วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง - หงสาวดี - พระธาตุมุเตา - พระธาตุอินทร์แขวน |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
06.00 น. | พร้อมกันที่ สนามสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 4 เคาน์เตอร์ F สายการบินบางกอกแอร์เวย์ Bangkok Airways (PG)โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
08.50 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงย่างกุ้ง โดยเที่ยวบิน PG-701 ** บริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง ** |
09.40 น. | เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง) จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago)ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่ และ อายุมากกว่า 400ปี อยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้ง (ระยะทางประมาณ 80กิโลเมตร) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. |
เที่ยง | บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (ย่างกุ้ง) |
10.20 น. | จากนั้น นำท่านเข้าชม พระธาตุ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองและเป็น 1 ใน 5 มหา บูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า เจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา(ShweMordore)ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า นำท่านนมัสการ ยอดเจดีย์หัก ซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ซึ่งเจดีย์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของไทย เคยมาสักการะ เจดีย์องค์นี้ เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน ยอดเจดีย์หัก พระเจดีย์สูง 377 ฟุต สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 51 ฟุต มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตร ที่ตกลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล ตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตร กลับยงคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไป เป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์-สิทธ์โดยแท้ และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาลิ้นดำ ใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณเพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชย์ ท่านจะได้นมัสการ ณจุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ และสามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคลซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญระหว่างทางท่านจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้ามผ่าน ชม แม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตขณะที่ 2 สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ได้ถูกทหารพม่าไล่ตามซึ่งนำทัพโดยสุรกรรมาเป็นกองหน้าพระมหาอุปราชาเป็นกองหลวง ยกติดตามกองทัพไทยมากองหน้าของพม่าตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ในขณะ ที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้วพระองค์ได้คอยป้องกันมิให้ข้าศึกข้ามตามมาได้ ได้มีการปะทะกันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตงสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมาแม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นขวัญเสีย จึงถอยทัพกลับกรุงหงสาวดี พระแสงปืนที่ใช้ยิงสุรกรรมาตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฏต่อมาว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง"นับเป็นพระแสง อัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภคยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึง คิ้มปูนแค้มป์ซึ่งเป็นจุดสำหรับทำการเปลี่ยนเป็นรถบรรทุกหกล้อ (เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่จะสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้)ใช้เวลาเดินทาง จากคิมปูนแค้มป์ถึงยอดเขาประมาณ 1 ชั่วโมง พักที่ Kyaikhto , Mountain Top , Yoyolae , Golden Rock Hotel หมายเหตุ : ในกรณีพักโรงแรมGolden Rock Hotel จะขึ้นอินแขวนได้แค่ครั้งเดียวค่ะเชิญทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย จากนั้นชม เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน KyaikhtiyoPagoda (Golden Rock) แปลว่า ก้อนหินทอง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200เมตร ลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็กๆ สูงเพียง5.5 เมตรตั้งอยู่บนก้อนหินกลมๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป ตามคติการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนาพระธาตุอินทร์แขวนนี้ให้ถือเป็น พระธาตุปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญพร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ ท่านสามารถเตรียมแผ่นทองคำไปเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน (เข้าไปปิดทองได้เฉพาะสุภาพบุรุษ ส่วนสุภาพสตรี สามรถอธิฐาน และฝากสุภาพบุรุษเข้าไปปิดแทนได้)**สำหรับจุดไหว้พระธาตุด้านบนจะมีบริการแผ่นทองคำเปลวราคาเริ่มต้น 2,000จ๊าต/ชุด** |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าที่พัก จากนั้นท่านสามารถขึ้นไป นมัสการ หรือ นั่งสมาธิที่พระเจดีย์ ได้ตลอดทั้งคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับสุภาพบุรุษ จะเปิดถึงเวลา 21.00 น. ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรือกันลมหรือผ้าห่มผ้าพันคอเบาะรองนั่งเนื่องจากบริเวณพื้นที่นั้นมีความเย็นมา |
พักที่ | Kyaikhto , Mountain Top , Yoyolae , Golden Rock Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | พระธาตุอินทร์แขวน - หงสาวดี - พระนอนชเวตาเลียว - พระราชวังบุเรงนอง - ย่างกุ้ง - เจดีย์โบตาทาวน์ - เจดีย์ชเวดากอง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
05.00 น. | อรุณสวัสดิ์ยามเช้า สำหรับผู้ที่ต้องการ ใส่บาตรพระธาตุอินแขวน กิจกรรมนี้ไม่ได้บังคับนะคะ สำหรับอาหารที่จะใส่บาตรสามารถซื้อได้โดยจะมีร้านค้าจำหน่ายราคาอาหารเริ่มต้นชุดละ 3,000-10,000 จ๊าตดอกไม้ธูปเทียนเริ่มต้นชุดละ 2,000 จ๊าต |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม พร้อมนำท่านเดินทางสู่ กรุงหงสาวดี นมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (ShewThalyang Buddha) กราบนมัสการพระพุทธรูปนอนที่ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศและเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่าองค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจีที่ย่างกุ้ง แต่ก็งามกว่าโดยพระบาทจะวางเหลื่อมพระบาท ซึ่งจะเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกับพระนอนของไทย จากนั้นนำชม เจดีย์ไจ๊ปุ่น (KyaikPun Buddha) สร้างในปี 1476 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 30 เมตร ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์คือ พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ (ทิศตะวันตก)เล่ากันว่าสร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ต่อมา 1 ใน 4 สาวหนีไปแต่งงาน ร่ำลือกันว่าทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นเกิดรอยร้าวขึ้นทันที |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร **เมนูพิเศษ กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ท่านละ 1ตัว ** |
บ่าย | นำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง และ บัลลังก์ผึ้ง (KanbawzaThardi Palace) พระราชวังบุเรงนอง ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ.2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็น ผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของ พระนางสุพรรณกัลยา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร จากนั้น นำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงย่างกุ้ง นำท่านชม เจดีย์โบตาทาวน์ สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุ พระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์โบตาทาวน์ เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์ จากนั้นนำท่านขอพร นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทยวิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบยี)เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วยหรือผลไม้อื่นๆมาสักการะ นัตโบโบยี จะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาทหรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยีสัก 2ใบ ไหว้ขอพรแล้ว ดึงกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยีแค่นี้ท่านก็จะสมตามความปรารถนาที่ขอไว้ จากนั้นนำท่านสักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า“อะมาดอว์เมี๊ยะ”ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้ารักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัตซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้วซึ่งการขอพรเทพกระซิบต้องไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน ชาวพม่านิยมขอพรจากเทพองค์นี้กันมากเช่นกันการบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้ นำท่านชมและ นมัสการพระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปีเจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพม่าสถานที่แห่งนี้มีลานอธิฐานจุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิรมงคลนอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต จากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไปเช่นสีเหลือง,สีน้ำเงิน,สีส้ม,สีแดงเป็นต้น พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชกาลองค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดน้ำหนักยี่สิบสามตันภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามพระองค์บนยอดประดับด้วยเพชรพลอยและอัญมณีต่างๆจำนวนมากและยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอดบริเวณเจดีย์จะได้ชมความงามของวิหารสี่ทิศซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาทซ้อนเป็นชั้นๆงานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้นชมระฆังใบใหญ่ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้งเสียก่อนอังกฤษกู้เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นภายหลังชาวพม่า ช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่าถือว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ให้ตีระฆัง 3ครั้งแล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
พักที่ | SUMMIT PARKVIEW HOTEL หรือ BEST WESTERN HOTEL ระดับ 4 ดาว |
วันที่ 3 | ย่างกุ้ง - พุกาม - วัดเจดีย์ชเวสิกอง - วัดอนันดา - วัดมนุหา - วัดกุบยางกี - วัดติโลมินโล - วัดสัญพัญญู - วิหารธรรมยันจี - จุดชมวิวทุ่งทะเลเจดีย์ - โชว์พื้นเมืองเชิดหุ่น |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
05.00 น. | รับประทานอาหารเช้า แบบกล่องจากทางโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิงกาลาดง อาคารผู้โดยสายภายในประเทศ |
07.00 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินยองลู สู่ เมืองประวัติศาสตร์พุกาม โดย สายการบิน Air Mandalay เที่ยวบินที่ 6T 401 |
08.25 น. | เดินทางถึง เมืองพุกาม (Bagan) นำท่านนำท่านชม พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ซึ่งเป็นสถูปดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจากพระสรีระหลายส่วน มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ ใช้เป็นทั้งที่ประชุมสวดมนต์และศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพุกาม ชม วัดอนันดา (Ananda Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน สร้างเสร็จเมื่อปี 1091 ซึ่งวิหารแห่งนี้นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพุกาม มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้านซึ่งต่อมาเจดีย์แห่งนี้เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็กๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ จากนั้นพาท่านชม วัดมนุหา (Manuha Temple) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่บ้านมยินกะบา สร้างเมื่อปี 1059 โดยพระเจ้ามนูหะกษัตริย์แห่งมอญ เพื่อสั่งสมบุญไว้สำหรับชาติหน้า จึงได้นำอัญมณีบางส่วนไปขายมาสร้างวัดนี้โครงสร้างวิหารค่อนข้างแคบ มีพระนอนหนึ่งองค์ กับ พระพุทธรูปอีกสามองค์นั่งเบียดเสียดอยู่ภายใน สะท้อนถึงความคับแค้นพระทัยของกษัตริย์เชลยพระองค์นี้เป็นอย่างดี |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware)ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่างๆ สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ โถใส่ของทำจากขนหางม้าสานกับโครงไม้ไผ่ มีขนาดเบาบางและบีบให้ยุบ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม จากนั้นพาท่านเที่ยว วัดกุบยางกี (GubyaukkyiTempel) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม ที่ยังคงเหลืออยู่ จากนั้นเข้าชม วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple) สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 โดยพระบัญชาของพระเจ้านันต่าว-มยา เป็นพระโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดกับนางห้ามผู้หนึ่ง และได้เสี่ยงทางเลือกให้เป็นราชทายาท เป็นวัดสูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐ์ฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ ทั้งสองชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่กับลวดลายปูนปั้น อันประณีตสวยงามสร้างโดยพระติโลมินโล เมื่อปี พ.ศ.1761ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก นมัสการ เจดีย์สัพพัญญู ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม ชม วิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาป ด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจะติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า จากนั้นนำท่านเดินทางชมและเก็บภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ จุดชมวิวทะเลเจดีย์ |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร พร้อมชม โชว์เชิดหุ่นกระบอก ท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริงพร้อมลิ้มรสอาหารพื้นเมือง |
พักที่ | BAGAN HERITAGE HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | พุกาม - เฮโฮ - รัฐฉาน - ทะเลสาบอินเล - วัดพองดออู - ชมสวนเกษตรลอยน้ำ - หมู่บ้านทอผ้าอินปอ - วัดแมวลอดห่วง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
07.35 น. | นำท่านเดินทางสู่ เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบิน Air Bagan เที่ยวบินที่ W9 009 |
07.50 น. | เหิรฟ้าสู่ สนามบินเฮโฮ โดย สายการภายในประเทศเที่ยวบินที่ YJ-892 |
09.00 น | เดินทางถึงเดินทางถึง สนามบินเฮโฮ HEHO นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองตองยี เมืองหลวงเก่าของ รัฐฉาน (Shan State) นั่งรถจากสนามบินไปราว 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อไปชม ทะเลสาบอินเล (Inle Lake) มีพื้นที 158 ตร.กม. อยู่สูงกว่าระดับนํ้าทะเล 878 เมตร ความยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 32 กม. กว้าง 5 กม. เกิดจากลำธารหลายสายที่ไหลมาจากเทือกเขาที่ทอดขนานไปทั้งทางทิศตะวันตกและตะวันออก มีน้ำไหลจากทะเลสาบไปลงแม่นํ้าสาละวิน รอบทะเลสาบมีชุนชนชาวอินตาอยู่มากกว่า 200 แห่ง นำท่านลงเรือเพื่อเดินทางสู่ ทะเลสาบอินเล ลงเรือยนต์(ลำละ 5-6 ท่าน) มีเสื้อชูชีพบริการท่านเพื่อความปลอดภัยชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การสร้างบ้านบนทะเลสาบระหว่างทาง ท่านจะได้พบการพายเรือด้วยเท้าข้างเดียวทั้งชายและหญิงอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวอินตา นำท่านชม ตลาด 5 วัน (ตลาดเหยาม่า) ซึ่งเป็นตลาดนัดที่หมุนเวียนกันไปโดยไม่ซ้ำกัน ให้ท่านเลือกซื้อของที่ระลึกกลับบ้าน |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชม วัดพองดออู สร้างในศตวรรษที่ 12 อดีต พระพุทธรูป 5 องค์นี้(พระบัวเข็ม) ชาวบ้านจะ อัญเชิญขึ้นเรือแล้วแห่ไปตามหมู่บ้านต่างๆรอบทะเลสาบ (ซึ่งจะแห่หลังจากเทศกาลออกพรรษา 15 วัน) มีขนาด 5 ซ.ม. แต่ปัจจุบันชาวบ้านเอาทองมาปิดพระจนถึงปัจจุบัน พระพุทธรูปมีขนาดสูงกว่าเดิมถึง 6 เท่า ถือเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์คู่ทะเลสาบอินเลย์ ให้นำท่านนมัสการ พระบัวเข็ม เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นนำท่านชม หมู่บ้านทอผ้าอินปอขอม ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่นำเส้นใยบัวมาทอเป็นเสื้อผ้า,ผ้าพันคอ ฯลฯ ชม วัดแมวกระโดด มีอายุ 200 กว่าปี จากนั้นนำท่านเดินทางกลับที่พัก พักผ่อนกับบรรยากาศของ ทะเลสาบอินเลย์หลังจากนั้นเดินทางไปหมู่บ้านผลิตบุหรี่พื้นเมือง และ แปลงสวนผักลอยน้ำ (Floating Garden)ที่ปลูกผักมากมาย เช่น พริก, ผักกาด, มะเขือเทศ ในจำนวนมากพอที่จะเลี้ยงคนพม่าทั้งประเทศได้ จากนั้นนำท่านไป วัดแมวลอดห่วง Nga-Phe-KyanngMonastaryเป็นสำนักสงฆ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปสำคัญ ๆ ไว้เป็นจำนวนมากเป็นวัดที่ได้รับการประกาศให้เป็นโบราณสถาน ประกอบด้วยเสาไม้สักถึง 654 ต้น สร้างในปี ค.ศ. 1205 สมัยพระเจ้ามินดงได้เวลาสมควรเข้าสู่ที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม |
พักที่ | MYANMAR TREASURE INLE RESORT ณ ทะเลสาบอินเล (หรือเทียบเท่า) |
วันที่ 5 | เฮโฮ - มัณฑะเลย์ - พระราชวังมัณฑะเลย์ - พระราชวังไม้สักชเวนานจอง - วัดกุโสดอ - วัดกุสินารา - เขามัณฑะเลย์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
06.30 น. | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม |
09.40 น. | ออกเดินทางไป สนามบินเฮโฮ สู่ เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบิน Air Bagan W9-011 |
10.35 น. | เดินทางถึง สนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ ตัวเมืองมัณฑะเลย์ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมัณฑะเลย์ประมาณ 1 ชั่วโมง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้น นำท่านชม พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) พระราชวังมัณฑะเลย์ พระราชวังที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม 2488 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากมายถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่า ด้วยเหตุผลว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่น พระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นพระราชวังไม้สักก็ถูกไฟไหม้เผาราบเป็นหน้ากลองหลงเหลือก็แต่ป้อมปราการและคูนํ้ารอบพระราชวังที่ยังเป็นของดั่งเดิมอยู่ปัจจุปันพระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา จากนั้นนำท่านไป พระราชวังไม้สักชเวนานจอง (Golden Palace Monastry) วังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ.2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอหรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัด ถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง นำท่านชม วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) วัดกุโสดอเป็นวัดที่พระเจ้ามินดงทรงโปรดฯให้มีการจัดสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ของโลกขึ้นโดยทรงให้จารึกพระไตรปิฎกจำนวน 84,000พระธรรมขันธ์ลงบนแผ่นหินอ่อน 729 แผ่น รวม1,428 หน้า และได้สร้างมณฑปสีขาวครอบแผ่นจารึกหินอ่อนเหล่านี้ไว้ (1แผ่นต่อ 1มณฑป) เรียงรายรอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกามหนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่า “หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก นำท่านแวะ วัดกุสินารา ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ นำท่านเดินทางสู่เขา Mandalay Hill ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งอยู่บนยอดเขา สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมัณฑะเลย์เกือบทั้งเมือง ชมพระอาทิตย์ลับฟ้าอันสวยงามบนยอดเขามัณฑะเลย์ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ กุ้งแม่น้ำเผา |
