สร้างเป็นทรงสถูป แบบดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณ์เป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกาตุ จากพระสรีระหลายส่วน ใช้เป็นทั้งที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพุกาม |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร พร้อม ชมโชว์เชิดหุ่นกระบอก ที่หาชมได้ยาก อันเป็นศิลปะที่งดงามอ่อนช้อยประดุจมีชีวิตจริง พร้อมให้ท่านได้ลองลิ้มรสอาหารพื้นเมืองของคนพม่า |
ที่พัก | BAGAN LANDMARK HOTEL *** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | พุกาม - วัดมนูหา - วัดกุบยางกี - วิหารสัพพัญญู - วัดอนันดา - เครื่องเขิน - วิหารธรรมยันจี - เจดีย์ติโลมินโล - มัณฑะเลย์ - สะพานไม้อูเบ็ง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดมนูหา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่บ้านมยินกะบา สร้างเมื่อปี 1059 โดยพระเจ้ากษัตริย์มอญที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยศักดิ์อยู่ที่พุกามพร้อมมเหสี และพลเมืองมอญอีกว่า 30,000 คน ที่ถูกกวาดต้อน มาเมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาตีเมืองสะเทิมได้ใน ปี พ.ศ. 1600 และยึดพระไตรปิฎก 30 ชุดมาไว้ที่พุกาม การที่พระเจ้ามนูหะทรงสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นก็เพื่อเป็นการถ่ายทอด และระบายให้ได้รับรู้ถึงความอึดอัดใจ และความไม่สบายใจที่พระองค์มีต่อการต้องตกเป็นเชลยเช่นนี้ ภายในวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ 3 องค์ ซึ่งองค์ประธานนั้นมีขนาดมโหฬารบริเวณพระอุระของพระพุทธรูปมีขนาดโตพองจนรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ทับถมในจิตใจของพระองค์ หากเดินเข้าไปตามช่องว่างระหว่างวิหารกับพระพุทธรูป จะพบกับพระพุทธรูปปางไสยาสน์อีก 2 องค์ ซึ่งก็ขนาดใหญ่โตจนทำให้วิหารคับแคบลงไปถนัดตาเช่นกัน นำท่านชม วัดกุบยางกี สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม ที่ยังคงเหลืออยู่ นำท่านนมัสการ วิหารสัพพัญญู ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม นำชม วัดอานันดา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน สร้างเสร็จเมื่อปี 1091 เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อได้รับการยกย่องว่าเป็น “เพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม” เป็นที่รู้จักเหนือวิหารทั้งหลาย มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน ซึ่งต่อมาเจดีย์แห่งนี้เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็กๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ นำท่านแวะชมและช้อปปิ้ง สิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นชมวิหารธรรมยันจี วิหารที่วัดนี้ได้ชื่อว่าใช้ความหนาแน่น ความละเอียดพิถีพิถันในการสร้างมากที่สุดในพม่าก็ว่าได้ สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาป ด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจะติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา จากนั้นชม เจดีย์ติโลมินโล สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 โดยพระบัญชาของพระเจ้านันต่าว-มยา เป็นพระโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดกับนางห้ามผู้หนึ่งและได้เสี่ยงทางเลือกให้เป็นราชทายาท เป็นวัดสูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4ด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐ์ฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศทั้งสองชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่กับลวดลายปูนปั้น อันประณีตสวยงาม สร้างโดยพระติโลมินโลเมื่อปี พ.ศ.1761ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมัณฑะเลย์ โดยรถโค้ชปรับอากาศ จากนั้นนำท่านสู่ ทะเลสาบต่าวตะหมั่น ระดับน้ำในทะเลสาบจะมีน้ำขึ้นเยอะหรือน้อยขึ้นอยู่กับฤดูกาล ช่วงฤดูหนาว น้ำจะแห้งกลายเป็นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับทำการเพาะปลูก ในช่วงนั้น ชาวบ้านจึง มีการทำการเพาะปลูก หลายชนิด เช่น ข้าวโพด ข้าว แม้แต่ดอกทานตะวันก็ดูสวยงามในฤดูหนาว เหนือท้อง น้ำมีสะพานไม้ ทอดข้ามทะเลสาบ 1.2 กิโลเมตร เรียกว่า สะพานไม้อูเบ็ง สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก สร้างขึ้นหลังจากที่ย้ายราชธานีมาอยู่ที่อมรปุระ เป็นสะพานไม้สักที่นำมาจากเมืองอังวะ โดยเสนาบดีของพระเจ้าโบ่ต่อพญา ชื่อว่า เสาอู จึงเรียกชื่อสะพานไม้นี้ ตามชื่อ คือ อู่เป่ง เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | VICTORIA PALACE *** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | มัณฑะเลย์ - พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี - ล่องเรือแม่น้ำอิรวดี - มิงกุน - เจดีย์ชินพิวมิน - ระฆังมิงกุน - เจดีย์มิงกุน - มัณฑะเลย์ - วัดกุโสดอ - พระราชวังมัณฑะเลย์ - พระราชวังไม้สักชเวนานดอว์ - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
03.30 น. | คณะพร้อมกัน ณ ล้อบบี้ของโรงแรม เพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่ วัดมหามัยมุนี |
04.00 น. | นำท่านนมัสการและ ร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรมล้างหน้าพระพักตร์ พระมหามัยมุนี (1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า) ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่อง เครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ถือเป็นสิ่งบูชาสูงสุดของชาวพม่า สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก เพื่อทำธุระส่วนตัว และ CHECK OUT ออกจากโรงแรม |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านสู่ เมืองมิงกุน โดยการล่องเรือไปตามแม่น้ำอิระวดีสู่ มิงกุน จากท่าเรือใกล้เจดีย์ชเวไจยัต เขตเมืองอมรปุระทวนน้ำไปหมู่บ้านมิงกุน ซึ้งเป็นส่วนหนึ่งของอมรปุระ แต่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำอิรวดีและไปได้ด้วยเส้นทางเรือเท่านั้นทว่ามีอนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็น “กึ่งบ้านกึ่งแพ” เนื่องจากร ะดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลาก ระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้นสูงก็ร่วมแรงกันยกบ้านขึ้นที่ดอน ครั้นน้ำลงมากก็ยกบ้านมาตั้งใกล้น้ำ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้แม่น้ำในชีวิตประจำวัน เมื่อถึงหมู่บ้านมิงกุนให้ท่านได้สัมผัสการนั่งรถสกาย์แล๊ป (ค่าบริการท่านละ 20 บาท ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์) จากนั้นนำชม เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางและโลกและจักรวาลล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ จากนั้นนำท่านชม ระฆังมิงกุน ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือระฆังมิงกุน ที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างโดยสำเร็จ เพื่ออุทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียวทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวาน ทั้งนี้เคยมีการทดสอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆ ไปยืนรวมกันอยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คน นำท่านชม เจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่หรืออาระกันจำนวน 50,000 คนหลบหนีการขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอลเป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็นกองโจร ลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆ โดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลังกลายเป็นฉนวนให้เกิดสงครามอังกฤษ-พม่า อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุด อย่างไรก็ตามงานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามและยื่งใหญ่ขององค์เจดีย์ ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับสู่มัณฑะเลย์ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ!! กุ้งเผา |
บ่าย | จากนั้นนำชม วัดกุโสดอร์ ใจกลางวัดเป็นเจดียืมหาล่อกะมาระเส่ง(มหาโลกมารซิน) สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่5 และ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจารึกลงบนหินอ่อน 729 แผ่นเป็นภาษาบาลี ทั้งหมด จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ และต้องใช้พระสงค์ถึง 2,400 รูปในการคัดลอก และใช้เวลานานถึง หกเดือน กว่าจะแล้วเสร็จ พระไตยปิฏกที่ชำระขึ้นในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็น “พระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก” จากนั้นนำทุกท่านเข้าชม พระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังหลวงของพระเจ้ามิงดง สร้างขึ้นตามผังภูมิจักรวาลแบบพราหมณ์ปนพุทธ โดยสมมุติให้เป็นศูนย์กลางของโลก (เขาพระสุเมรุ) แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีกำแพงล้อมร้อบทั้งสี่ทิศ แต่ละทิศมีประตูทางเข้า 3 ประตู รวมทั้งสิ้น 12 ประตู ที่ประตู ทำสัญลักษณ์จักรราศีประดับเอาไว้ ใจกลางพระราชวังเป็นห้องพระมหาปราสาท (ห้องสีหาสนบัลลังก์) เป็น ปยัตตั้ด (ยอดปราสาท)หุ้มด้วยแผ่นทองซ้อนกัน เจ็ดชั้นสูง 78 เมตร เชื่อกันว่า ความเป็นไปในจักรวาลจะลอดผ่าน ยอดปราสาท ตรงลงมาสู่พระแท่นราชบัลลังก์ ช่วยให้กษัตริย์ตัดสินพระทัยในเรื่องต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง แต่ปัจจุบันทางการพม่าได้จำลองขึ้นใหม่อีกครั้งบนฐานเดิม นำทุกท่านชม พระราชวังไม้สักชเวนานจอง วังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการตา ด้วยลวดลายแกะสลักประณีต อ้อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตู และ หน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้าเมียงดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมือง มัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจาก พระองค์ สิ้นพระชนม์ พระเจ้า สีป่อ พระโอรสก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัดถือได้ว่า เป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ เพื่อเดินทางกลับ กรุงเทพฯ |
20.05 น. | ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG 714 (บริการอาหารบนเครื่อง) |
22.30 น. | ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจในบริการ |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel