อินเดียใต้ 2 รัฐ สัมผัสวัฒนธรรมทางใต้ของอินเดีย
ทมิฬนาฑู(Tamil Nadu) หรือเชนไนมหานครใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศอินเดีย เป็นเมืองเอกที่เป็นทั้งศูนย์กลางวัฒนธรรมในอดีต และเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์
เกรละ (Kerala) ดินแดนแห่งนี้เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่องเทศ จึงเป็นศูนย์กลางการค้าของตลาดเครื่องเทศ โดยเฉพาะในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ช่วงศตวรรษที่ 3, ในยุคต่อมาได้มีการทำการค้ากับกรีก โรมัน และชาวอาหรับ จนมาถึงยุคที่นักเดินเรือวาสโกดากามาเกรลาได้กลายมาเป็นเมืองท่าที่สำคัญ จึงมีการพัฒนาผู้คนจนกลายเป็นรัฐที่ทันสมัยและมีประชากรรู้หนังสือ 100% แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่เคร่งครัดในศาสนาและยังอุดมไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ Back Water และการรักษาอายุรเวท
รหัสทัวร์ | วันที่เดินทาง | เดินทางโดย | ราคา | สถานะ |
---|---|---|---|---|
DE000-002 | 08-16 ก.พ. 68 | INDIGO AITLINES (6E) | 75,900 | จองด่วน |
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ – (แวะเปลื่อนเครื่องบินที่บังคาลอร์)-โคชิน |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
10.00 น. | คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 สายการบิน INDIGO AIRLINES (6E) โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้ความสะดวกแก่ท่าน (บนเครื่องบินไม่มีอาหารบริการ..แต่มีน้ำดื่มบริการและมีจำหน่ายให้ผู้โดยสาร) |
13.05 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองโคชิน ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน INDIGO AIRLINES (6E) เที่ยวบิน 6E 1056 BKKBLR1350-1540 vie 6E144 BLRCOK 1845-155 |
15.40 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเบนกาลูรู (บังคาลอร์) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าสัมภาระ..จากนั้นนำท่านเชคอินภายในประเทศเพื่อเดินทางต่อไปเมืองโคชิน เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง |
18.45 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองโคชิน (Cochin) โดย สายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI512 |
19.55 น. | เดินทางถึง สนามบินเมืองโคชิน ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติที่ รัฐเกรละ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยจากนั้นพาทุกท่านออกเดินเข้าที่พัก “เมืองโคชิน” (Cochin)...เมืองท่าที่สำคัญทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย เป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศที่สำคัญทางชายฝั่งทิศตะวันตกของอินเดียตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา และยังคงมีเครือข่ายการค้ากับพ่อค้าชาวอาหรับตั้งแต่ยุคก่อนอิสลาม เมืองถูกปกครองโดยชาวโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1503 โคชินยังเป็นเมืองอาณานิคมแห่งแรกของชาวยุโรปในอินเดีย ยังคงเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินเดียของโปรตุเกสตั้งแต่ปี 1530 จึงเปลี่ยนมาเป็นเมืองกัวแทน ต่อมาถูกปกครองโดยชาวดัตช์และอังกฤษ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม/ภัตตาคาร |