พักที่ | MANDALAYEASTERN PALACE HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | ร่วมพิธีล้างหน้าพระพักตร์พระมหามัยมุณี - อมรปุระ - สะพานไม้อูเบ็ง - มัณฑะเลย์ - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
04.00 น. | นำท่านนมัสการ พระมหามัยมุนี อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด 1 ใน 5 แห่งของพม่า ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ที่พระเจ้ากรุงยะไข่ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดี เมื่อปี พ.ศ. 689 สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้ว ทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 9 ฟุต ในปี พ.ศ. 2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนี หรือวัดยะไข่ (วัดอาระกัน หรือวัดพยาจี) เพื่อประดิษฐานพระมหามัยมุนี และในปี พ.ศ.2422 สมัยพระเจ้า สีปอ ก่อน จะเสียเมืองพม่าให้อังกฤษได้เกิดไฟไหม้วัดทองคำ จึงทำให้ทองคำเปลวที่ปิดพระละลายเก็บเนื้อทองได้นํ้าหนักถึง 700 บาท ต่อมาในปี พ.ศ.2426 ชาวพม่าได้เรี่ยไรเงินเพื่อบูรณะวัดขึ้นใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยสายการออกแบบของช่างชาวอิตาลีจึงนับได้ว่าเป็นวัดที่สร้างใหม่ที่สุดแต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดในเมืองพม่า โดยรอบ ๆ ระเบียงเจดีย์ยังมีโบราณวัตถุที่นำไปจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 1 พร้อมทั้ง เชิญทุกท่านร่วมทำบุญบูรณวัดกุสินารา ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ สวยงามมากสมควรแก่เวลานำท่านกลับโรงแรม |
07.00 น. | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ ตัวเมือง อมรปุระ (Amrapura)เมืองแห่งผู้เป็นอมตะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นราชธานีเพียง 76 ปี แห่งหนึ่งของพม่าก่อนที่จะย้ายมายอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ในปี พ.ศ.2400 ชม สะพานไม้อูเบ็ง (U-Ben) สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง1,208 ต้นซึ่งมีอายุกว่า 200ปีสะพานอูเบ็ง สร้างจากไม้สักที่รื้อถอนจากพระราชวังเก่ากรุงอังวะ โดยพระเจ้าปดุงให้ขุนนางชื่ออูเบ็งคุมงานก่อสร้างสะพานแห่งนี้เลยตั้งชื่อตามผู้คุมทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน ไปสู่วัดจอกตอจีซึ่งมีเจดีย์ที่สร้างตามแบบวัดอนันดาแห่งพุกามภายในมีจิตรกรรมฝาผนังทีเป็นศิลปะชาวกรุงศรีอยุธยาที่ถูกกวาดต้อนตอนเสียกรุงให้มาอยู่ในอาณาบริเวณแถบนี้นั่นเอง |
14.30 น. | ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG710 ** มีบริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง ** |
16.55 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ |
1. บริษัทฯสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าชดเชยความเสียหายไม่ว่ากรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองของไทยไม่อนุญาตให้เดินทางออกหรือกองตรวจคนเข้าเมืองของแต่ละประเทศไม่อนุญาตให้เข้าเมือง
2. บริษัทฯสงวนสิทธิ์ในการที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าชดเชยความเสียหายอันเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ทางบริษัทฯไม่สามารถควบคุมได้เช่นการนัดหยุดงาน, จลาจล, การล่าช้าหรือยกเลิกของเที่ยวบิน
3. บริษัทฯสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมรายการท่องเที่ยวโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
4. บริษัทฯสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
5.การไม่รับประทานอาหารบางมื้อไม่เที่ยวตามรายการไม่สามารถขอหักค่าบริการคืนได้เพราะการชำระค่าทัวร์เป็นไปในลักษณะเหมาจ่าย
6.ตั๋วเครื่องบินเมื่อออกตั๋วแล้วไม่สามารถ Refund ได้ทุกกรณี โดยเงื่อนไขของสายการบินกำหนด
7. กรณีที่คณะไม่ครบจำนวน 15 ท่านทางบริษัทฯสงวนสิทธิ์ในการงดออกเดินทางโดยทางบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า 14 วันก่อนการเดินทาง
*** ในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศกรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯก่อนทุกครั้งมิฉะนั้นทางบริษัทฯจะไม่ขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ***
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel