ทัวร์อินเดียใต้ ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ (รัฐทมิฬนาฑู-รัฐเกรละ) เที่ยวอินเดีย

ค้นหาโปรแกรมทัวร์

DE1012 : โปรแกรมทัวร์อินเดียใต้ ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ (รัฐทมิฬนาฑู-รัฐเกรละ) 9 วัน 7 คืน (6E)

INDIGO AITLINES (6E)

Air Condition Houseboat
Crowne Plaza Hotel Cochin
GRT Madurai
Radisson Blu Temple Bay Mahabalipuram
Residency Tower Chennai
Residency Tower Pondicherry
Spice Village Periyar

อินเดียใต้ 2 รัฐ  สัมผัสวัฒนธรรมทางใต้ของอินเดีย 
ทมิฬนาฑู(Tamil Nadu) หรือเชนไนมหานครใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศอินเดีย เป็นเมืองเอกที่เป็นทั้งศูนย์กลางวัฒนธรรมในอดีต และเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์
เกรละ (Kerala) ดินแดนแห่งนี้เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยเครื่องเทศ จึงเป็นศูนย์กลางการค้าของตลาดเครื่องเทศ โดยเฉพาะในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ช่วงศตวรรษที่ 3, ในยุคต่อมาได้มีการทำการค้ากับกรีก โรมัน และชาวอาหรับ จนมาถึงยุคที่นักเดินเรือวาสโกดากามาเกรลาได้กลายมาเป็นเมืองท่าที่สำคัญ จึงมีการพัฒนาผู้คนจนกลายเป็นรัฐที่ทันสมัยและมีประชากรรู้หนังสือ 100% แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่เคร่งครัดในศาสนาและยังอุดมไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ Back Water และการรักษาอายุรเวท

กำหนดการเดินทาง

รหัสทัวร์วันที่เดินทางเดินทางโดยราคาสถานะ
DE000-00208-16 ก.พ. 68INDIGO AITLINES (6E)75,900จองด่วน

รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพฯ – (แวะเปลื่อนเครื่องบินที่บังคาลอร์)-โคชิน
10.00 น.คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4  ประตู 10 สายการบิน INDIGO AIRLINES (6E) โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้ความสะดวกแก่ท่าน (บนเครื่องบินไม่มีอาหารบริการ..แต่มีน้ำดื่มบริการและมีจำหน่ายให้ผู้โดยสาร)
13.05 น.ออกเดินทางสู่ เมืองโคชิน  ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน INDIGO AIRLINES (6E) เที่ยวบิน 6E 1056 BKKBLR1350-1540 vie 6E144 BLRCOK 1845-155
15.40 น.เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเบนกาลูรู (บังคาลอร์) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าสัมภาระ..จากนั้นนำท่านเชคอินภายในประเทศเพื่อเดินทางต่อไปเมืองโคชิน เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง 
18.45 น.ออกเดินทางสู่ เมืองโคชิน (Cochin) โดย สายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI512
19.55 น.เดินทางถึง สนามบินเมืองโคชิน ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติที่ รัฐเกรละ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยจากนั้นพาทุกท่านออกเดินเข้าที่พัก 
“เมืองโคชิน” (Cochin)...เมืองท่าที่สำคัญทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย เป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศที่สำคัญทางชายฝั่งทิศตะวันตกของอินเดียตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา และยังคงมีเครือข่ายการค้ากับพ่อค้าชาวอาหรับตั้งแต่ยุคก่อนอิสลาม เมืองถูกปกครองโดยชาวโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1503 โคชินยังเป็นเมืองอาณานิคมแห่งแรกของชาวยุโรปในอินเดีย ยังคงเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินเดียของโปรตุเกสตั้งแต่ปี 1530 จึงเปลี่ยนมาเป็นเมืองกัวแทน ต่อมาถูกปกครองโดยชาวดัตช์และอังกฤษ
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม/ภัตตาคาร 
ที่พัก Crowne Plaza Hotel Cochin หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 2โคชิน - อาเลปปี้
เช้าบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านชม เมืองโคชิน ชม ป้อมปราการโคชิน (Fort Cochin) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ที่นี่ถือว่าเป็นประตูด่านแรกที่ชาวยุโรปเข้ามาถึงอินเดีย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศในโบราณ ระหว่างอินเดีย จีน อาหรับ และยุโรปซึ่งนักสารวจชาวโปรตุเกส ที่ชื่อว่า วาสโกดา กามา ได้เดินทางมาถึงเป็นคนแรก และได้ก่อตั้งสถานีการค้าขึ้นที่นี่ต่อมาได้เปลี่ยนไปอยู่ภายใต้ดัชท์และอังกฤษ

นำท่านชม โบสถ์เซนต์ฟรานซิส (ST. Francis Church) สร้างโดยนักบวชในคริสต์ ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ตามสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ในปีคริสต์ศักราชที่ 1503 เชื่อกันว่าเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองโคชิน และเป็นสถานที่เก็บศพของวาสโกดา กามา นักสำรวจชาวโปรตุเกสที่สิ้นชีวิต ณ เมืองโคชิน เมื่อปีพุทธศกัราชที่2067 ก่อนจะย้ายศพไปเก็บไว้ที่ประเทศโปรตุเกสในเวลาต่อมา  นำท่านชม ชุมชนชาวยิว หรือที่เรียกว่า “Jew town” ชุมชนแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยร้านค้าตลอดสองข้างทางถน มีทั้งร้านขายเครื่องเทศ และพริกไทย ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยผู้คนที่มาค้าขายแลกเปลี่ยนกันไม่ต่างจาอดีต นำท่านชม มหาวิหารซางตาครูซ (Santa Cruz cathedral) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1505 โดยชาวโปรตุเกส เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้น รองมาจากโบสถ์เซนต์ฟรานซิส (ST. FRANCIS CHURCH) โดยโบสถ์แห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค

นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังมัททันเชอรี่แห่งฮอลันดา (The Mattancherry Dutch Palace) ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสเมื่อปีคริสต์ศักราช 1555 เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการและสร้างสัมพนัธไมตรีในการร่วมทางการค้า แก่ ราชาวีระเกรลาวาร์มา มหาราชาแห่งโคชิน (KING VEERA KERALA VARMA) ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุคเสื่อมอานาจของโปรตุเกส ได้ทาการบูรณะพระราชวงัแห่งนี้ในปีคริสต์ศักราช 1663 โดยชาวฮอลันดา

นำชม โบสถ์ยิวพาราเดชี่ (Pardesi Synagogue Jewtown) ตั้งอยู่ในชุมชนชาวยิว และป้อมปราการโคชิน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2111 ภายในโบสถ์มีการใช้วัสดุก่อสร้างนาเข้าจากประเทศจีน มณฑลกวางตุ้ง คือ กระเบื้องปูพื้นเคลือบแบบภาพเขียนมือซึ่งภายในกระเบื้องแค่ละแผ่นจะไม่ซ้าลวดลาย อีกทั้งยังมีการแสดงสิ่งของล้าค่าซึ่งประกอบไปด้วยใบเบิ้ลตู้เก็บพระคัมภีร์ มงกุฎทองเป็นต้น
กลางวันบริการอาหารกลางวัน ณ บ้านเรือ
บ่ายนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอแลปปี้ (Alleppey) ระยะทาง 57 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง อาลัปปี้ หรืออาลัปปุฬะ (Alappuzha) เมืองที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำแนวชายฝั่งทะเล มีคลองที่สวยงามที่เรียกว่า Back water มาร์โค โปโลเปรียบเทียบเป็นคลองแห่งเวนิสตะวันออก ในอดีตเมืองเคยทาการค้ากับกรีกและโรมัน เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ทางภาคใต้ของอินเดีย

“โคชิน แบ็ควอเทอร์” (Cochin Backwaters) สายน้ำเล็ก ๆ ที่แยกตัวออกจากแม่น้ำใหญ่ ที่ถูกรายล้อมด้วยต้นมะพร้าวจำนวนมาก ถือเป็นที่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่น้อย และคู่รักทั่วโลกยังนิยมมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันบนเรือบ้าน (Houseboat) ที่ล่องไปตามสายน้ำ ชมทิวทัศน์อันสวยงาม และสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งภายในเรือนอกจากจะมีห้องนอนแล้ว ยังมีมุมดินเนอร์ใต้แสงเทียนเล็ก ๆ สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกให้กับคู่รักนักท่องเที่ยวแบบสุด ๆ ไปเลย


Houseboat…ส่วนใหญ่มีอายุนับร้อยปี เป็นเรือที่ดัดแปลงมาจาก เรือเกตตุวัลลัม (Kettuvallams - หมายถึงเรือผูก) ในภาษามาลายาลัม "kettu" หมายถึง "ผูกเข้าด้วยกัน" และ "vallam" หมายถึง "เรือ"  เรือทั้งลำทำจากแผ่นไม้ที่ได้จากต้นไม้จำพวกขนุน  และผูกติดกันด้วยเชือกที่ทำจากกาบมะพร้าว  โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว.... ในอดีต เรือ Kettavallams เป็นเรือขนาดใหญ่ที่ขนส่งข้าวสาร เครื่องเทศ และสินค้าอื่น ๆ จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่งและที่ที่ห่างไกลออกไป เมื่อมีการใช้ยานพาหนะสมัยใหม่ การขนส่งทางน้ำลดน้อยลง  จึงได้ดัดแปลงเรือดังกล่าวมามาเป็นที่พักสุดหรูที่ใช้ในการท่องเที่ยวแทน  

จากนั้นนำท่านลง เรือเฮ้าส์โบ๊ต (Houseboat) โดยเรือจะนำท่านสัมผัสธรรมชาติของรัฐเกรละ   สองฝั่งคลองที่สวยงามไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ บ้านเรือ
ที่พัก  Air Condition Houseboat  หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 3อาเลปปี้ - เปริยาร์
เช้าบริการอาหารเช้า ณ บ้านเรือ

ออกเดินทางเชคเอาท์ออกจากเรือ และเดินทางสู่ เมืองเปริยาร์ (Periyar) ระยะทาง 128 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง “เปริยาร์ หรือ เตกาฏิ” (Thekkady) โดยทั่วไปรู้จักในนาม เปริยาร์เป็นแหล่งผลิตเครื่องเทศที่สาคัญที่สุดของเมืองบนเทือกเขาฆาฏตะวันตก ปัจจุบันเป็นเมืองตากอากาศ ที่สำคัญของรัฐเกรละ
กลางวันบริการอาหารกลางวัน ณ โรงแรม
บ่ายนำท่านนั่งเรือชมธรรมชาติ ชม นกน้ำและสัตว์ป่าในเขต สงวนพันธุ์เสือเปริยาร์ (Periyar Tiger Reserve) ในทะเลสาบเปริยาร์ (Lake Periyar) ชมสัตว์ป่าหลากหลายชนิด

นำท่านชมการแสดง พื้นเมืองระบำคทากาลี(Kathakali Performance) เป็นการแสดงที่โดดเด่นและแตกต่างจากการแสดงนาฏศิลป์ของอินเดีย อดีตการแสดงระบานี้แพร่หลายในราชสำนักและชาวบ้านทั่วไป ตื่นตารับการแสดงคทากาลี อยู่ที่เมืองหลวงเก่า “โคชิน” เป็นเรื่องราวชองพระกฤษณะ ซึ่งจากคำร้องที่ประพันธ์ขึ้นเมื่อประมาณเจ็ดร้อยปีก่อน และมีการแต่งเติมเรื่องราวตานานเทพฮินดูและวรรณคดีอื่นๆมากมาย  การแสดงพื้นเมืองคาทาคาลีเป็นการเต้นกึ่งรำแบบโบราณที่อ่อนช้อย เพื่อเล่าเรื่องราวในตำนานของอินเดีย ซึ่งการแต่งกายนั้นก็ประณีตและค่อนข้างพิถีพิถันมาก โดยนักแสดงแต่ละคนต้องผ่านการอบรมและฝึกซ้อมกันอย่างเข้มงวด และการแสดงก็มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยด้วย
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก Spice Village Periyar หรือเทียบเท่า (คืนที่ 3)
วันที่ 4เปริยาร์ - มธุไร
เช้าบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมือง มธุไร (Madurai) ระยะทาง 149 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง เมืองมธุไรเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของรัฐทมิฬนาฑู เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องบนคาบสมุทรอินเดีย ตั้งอยู่ริมแม่น้าไวไก (Vaigai River) มธุไร ปกครองโดยกษัตริย์ ปาณฑิยัร (Pandyas) เมืองเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและมีมรดกตกทอดมาของกว่า 2500 ปี และเคยเป็นแหล่งการค้าสาคัญของภาคใต้บนคาบสมุทรอินเดีย เมืองที่มีชื่อเสียงในการส่งเสริมการใช้ภาษาทมิฬ นอกจากนี้แยังเป็นเมืองที่มีการกล่าวถึงในตาราโบราณของชาวกรีก, โรมและชาวอาหรับอีกด้วย 

จากนั้นนำชม วิหารศิลาติรุปปรังกุนรัน (Tiruparakundram) ตั้งอยู่บนเนินเขาอลาการ์ (Alagar Hills) วิหารสร้างในสมัยศ.ต.ที่ 8 สร้างถวายแด่พระขันทกุมาร หรือ สุพราหมัณยะ (Subramanya)
กลางวันบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำชม พระราชวังติรุมไล นายัค (Triumalai Nayak Palace) กษัตริย์ติรุมไล นายัค Thirumalai Nayak ปกครองมธุไร ระหว่างค.ศ. 1623 1659 เป็นกษัตริย์มีชื่อเสียงที่สุดในราชวงศ์นายัค ได้สร้างวิหารและวัดที่สวยงามภายใต้อาณาจักรของพระองค์ และยังสามารถปกป้องจากการถูกรุกรานของกองทัพของสุลต่านนิวเดลีและอาณาจักรอื่น กษัตริย์ติรุมไลนายัค ซึ่งปกครองมธุไร ในยุคที่มีชาวยุโรปเดินทางมาค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกตุ และชาวดัชช์ แต่พระองค์ทรงเลือกที่ใช้ศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบมิลักขะ (Dravidian) หรือ สถาปัตยกรรมแบบอิตาเลี่ยน

จากนั้นนำท่านชม เทวาลัยมีนาฑชิอัมมัน (Meenakshi Amman Thirukkovil) สร้างถวายแด่องค์พระศิวะตั้งอยู่ในใจกลางเมือง มีหอวิหารรายรอบเมือง วัดเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญสำหรับคนทมิฬและได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยโบราณในวรรณคดีทมิฬ แต่โครงสร้างปัจจุบันเชื่อว่ามีการสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1600 บริเวณวัดประกอบด้วยซุ้มประตู 11 หลังที่สูงที่สุดคือ 51.9 เมตร หรือ 170 ฟุต ทุกๆ ปีจะมีการการเฉลิมฉลองเทศกาลการแต่งงานที่เทวาลัยมีนาฑชี (ตามตานานฮินดู, กล่าวถึงการมาจุติบนพื้นโลกของพระศิวะในรูปแบบของ สุทเรศวร (Sundareswarar) เพื่อมาแต่งงานกับเทพธิดา มีนีนาฑชี Meenakshi (หรือ พระแม่ปาวรตี) ซึ่งพระแม่ปาวรตีก่อนหน้านี้ลงมาถึงพื้นโลกโดยเกิดเป็นธิดาของผู้ปกครองมธุไร นามว่า Malayadwaja Pandya เมื่อเติบใหญ่เธอได้เป็นผู้ปกครองเมืองมธุไร เมื่อพระศิวะปรากฏบนโลกและขอแต่งงานกับเธอ การแต่งงานนี้ควรจะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่มีการรวบรวมแผ่นดินทั้งหมดของมธุไร ในขณะนั้น พระนารายณ์ซึ่งเป็นน้องชายของมีนีนาฑชี ได้เดินทางเพื่อจะมาเป็นประธานในการแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากการล้อเล่นของโดยพระอินทร์ จึงทาให้เดินทางมาถึงของพระนารายณ์ล่าช้าออกไป ขณะที่ประธานในพิธีกลายเป็นเทพประจาท้องถิ่นจากติรุปปรังกุนรัม นามว่าปาวาลาคานิวาอิ เปรูมัล (Pavalaakanivaai Perumal) ซึ่งต่อมาทาให้เกิดมีการเฉลิมฉลองเป็นประจาทุกปี ในเทศกาลจิตติไร ติรุวิชา (Chitirai Thiruvizha)
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก GRT Madurai หรือเทียบเท่า (คืนที่ 4)
วันที่ 5มธุไร - ติรุชชิรัปปัลลิ - พอนดิเชอร์รี่
เช้าบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองตรีรุชชิราปปัลลิ (Tiruchirappalli) หรือ ตริชชี (Trichy) ระยะทาง 132 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำกาเวริ (Cauvery River) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในรัฐทมิฬนาฑู เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางศาสนา เทวาลัยในยุคราชวงศ์โจฬะ (Cholas Dynasty) เคยถูกปกครองในยุคมุสลิม จนมาสิ้นสุดที่ราชวงศ์วิชัยนคร (Vijayanagar Rulers) ปกครองจนถึงปี ค.ศ.1736 กลับมาอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์โมกุลด้วยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่อมาเกิดการต่อสู่แย่งชิงระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ภายหลังอังกฤษได้รับชัยชนะในสงครามแย่งชิงเมืองตีรุชชิราปัลลี อังกฤษได้ปกครองตีรุชชิราปัลลี ต่อจาก Chanda Sahib and Mohamed Ali เป็นเวลา 150 ปี จนกระทั่งอินเดียได้รับเอกราช เมืองตีรุชชิราปัลลีจึงมีความเจริญรุ่งเรือง มีระบบการจัดการที่ดี มีโบสถ์คริสตจักรและเทวาลัยหลายแห่ง มีการผสมผสานของประเพณีและความทันสมัยในด้านสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในยุค 1760 

นำท่านชม ร็อคฟอร์ท (Rock Fort) สูง 83 เมตร เป็นหินบะซอลที่เชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกว่า 3.8 ล้านปี เก่ากว่าอายุของเทือกเขาหิมาลัย ท่านต้องเดินขึ้นบันได 344 ขั้นสู่เทวาลัย Uchipillaiyar Koil ที่สร้างถวายแด่พระคเณศหรือวินายกะ (Lord Vinayaka) ระหว่างทางขึ้นจะมีวิหารที่สร้างถวายแด่พระศิวะ และวัดถ้าปัลลวะ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนท่านสามารถชมเมืองตีรุชชิราปัลลีโดยรอบ ด้านล่างใกล้ที่ตั้งของร็อคฟอร์ทมีบ้านที่เคยเป็นที่อยู่ของ Robert Clive ผู้ที่อังกฤษแต่งตั้งให้มาดูแลบริษัทอีสต์อินเดีย (East India Company)
กลางวันบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายจากนั้นนำชม เทวาลัยศรีรังคัม (Srirangam) สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-17 (ตั้งแต่สมัยเชรัร Cheras, ปาณฑิยัร Pandyas, โจฬะ Cholas, ฮอยสาระ Hoysalas จนถึง ยุคราชวงศ์วิชัยนคร) เทวาลัยรังคนาทะ สวามี หรือ ศรีรังคัม (Ranganatha Swami หรือ Srirangam) เป็นเทวาลัยที่สำคัญของเมือง Trichy วัดนี้เป็นที่ใหญ่ที่สุดและน่าสนใจที่สุดในเรื่องของศาสนาเชิงซ้อนของอินเดีย วัดนี้สร้างขึ้นบนเกาะศรีรังคัมกลางแม่น้ำเกวารี และครอบคลุมพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร วัดสร้างถวายแด่องค์พระนารายณ์ ปัจจุบันนี้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮินดูได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในได้ถึงกาแพงชั้นที่หกเท่านั้น เทวาลัยล้อมรอบด้วยกาแพงเจ็ดชั้นและมีเสาและประตูที่แกะสลักสวยงาม ประตูหอที่ 22 สูง 236 ฟุต สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเป็นหอพระวิหารสูงที่สุดในเอเชีย

จากนั้นนาท่านเดินทางสู่ พอนดิเชอร์รี่ (Pondicherry) ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก Residency Tower Pondicherry หรือเทียบเท่า (คืนที่ 5)
วันที่ 6พอนดิเชอร์รี่ - มหาบาลีปุรัม
เช้าบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำชม อาศรมศรีอรพินโท (Sri Aurobindo Ashram) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1926 เคยเป็นที่พำนักของ ศรีอรพินโท อดีตนักเขียน นักปรัชญา คุรุโยคะ และผู้นาทางจิตวิญญาณที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของอินเดียท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าด้านโยคะและจิตวิญญาณแห่งการเป็นมนุษย์ จนกลายเป็นแนวทางโยคะที่เรียกว่าโยคะองค์รวม
กลางวันบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายเดินทางสู่ เมือง มามัลละปุรัม (Mamallapuram) หรือ มหาพลีปุรัม (Mahabalipuram) ระยะทาง 102 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง มหาพลีปุรัม ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเชนไน 50 กิโมเมตร เป็นศูนย์กลางงานแกะสลักหินและเป็นที่ตั้งของโรงเรียนประติมากรรมของทางภาครัฐ เมืองนี้มีเทวาลัยเก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ทางภาคใต้ของอินเดีย ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าและเมืองหลวงแห่งที่สองของราชวงศ์ปัลลวะ (Pallava Dynasty) ที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 78 มามัลละปุรัมเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นวัดต้นแบบดราวิเดรียนซึ่งเกิดจากการสลักหินเป็นวัดที่บูชาเทพเจ้า เช่น พระศิวะ พระวิษณุ พื้นที่ของโบราณสถานนี้กว้างใหญ่จน ติดทะเล

นำท่านชม เทวาลัยชายหาด (Shore Temple) ที่สลักจากแท่นหินธรรมชาติ สร้างเพื่ออุทิศถวายให้พระศิวะ เทวาลัยนี้แม้ว่าจะมีลวดลายที่เลือนลางลงบ้างจากอิทธิพลของคลื่นและลมทะเลแต่ยังคงความงามและความศักดิ์สิทธิ์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก Radisson Blu Temple Bay  Mahabalipuram หรือเทียบเท่า (คืนที่ 6)
วันที่ 7มหาบาลีปุรัม - กาญจีปุรัม - เชนไน
เช้าบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านออกเดินทางไป กาญจีปุรัม (Kanchipuram) ระยะทาง 67 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กาญจีปุรัม ชาวฮินดูถือว่า ที่นี่เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับเมืองพาราณสี ในเมืองเต็มไปด้วยเทวสถานเก่าแก่มากมาย ในยุคที่กาญจีปุรัมเป็นมหานครอันรุ่งเรืองเมื่อพันปีก่อน นอกจากศาสนาฮินดูจะรุ่งเรืองแล้ว พุทธศาสนาก็เคยรุ่งเรืองในเมืองนี้ด้วย ถึงกับมีพระภิกษุชาวเมืองกาญจีปุรัมรูปหนึ่ง ได้ออกเดินทางไกลไปจนถึงประเทศจีน และสร้างวัดใหญ่โต และพระโพธิธรรม หรือที่ชาวจีนนิยมเรียกท่านว่า “ต้าโม” หรือ “ตั๊กม้อ” ปรมาจารย์แห่งวัดเส้าหลินนั่นเอง ท่านตั๊กม้อเป็นชาวทมิฬเกิดที่เมืองกาญจีปุรัม แต่ว่าคนอินเดียในปัจจุบันไม่รู้จักท่านเสียแล้ว ปัจจุบันก็ไม่มีวัดพุทธในกาญจีปุรัมแล้ว กลายเป็นเทวาลัยฮินดูหมด
 
นำท่านชม วัดกาญจีไกรลาสนาถ (Kanchi Kailasanathar Temple) วัดที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองกาญจีปุรัม เป็นวัดฮินดูที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระอิศวรหรือพระศิวะ มหาเทพผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล วัดกาญจีไกรลาสนาถ ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์ปัลลวะ ซึ่งในปัจจุบันวัดได้รับการปรับปรุงอย่างดีจากหน่วยสำรวจทางโบราณคดีของอินเดีย Archaeological Survey of India (ASI) ซึ่งภายในวัดนั้นได้รับการตกแต่งด้วยงานหินแกะสลัก ซึ่งที่พบมากที่สุดก็คงจะเป็นรูปเทพครึ่งสัตว์ และอื่นๆอีกจำนวนมาก
กลางวันบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายจากนั้นเดินทางสู่ เมืองเชนไน (Chennai) ระยะทางประมาณ 74 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง  เมืองเชนไน เมืองสำคัญริมอ่าวเบงกอล เป็นเมืองเอกของรัฐทมิฬนาดู ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ราว 8 ล้านคน มีชื่อเดิมว่ำ มัทราส ในอดีตเชนไนเป็นสถานีการค้าที่สำคัญของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ แต่ในปัจจุบันเชนไนได้เปลี่ยนโฉมใหม่กลายเป็นเมืองที่มีอัตรำเติบโตทำงเศรษฐกิจสูง โดยมีบทบาทในอุตสาหกรรมกำรผลิตรถยนต์ ผลิตซอฟต์แวร์ และยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองสำคัญทำงด้านดนตรีและวัฒนธรรมของทางอินเดียใต้ถึงเมืองเชนไนอิสระให้ท่านได้ ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย เพื่อซื้อของฝากและ ของที่ระลึก
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก Residency Tower Chennai หรือเทียบเท่า (คืนที่ 7)
วันที่ 8เชนไน (เที่ยวเต็ม ๆ วัน) 
เช้าบริการอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านชม พิพิธภัณฑสถานเชนไน (Chennai Government Museum) ที่นี่มีการจัดแสดงงานโบราณวัตถุของอินเดียใต้ โดยเฉพาะงานหล่อสาริดโบราณ ทั้งของศาสนาฮินดู พุทธ และเชน สาหรับชาวพุทธ มีห้องพุทธประติมากรรมสมัยอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9)    ที่เป็นต้นกาเนิดศิลปะแบบทวารวดีในประเทศไทย (พุทธศตวรรษที่ 12-16) และที่ห้องอมราวดีนี่เองที่ท่านพุทธทาสเคยเดินทางมาชมเมื่อปี 2499 พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมกลางศตวรรษที่ 19
     
จากนั้นชม มหาวิหารซานโตเม่ (Santhome Church) หรือ โบสถ์เซนต์โทมัส National Shrine of St.Thomas Basilica คาว่า “Santhome” กลายมาจากชื่อนักบุญโทมัส หนึ่งในสิบสองอัครสาวกของเยซูคริสต์ รุ่นแรกที่ออกเผยแพร่ศาสนา ชาวอินเดียเชื่อว่า เซนตโทมัส มาถึงอินเดียในปีพ.ศ. 595/52 ต่อมาถูกทรมาณเนื่องจากความเห็นต่างทางศาสนา ณ ภูเขาเซนต์โทมัส ในอีกมุมของเมือง ร่างของท่านถูกนามาฝังไว้ ณ สถานที่นี้ที่ต่อมากลายเป็นโบสถเซนต์โทมัสในย่านไมลาพอร์ปัจจุบัน
กลางวันบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำท่านชม วัดกาปาลีชวาร์ (Kapaleeshwarar Temple Temple) วัดพระอิศวรยุคศตวรรษที่ 8 แห่งนี้ถือเป็นสถานที่สาคัญที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเมืองเชนไน มีหอคอยที่มีชื่อเสียงตกแต่งด้วยรูปปั้นต่างๆ มีสีสันงดงามวิจิตรน่าตื่นตาตื่นใจ คุณจะได้ฟังตานานต่างๆ พร้อมเปิดเผยพลังทางจิตวิญญาณเมื่อคุณหยิบวัตถุโบราณอันน่าตื่นตะลึงขึ้นมาชม และลิ้มรสอาหารรสจัดจ้านที่ขายอยู่บริเวณด้านนอกของวัด
 
นำท่านเดินทางสู่ หาดมารีน่า (Marina Beach) ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ในเมืองเชนไนและริมทะเลในเขตอ่าวเบงกอลที่มีความยาวประมาณ 13 กม.

จากนั้น พาท่านช้อปปิ้ง ศูนย์การค้าใน เชนไน (มัทราส) ดูสินค้าเสื้อผ้าหลากหลายก่อนกลับบ้าน
ค่ำบริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
21.00 น.ออกเดินทางสู่ สนามบิน เชนไน  หรือที่เรียกว่า Chennai International Airport บินตรงสู่ประเทศไทย 
วันที่ 9เชนไน (บินตรง) – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)
03.50 น.ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน INDOGO AIRLINES เที่ยวบิน 6E1061
09.50 น.เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าบริการ

เงื่อนไขในการจอง

  • งวดที่ 1 : สำรองที่นั่งจ่าย 25,000 บาท / หลังมีการยืนยันกรุ๊ปเดินทางแน่นอนหรือตาม เจ้าหน้าที่กำหนด พร้อมส่งสำเนาหน้าหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่
  • งวดที่ 2 : ชำระส่วนที่เหลือ 30 วัน ล่วงหน้าก่อนออกเดินทางหรือตามเจ้าหน้าที่กำหนด
  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชั้นประหยัดสายการบินตามระบุในรายการ
  • ค่าตั๋วภายในประเทศชั้นประหยัดสายการบินตามระบุในรายการ
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งและค่าประกันภัยสายการบิน 
  • ค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับหนังสือเดินทางไทย ยื่นแบบออนไลน์เท่านั้น (ไม่ต้องโชว์ตัว)
  • ค่าที่พักระดับมาตรฐาน 4 ดาว (พักห้องละ 2 ท่าน)ตามระบุในรายการ
  • ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามระบุในรายการ
  • รถโค้ชปรับอากาศตลอดการเดินทาง ตามระบุในรายการ
  • ค่ามัคคุเทศก์พูดภาษาอังกฤษท่องเที่ยวตามรายการระบุ 
  • ค่าอาหารทุกมื้อ ตามระบุในรายการ
  • ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุและสุขภาพแบบบุคคล (Asia Plus Basic ) 
    -วงเงินคุ้มครอง 1,000,000 บาท /คน
    -ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาท
    -ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องในประเทศไทย 50,000 บาท 
    -ค่ารักษาพยาบาทครั้งแรกในประเทศไทย 100,000 บาท
    ****กรณีการรักษาพยาบาทต่อเนื่องในประเทศไทยผู้เอาประก้นภัยต้องขอรับการรักษาพยาบาทในประเทศไทยภายใน 24 ชั่งโมงนับจากวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย และ รับการรักษาต่อเนื่องไม่เกิน 7 วันนับจากวันที่ได้รับการรักษาครั้งแรกในประเทศไทย
    ****กรณีที่ผู้เอาประกันได้รับการรักษาพยาบาทที่ต่างประเทศผู้เอาประกันมีกำหนดเวลา 7วันนับจากวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยที่จะรับการรักษาต่อเนื่องในประเทศไทย
    หมายเหตุ : คุ้มครองผู้เอาประกันภัยอายุสูงกว่า 75-85 ปี จ่ายเบี้ย 50 % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย  วงเงินคุ้มครองอาหารเป็นพิษ (โดยแพทย์จะต้องระบุในใบรับรองแพทย์ว่า อาหารเป็นพิษเท่านั้น) แต่ทั้งนี้ย่อมอยู่ในข้อจำกัดที่มีการตกลงไว้กับบริษัทประกันชีวิต
  • ค่าจัดทำหนังสือเดินทาง (PASSPORT) และค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติหรือคนต่างด้าว
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการและค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ฯลฯ
  • ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (ถ้ามี)
  • ค่าวีซ่าที่มีค่าธรรมเนียมแพงกว่าหนังสือเดินทางไทย
  • ค่าภาษีหักณ ที่จ่าย 3% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (กรณีออกใบกำกับภาษี)
  • ค่าธรรมเนียมการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต VISA 3% AMEX 4%
  • ค่าน้ำหนักเกินพิกัดตามสายการบินกำหนด 
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น,พนักงานขับรถ 40 USD ต่อท่าน /ตลอดทริป
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ทิปหัวหน้าทัวร์แล้วแต่ความพึงพอใจในบริการของท่าน
  • ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรมและสนามบิน ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง

การให้ทิปตามธรรมเนียมทางบริษัทฯมิได้มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้กับไกด์ และคนขับรถ

  • สำหรับห้องพัก 3 เตียงกรุณาแจ้งล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบกับทางโรงแรม มีบริการเฉพาะบางโรงแรมเท่านั้น กรณีเดินทางเป็นผู้ใหญ่ 3 ท่าน แนะนำให้เปิดห้องพัก 2 ห้องเพื่อสะดวกกับท่านมากกว่า 
  • กรณีเดินทางเป็นตั๋วกรุ๊ปหรือตั๋วหมู่คณะ หากออกตั๋วแล้วไม่สามารถขอเงินคืนได้และไม่สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้
  • กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลดท่านละ 1 ใบ นำหนักไม่เกิน 20 กก. (ไปและกลับสายการบิน) ถ้ามีบินภายในประเทศของประเทศที่เดินทาง กระเป๋าน้ำหนักไม่เกิน 15 กก.กระเป๋าถือขึ้นเครื่องน้ำหนักไม่เกิน 7 กก
  • หากมีการชำระมัดจำทัวร์และต้องการยกเลิกไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามต้องชำระค่าบริการ ท่านละ 2,000 บาท
  • ยกเลิกเดินทาง 30 วันล่วงหน้าก่อนการเดินทางหักค่าธรรมเนียมท่านละ 2,000 บาท และใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น มัดจำตั๋วเครื่องบิน,วีซ่า,ค่าดำเนินการ (ถ้ามี),ค่าโรงแรม,ค่าตั๋วรถไฟ,หรืออื่นๆ โดยจะมีราละเอียดแสดงให้แก่ลูกค้าได้รับทราบ (หมายเหตุ: ช่วง Peak season สายการบินให้มัดจำล่วงหน้า 2-3 เดือนก่อนออกเดินทาง) 
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 15-29 วัน ก่อนการเดินทาง หัก 50% ของราคาทัวร์ + ค่าธรรมเนียม 2,000 บาท
  • แจ้งยกเลกเดินทาง 0-14 วัน ก่อนการเดินทาง หัก 100 % ของราคาทัวร์

***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังจากยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้วบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการนำพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช่จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม 

  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง สงกรานต์-ปีใหม่ 50 - 60 วัน ชำระค่าบริการ ท่านละ 2,000 บาท + และใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น มัดจำตั๋วเครื่องบิน,วีซ่า,ค่าดำเนินการ (ถ้ามี),ค่าโรงแรม,ค่าตั๋วรถไฟ,หรืออื่นๆ โดยจะมีราละเอียดแสดงให้แก่ลูกค้าได้รับทราบ (หมายเหตุ: ช่วง Peak season สายการบินให้มัดจำล่วงหน้า 2-3 เดือนก่อนออกเดินทาง) 
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง สงกรานต์-ปีใหม่ 0 - 40 วัน ชำระ 100% ของราคาทัวร์
กรณีเดินทางโดยลูกค้าจัดการตั๋วเครื่องบินเอง (Land Only) *ในกรณีลูกค้าดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองและมาเที่ยวร่วมกับคณะ (Join Tour) ลูกค้าต้องดำเนินการมาพบคณะทัวร์ด้วยตัวเอง และต้องรับผิดชอบค่าใช่จ่ายในการมาพบคณะใหญ่ด้วยตัวเอง รวมถึงหากกรณีเที่ยวบินของคณะใหญ่เกิดความล่าช้าหรือยกเลิก เที่ยวบินอันด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
1) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้
2) บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะเลื่อนการเดินทางในกรณีที่มีผู้ร่วมคณะไม่ถึง 15 ท่านขึ้นไป หรือตามที่บริษัทฯ กำหนด
3) ราคานี้คิดตามราคาตั๋วเครื่องบินในปัจจุบัน หากราคาตั๋วเครื่องบินปรับสูงขึ้น บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตั๋วเครื่องบินตามสถานการณ์ดังกล่าว
4) รายการนี้เป็นเพียงข้อเสนอที่ต้องได้รับการยืนยันจากบริษัทฯ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้สำรองที่นั่งบนเครื่อง และโรงแรมที่พักในต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตามรายการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
5) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจากสายการบิน ภัยธรรมชาติ และอื่นๆที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย, การถูกทำร้าย, การสูญหาย, ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ 
6) หากท่านยกเลิกก่อนรายการท่องเที่ยวจะสิ้นสุดลง ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านสละสิทธิ์และจะไม่รับผิดชอบค่าบริการที่ท่านได้ชำระไว้แล้วไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
7) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อการห้ามออกนอกประเทศ หรือ ห้ามเข้าประเทศ อันเนื่องมาจากมีสิ่งผิดกฎหมาย หรือเอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือ การถูกปฏิเสธในกรณีอื่นๆ
8) กรณีเกิดความผิดพลาดจากตัวแทน หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมีการยกเลิก ล่าช้า เปลี่ยนแปลง การบริการจากสายการบินบริษัทฯขนส่ง หรือ หน่วยงานที่ให้บริการ บริษัทฯจะดาเนินโดยสุดความสามารถที่จะจัดบริการทัวร์อื่นทดแทนให้ แต่จะไม่คืนเงินให้สาหรับค่าบริการนั้นๆ
9) หากไม่สามารถไปเที่ยวในสถานที่ที่ระบุในโปรแกรมได้ อันเนื่องมาจากธรรมชาติ ความล่าช้า และความผิดพลาดจากทางสายการบิน จะไม่มีการคืนเงินใดๆทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ทางบริษัทฯจะจัดหารายการเที่ยวสถานที่อื่นๆมาให้ โดยขอสงวนสิทธิ์การจัดหานี้โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
10) เมื่อท่านออกเดินทางไปกับคณะแล้ว ท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง หรือไม่เดินทางพร้อมคณะถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินคืน ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
11) กรณีผู้เดินทางไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากเอกสารปลอมหรือการห้ามของเจ้าหน้าที่ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ก็ตามทางบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการ ไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด
12) หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังจากยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้วบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการนำพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช่จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม
13) ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ราคานี้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยและท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะแบบ Join Tour เท่านั้น กรณีต้องการตัดกรุ๊ปเหมาโปรดสอบถามทางบริษัทอีกครั้ง หากเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือ พระสงฆ์ โปรดสอบถามทางบริษัทอีกครั้ง
  • รูปถ่ายสี (ถ่ายมาไม่เกิน 3 เดือน ขนาด 2×2 นิ้ว) 1  รูป พื้นหลังสีขาว ไม่สวมแว่นตาหรือเครื่องประดับ, ไม่ใส่ชุดข้าราชการหรือเครื่องแบบใดๆ (เหมือนถ่ายที่ร้านแต่สามารถถ่ายรูปเองได้โดยไม่เป็นรูปเซลฟี่)
  • สำเนาหนังสือเดินทางมีอายุมากกว่า 6 เดือน  
  • สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด
  • สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด
  • ถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาสูติบัตรและบัตรประชาชน
  • สำเนาหน้าวีซ่าที่เคยเดินทางไปประเทศอินเดีย 1 ชุด (หากมี)

Address

53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240

จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.

Contact Us

Hotline : ทัวร์ต่างประเทศ 081-873-6566
Hotline : ทัวร์ในประเทศ 061-519-6494

Social Network

Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel

 

Add line DoubleEnjoy