ที่พัก | Crowne Plaza Hotel Cochin หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 2 | โคชิน - อาเลปปี้ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม เมืองโคชิน ชม ป้อมปราการโคชิน (Fort Cochin) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ที่นี่ถือว่าเป็นประตูด่านแรกที่ชาวยุโรปเข้ามาถึงอินเดีย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศในโบราณ ระหว่างอินเดีย จีน อาหรับ และยุโรปซึ่งนักสารวจชาวโปรตุเกส ที่ชื่อว่า วาสโกดา กามา ได้เดินทางมาถึงเป็นคนแรก และได้ก่อตั้งสถานีการค้าขึ้นที่นี่ต่อมาได้เปลี่ยนไปอยู่ภายใต้ดัชท์และอังกฤษ นำท่านชม โบสถ์เซนต์ฟรานซิส (ST. Francis Church) สร้างโดยนักบวชในคริสต์ ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ตามสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ในปีคริสต์ศักราชที่ 1503 เชื่อกันว่าเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองโคชิน และเป็นสถานที่เก็บศพของวาสโกดา กามา นักสำรวจชาวโปรตุเกสที่สิ้นชีวิต ณ เมืองโคชิน เมื่อปีพุทธศกัราชที่2067 ก่อนจะย้ายศพไปเก็บไว้ที่ประเทศโปรตุเกสในเวลาต่อมา นำท่านชม ชุมชนชาวยิว หรือที่เรียกว่า “Jew town” ชุมชนแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยร้านค้าตลอดสองข้างทางถน มีทั้งร้านขายเครื่องเทศ และพริกไทย ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยผู้คนที่มาค้าขายแลกเปลี่ยนกันไม่ต่างจาอดีต นำท่านชม มหาวิหารซางตาครูซ (Santa Cruz cathedral) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1505 โดยชาวโปรตุเกส เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้น รองมาจากโบสถ์เซนต์ฟรานซิส (ST. FRANCIS CHURCH) โดยโบสถ์แห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังมัททันเชอรี่แห่งฮอลันดา (The Mattancherry Dutch Palace) ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสเมื่อปีคริสต์ศักราช 1555 เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการและสร้างสัมพนัธไมตรีในการร่วมทางการค้า แก่ ราชาวีระเกรลาวาร์มา มหาราชาแห่งโคชิน (KING VEERA KERALA VARMA) ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุคเสื่อมอานาจของโปรตุเกส ได้ทาการบูรณะพระราชวงัแห่งนี้ในปีคริสต์ศักราช 1663 โดยชาวฮอลันดา นำชม โบสถ์ยิวพาราเดชี่ (Pardesi Synagogue Jewtown) ตั้งอยู่ในชุมชนชาวยิว และป้อมปราการโคชิน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2111 ภายในโบสถ์มีการใช้วัสดุก่อสร้างนาเข้าจากประเทศจีน มณฑลกวางตุ้ง คือ กระเบื้องปูพื้นเคลือบแบบภาพเขียนมือซึ่งภายในกระเบื้องแค่ละแผ่นจะไม่ซ้าลวดลาย อีกทั้งยังมีการแสดงสิ่งของล้าค่าซึ่งประกอบไปด้วยใบเบิ้ลตู้เก็บพระคัมภีร์ มงกุฎทองเป็นต้น |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ บ้านเรือ |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอแลปปี้ (Alleppey) ระยะทาง 57 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง อาลัปปี้ หรืออาลัปปุฬะ (Alappuzha) เมืองที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำแนวชายฝั่งทะเล มีคลองที่สวยงามที่เรียกว่า Back water มาร์โค โปโลเปรียบเทียบเป็นคลองแห่งเวนิสตะวันออก ในอดีตเมืองเคยทาการค้ากับกรีกและโรมัน เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ทางภาคใต้ของอินเดีย “โคชิน แบ็ควอเทอร์” (Cochin Backwaters) สายน้ำเล็ก ๆ ที่แยกตัวออกจากแม่น้ำใหญ่ ที่ถูกรายล้อมด้วยต้นมะพร้าวจำนวนมาก ถือเป็นที่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่น้อย และคู่รักทั่วโลกยังนิยมมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันบนเรือบ้าน (Houseboat) ที่ล่องไปตามสายน้ำ ชมทิวทัศน์อันสวยงาม และสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งภายในเรือนอกจากจะมีห้องนอนแล้ว ยังมีมุมดินเนอร์ใต้แสงเทียนเล็ก ๆ สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกให้กับคู่รักนักท่องเที่ยวแบบสุด ๆ ไปเลย Houseboat…ส่วนใหญ่มีอายุนับร้อยปี เป็นเรือที่ดัดแปลงมาจาก เรือเกตตุวัลลัม (Kettuvallams - หมายถึงเรือผูก) ในภาษามาลายาลัม "kettu" หมายถึง "ผูกเข้าด้วยกัน" และ "vallam" หมายถึง "เรือ" เรือทั้งลำทำจากแผ่นไม้ที่ได้จากต้นไม้จำพวกขนุน และผูกติดกันด้วยเชือกที่ทำจากกาบมะพร้าว โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว.... ในอดีต เรือ Kettavallams เป็นเรือขนาดใหญ่ที่ขนส่งข้าวสาร เครื่องเทศ และสินค้าอื่น ๆ จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่งและที่ที่ห่างไกลออกไป เมื่อมีการใช้ยานพาหนะสมัยใหม่ การขนส่งทางน้ำลดน้อยลง จึงได้ดัดแปลงเรือดังกล่าวมามาเป็นที่พักสุดหรูที่ใช้ในการท่องเที่ยวแทน จากนั้นนำท่านลง เรือเฮ้าส์โบ๊ต (Houseboat) โดยเรือจะนำท่านสัมผัสธรรมชาติของรัฐเกรละ สองฝั่งคลองที่สวยงามไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ บ้านเรือ |
ที่พัก | Air Condition Houseboat หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 3 | อาเลปปี้ - เปริยาร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ บ้านเรือ ออกเดินทางเชคเอาท์ออกจากเรือ และเดินทางสู่ เมืองเปริยาร์ (Periyar) ระยะทาง 128 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง “เปริยาร์ หรือ เตกาฏิ” (Thekkady) โดยทั่วไปรู้จักในนาม เปริยาร์เป็นแหล่งผลิตเครื่องเทศที่สาคัญที่สุดของเมืองบนเทือกเขาฆาฏตะวันตก ปัจจุบันเป็นเมืองตากอากาศ ที่สำคัญของรัฐเกรละ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ โรงแรม |
บ่าย | นำท่านนั่งเรือชมธรรมชาติ ชม นกน้ำและสัตว์ป่าในเขต สงวนพันธุ์เสือเปริยาร์ (Periyar Tiger Reserve) ในทะเลสาบเปริยาร์ (Lake Periyar) ชมสัตว์ป่าหลากหลายชนิด นำท่านชมการแสดง พื้นเมืองระบำคทากาลี(Kathakali Performance) เป็นการแสดงที่โดดเด่นและแตกต่างจากการแสดงนาฏศิลป์ของอินเดีย อดีตการแสดงระบานี้แพร่หลายในราชสำนักและชาวบ้านทั่วไป ตื่นตารับการแสดงคทากาลี อยู่ที่เมืองหลวงเก่า “โคชิน” เป็นเรื่องราวชองพระกฤษณะ ซึ่งจากคำร้องที่ประพันธ์ขึ้นเมื่อประมาณเจ็ดร้อยปีก่อน และมีการแต่งเติมเรื่องราวตานานเทพฮินดูและวรรณคดีอื่นๆมากมาย การแสดงพื้นเมืองคาทาคาลีเป็นการเต้นกึ่งรำแบบโบราณที่อ่อนช้อย เพื่อเล่าเรื่องราวในตำนานของอินเดีย ซึ่งการแต่งกายนั้นก็ประณีตและค่อนข้างพิถีพิถันมาก โดยนักแสดงแต่ละคนต้องผ่านการอบรมและฝึกซ้อมกันอย่างเข้มงวด และการแสดงก็มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยด้วย |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Spice Village Periyar หรือเทียบเท่า (คืนที่ 3) |
วันที่ 4 | เปริยาร์ - มธุไร |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมือง มธุไร (Madurai) ระยะทาง 149 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง เมืองมธุไรเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของรัฐทมิฬนาฑู เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องบนคาบสมุทรอินเดีย ตั้งอยู่ริมแม่น้าไวไก (Vaigai River) มธุไร ปกครองโดยกษัตริย์ ปาณฑิยัร (Pandyas) เมืองเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและมีมรดกตกทอดมาของกว่า 2500 ปี และเคยเป็นแหล่งการค้าสาคัญของภาคใต้บนคาบสมุทรอินเดีย เมืองที่มีชื่อเสียงในการส่งเสริมการใช้ภาษาทมิฬ นอกจากนี้แยังเป็นเมืองที่มีการกล่าวถึงในตาราโบราณของชาวกรีก, โรมและชาวอาหรับอีกด้วย จากนั้นนำชม วิหารศิลาติรุปปรังกุนรัน (Tiruparakundram) ตั้งอยู่บนเนินเขาอลาการ์ (Alagar Hills) วิหารสร้างในสมัยศ.ต.ที่ 8 สร้างถวายแด่พระขันทกุมาร หรือ สุพราหมัณยะ (Subramanya) |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำชม พระราชวังติรุมไล นายัค (Triumalai Nayak Palace) กษัตริย์ติรุมไล นายัค Thirumalai Nayak ปกครองมธุไร ระหว่างค.ศ. 1623 1659 เป็นกษัตริย์มีชื่อเสียงที่สุดในราชวงศ์นายัค ได้สร้างวิหารและวัดที่สวยงามภายใต้อาณาจักรของพระองค์ และยังสามารถปกป้องจากการถูกรุกรานของกองทัพของสุลต่านนิวเดลีและอาณาจักรอื่น กษัตริย์ติรุมไลนายัค ซึ่งปกครองมธุไร ในยุคที่มีชาวยุโรปเดินทางมาค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกตุ และชาวดัชช์ แต่พระองค์ทรงเลือกที่ใช้ศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบมิลักขะ (Dravidian) หรือ สถาปัตยกรรมแบบอิตาเลี่ยน จากนั้นนำท่านชม เทวาลัยมีนาฑชิอัมมัน (Meenakshi Amman Thirukkovil) สร้างถวายแด่องค์พระศิวะตั้งอยู่ในใจกลางเมือง มีหอวิหารรายรอบเมือง วัดเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญสำหรับคนทมิฬและได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยโบราณในวรรณคดีทมิฬ แต่โครงสร้างปัจจุบันเชื่อว่ามีการสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1600 บริเวณวัดประกอบด้วยซุ้มประตู 11 หลังที่สูงที่สุดคือ 51.9 เมตร หรือ 170 ฟุต ทุกๆ ปีจะมีการการเฉลิมฉลองเทศกาลการแต่งงานที่เทวาลัยมีนาฑชี (ตามตานานฮินดู, กล่าวถึงการมาจุติบนพื้นโลกของพระศิวะในรูปแบบของ สุทเรศวร (Sundareswarar) เพื่อมาแต่งงานกับเทพธิดา มีนีนาฑชี Meenakshi (หรือ พระแม่ปาวรตี) ซึ่งพระแม่ปาวรตีก่อนหน้านี้ลงมาถึงพื้นโลกโดยเกิดเป็นธิดาของผู้ปกครองมธุไร นามว่า Malayadwaja Pandya เมื่อเติบใหญ่เธอได้เป็นผู้ปกครองเมืองมธุไร เมื่อพระศิวะปรากฏบนโลกและขอแต่งงานกับเธอ การแต่งงานนี้ควรจะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่มีการรวบรวมแผ่นดินทั้งหมดของมธุไร ในขณะนั้น พระนารายณ์ซึ่งเป็นน้องชายของมีนีนาฑชี ได้เดินทางเพื่อจะมาเป็นประธานในการแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากการล้อเล่นของโดยพระอินทร์ จึงทาให้เดินทางมาถึงของพระนารายณ์ล่าช้าออกไป ขณะที่ประธานในพิธีกลายเป็นเทพประจาท้องถิ่นจากติรุปปรังกุนรัม นามว่าปาวาลาคานิวาอิ เปรูมัล (Pavalaakanivaai Perumal) ซึ่งต่อมาทาให้เกิดมีการเฉลิมฉลองเป็นประจาทุกปี ในเทศกาลจิตติไร ติรุวิชา (Chitirai Thiruvizha) |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | GRT Madurai หรือเทียบเท่า (คืนที่ 4) |
วันที่ 5 | มธุไร - ติรุชชิรัปปัลลิ - พอนดิเชอร์รี่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองตรีรุชชิราปปัลลิ (Tiruchirappalli) หรือ ตริชชี (Trichy) ระยะทาง 132 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำกาเวริ (Cauvery River) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในรัฐทมิฬนาฑู เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางศาสนา เทวาลัยในยุคราชวงศ์โจฬะ (Cholas Dynasty) เคยถูกปกครองในยุคมุสลิม จนมาสิ้นสุดที่ราชวงศ์วิชัยนคร (Vijayanagar Rulers) ปกครองจนถึงปี ค.ศ.1736 กลับมาอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์โมกุลด้วยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่อมาเกิดการต่อสู่แย่งชิงระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ภายหลังอังกฤษได้รับชัยชนะในสงครามแย่งชิงเมืองตีรุชชิราปัลลี อังกฤษได้ปกครองตีรุชชิราปัลลี ต่อจาก Chanda Sahib and Mohamed Ali เป็นเวลา 150 ปี จนกระทั่งอินเดียได้รับเอกราช เมืองตีรุชชิราปัลลีจึงมีความเจริญรุ่งเรือง มีระบบการจัดการที่ดี มีโบสถ์คริสตจักรและเทวาลัยหลายแห่ง มีการผสมผสานของประเพณีและความทันสมัยในด้านสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในยุค 1760 นำท่านชม ร็อคฟอร์ท (Rock Fort) สูง 83 เมตร เป็นหินบะซอลที่เชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกว่า 3.8 ล้านปี เก่ากว่าอายุของเทือกเขาหิมาลัย ท่านต้องเดินขึ้นบันได 344 ขั้นสู่เทวาลัย Uchipillaiyar Koil ที่สร้างถวายแด่พระคเณศหรือวินายกะ (Lord Vinayaka) ระหว่างทางขึ้นจะมีวิหารที่สร้างถวายแด่พระศิวะ และวัดถ้าปัลลวะ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนท่านสามารถชมเมืองตีรุชชิราปัลลีโดยรอบ ด้านล่างใกล้ที่ตั้งของร็อคฟอร์ทมีบ้านที่เคยเป็นที่อยู่ของ Robert Clive ผู้ที่อังกฤษแต่งตั้งให้มาดูแลบริษัทอีสต์อินเดีย (East India Company) |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำชม เทวาลัยศรีรังคัม (Srirangam) สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-17 (ตั้งแต่สมัยเชรัร Cheras, ปาณฑิยัร Pandyas, โจฬะ Cholas, ฮอยสาระ Hoysalas จนถึง ยุคราชวงศ์วิชัยนคร) เทวาลัยรังคนาทะ สวามี หรือ ศรีรังคัม (Ranganatha Swami หรือ Srirangam) เป็นเทวาลัยที่สำคัญของเมือง Trichy วัดนี้เป็นที่ใหญ่ที่สุดและน่าสนใจที่สุดในเรื่องของศาสนาเชิงซ้อนของอินเดีย วัดนี้สร้างขึ้นบนเกาะศรีรังคัมกลางแม่น้ำเกวารี และครอบคลุมพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร วัดสร้างถวายแด่องค์พระนารายณ์ ปัจจุบันนี้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮินดูได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในได้ถึงกาแพงชั้นที่หกเท่านั้น เทวาลัยล้อมรอบด้วยกาแพงเจ็ดชั้นและมีเสาและประตูที่แกะสลักสวยงาม ประตูหอที่ 22 สูง 236 ฟุต สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเป็นหอพระวิหารสูงที่สุดในเอเชีย จากนั้นนาท่านเดินทางสู่ พอนดิเชอร์รี่ (Pondicherry) ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Residency Tower Pondicherry หรือเทียบเท่า (คืนที่ 5) |
วันที่ 6 | พอนดิเชอร์รี่ - มหาบาลีปุรัม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำชม อาศรมศรีอรพินโท (Sri Aurobindo Ashram) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1926 เคยเป็นที่พำนักของ ศรีอรพินโท อดีตนักเขียน นักปรัชญา คุรุโยคะ และผู้นาทางจิตวิญญาณที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของอินเดียท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าด้านโยคะและจิตวิญญาณแห่งการเป็นมนุษย์ จนกลายเป็นแนวทางโยคะที่เรียกว่าโยคะองค์รวม |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมือง มามัลละปุรัม (Mamallapuram) หรือ มหาพลีปุรัม (Mahabalipuram) ระยะทาง 102 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง มหาพลีปุรัม ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเชนไน 50 กิโมเมตร เป็นศูนย์กลางงานแกะสลักหินและเป็นที่ตั้งของโรงเรียนประติมากรรมของทางภาครัฐ เมืองนี้มีเทวาลัยเก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ทางภาคใต้ของอินเดีย ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าและเมืองหลวงแห่งที่สองของราชวงศ์ปัลลวะ (Pallava Dynasty) ที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 78 มามัลละปุรัมเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นวัดต้นแบบดราวิเดรียนซึ่งเกิดจากการสลักหินเป็นวัดที่บูชาเทพเจ้า เช่น พระศิวะ พระวิษณุ พื้นที่ของโบราณสถานนี้กว้างใหญ่จน ติดทะเล นำท่านชม เทวาลัยชายหาด (Shore Temple) ที่สลักจากแท่นหินธรรมชาติ สร้างเพื่ออุทิศถวายให้พระศิวะ เทวาลัยนี้แม้ว่าจะมีลวดลายที่เลือนลางลงบ้างจากอิทธิพลของคลื่นและลมทะเลแต่ยังคงความงามและความศักดิ์สิทธิ์ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Radisson Blu Temple Bay Mahabalipuram หรือเทียบเท่า (คืนที่ 6) |
วันที่ 7 | มหาบาลีปุรัม - กาญจีปุรัม - เชนไน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านออกเดินทางไป กาญจีปุรัม (Kanchipuram) ระยะทาง 67 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กาญจีปุรัม ชาวฮินดูถือว่า ที่นี่เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับเมืองพาราณสี ในเมืองเต็มไปด้วยเทวสถานเก่าแก่มากมาย ในยุคที่กาญจีปุรัมเป็นมหานครอันรุ่งเรืองเมื่อพันปีก่อน นอกจากศาสนาฮินดูจะรุ่งเรืองแล้ว พุทธศาสนาก็เคยรุ่งเรืองในเมืองนี้ด้วย ถึงกับมีพระภิกษุชาวเมืองกาญจีปุรัมรูปหนึ่ง ได้ออกเดินทางไกลไปจนถึงประเทศจีน และสร้างวัดใหญ่โต และพระโพธิธรรม หรือที่ชาวจีนนิยมเรียกท่านว่า “ต้าโม” หรือ “ตั๊กม้อ” ปรมาจารย์แห่งวัดเส้าหลินนั่นเอง ท่านตั๊กม้อเป็นชาวทมิฬเกิดที่เมืองกาญจีปุรัม แต่ว่าคนอินเดียในปัจจุบันไม่รู้จักท่านเสียแล้ว ปัจจุบันก็ไม่มีวัดพุทธในกาญจีปุรัมแล้ว กลายเป็นเทวาลัยฮินดูหมด นำท่านชม วัดกาญจีไกรลาสนาถ (Kanchi Kailasanathar Temple) วัดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองกาญจีปุรัม เป็นวัดฮินดูที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระอิศวรหรือพระศิวะ มหาเทพผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล วัดกาญจีไกรลาสนาถ ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์ปัลลวะ ซึ่งในปัจจุบันวัดได้รับการปรับปรุงอย่างดีจากหน่วยสำรวจทางโบราณคดีของอินเดีย Archaeological Survey of India (ASI) ซึ่งภายในวัดนั้นได้รับการตกแต่งด้วยงานหินแกะสลัก ซึ่งที่พบมากที่สุดก็คงจะเป็นรูปเทพครึ่งสัตว์ และอื่นๆอีกจำนวนมาก |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเชนไน (Chennai) ระยะทางประมาณ 74 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง เมืองเชนไน เมืองสำคัญริมอ่าวเบงกอล เป็นเมืองเอกของรัฐทมิฬนาดู ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ราว 8 ล้านคน มีชื่อเดิมว่ำ มัทราส ในอดีตเชนไนเป็นสถานีการค้าที่สำคัญของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ แต่ในปัจจุบันเชนไนได้เปลี่ยนโฉมใหม่กลายเป็นเมืองที่มีอัตรำเติบโตทำงเศรษฐกิจสูง โดยมีบทบาทในอุตสาหกรรมกำรผลิตรถยนต์ ผลิตซอฟต์แวร์ และยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองสำคัญทำงด้านดนตรีและวัฒนธรรมของทางอินเดียใต้ถึงเมืองเชนไนอิสระให้ท่านได้ ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย เพื่อซื้อของฝากและ ของที่ระลึก |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Residency Tower Chennai หรือเทียบเท่า (คืนที่ 7) |
วันที่ 8 | เชนไน (เที่ยวเต็ม ๆ วัน) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม พิพิธภัณฑสถานเชนไน (Chennai Government Museum) ที่นี่มีการจัดแสดงงานโบราณวัตถุของอินเดียใต้ โดยเฉพาะงานหล่อสาริดโบราณ ทั้งของศาสนาฮินดู พุทธ และเชน สาหรับชาวพุทธ มีห้องพุทธประติมากรรมสมัยอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) ที่เป็นต้นกาเนิดศิลปะแบบทวารวดีในประเทศไทย (พุทธศตวรรษที่ 12-16) และที่ห้องอมราวดีนี่เองที่ท่านพุทธทาสเคยเดินทางมาชมเมื่อปี 2499 พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมกลางศตวรรษที่ 19 จากนั้นชม มหาวิหารซานโตเม่ (Santhome Church) หรือ โบสถ์เซนต์โทมัส National Shrine of St.Thomas Basilica คาว่า “Santhome” กลายมาจากชื่อนักบุญโทมัส หนึ่งในสิบสองอัครสาวกของเยซูคริสต์ รุ่นแรกที่ออกเผยแพร่ศาสนา ชาวอินเดียเชื่อว่า เซนตโทมัส มาถึงอินเดียในปีพ.ศ. 595/52 ต่อมาถูกทรมาณเนื่องจากความเห็นต่างทางศาสนา ณ ภูเขาเซนต์โทมัส ในอีกมุมของเมือง ร่างของท่านถูกนามาฝังไว้ ณ สถานที่นี้ที่ต่อมากลายเป็นโบสถเซนต์โทมัสในย่านไมลาพอร์ปัจจุบัน |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม วัดกาปาลีชวาร์ (Kapaleeshwarar Temple Temple) วัดพระอิศวรยุคศตวรรษที่ 8 แห่งนี้ถือเป็นสถานที่สาคัญที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเมืองเชนไน มีหอคอยที่มีชื่อเสียงตกแต่งด้วยรูปปั้นต่างๆ มีสีสันงดงามวิจิตรน่าตื่นตาตื่นใจ คุณจะได้ฟังตานานต่างๆ พร้อมเปิดเผยพลังทางจิตวิญญาณเมื่อคุณหยิบวัตถุโบราณอันน่าตื่นตะลึงขึ้นมาชม และลิ้มรสอาหารรสจัดจ้านที่ขายอยู่บริเวณด้านนอกของวัด นำท่านเดินทางสู่ หาดมารีน่า (Marina Beach) ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ในเมืองเชนไนและริมทะเลในเขตอ่าวเบงกอลที่มีความยาวประมาณ 13 กม. จากนั้น พาท่านช้อปปิ้ง ศูนย์การค้าใน เชนไน (มัทราส) ดูสินค้าเสื้อผ้าหลากหลายก่อนกลับบ้าน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
21.00 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบิน เชนไน หรือที่เรียกว่า Chennai International Airport บินตรงสู่ประเทศไทย |
วันที่ 9 | เชนไน (บินตรง) – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
03.50 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน INDOGO AIRLINES เที่ยวบิน 6E1061 |
09.50 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 75,900 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 22,500 บาท |
การให้ทิปตามธรรมเนียมทางบริษัทฯมิได้มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้กับไกด์ และคนขับรถ
***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังจากยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้วบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการนำพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช่จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : ทัวร์ต่างประเทศ 081-873-6566
Hotline : ทัวร์ในประเทศ 061-519-6494
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel