ราชสถาน ... รัฐหนึ่งทางตอนเหนือของอินเดีย
สัมผัสพระราชวัง วัด ป้อมปราการและคฤหาสน์
อันวิจิตรงดงามในเมืองสีสันสดใส
สำรวจทะเลทรายธาร์อันยิ่งใหญ่
การเดินทางที่เปลี่ยนมุมมองความคิดเกี่ยวกับ
'อินเดีย' เสียใหม่ สัมผัสวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม
ประวัติศาสตร์ และศิลปะ
แบบอินเดียที่งดงาม ละเมียดละไมและหรูหรา
ตามแบบราชวงศ์ "เสมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลก แห่งความฝันในนิทาน"
รหัสทัวร์ | วันที่เดินทาง | เดินทางโดย | ราคา | สถานะ |
---|---|---|---|---|
DE000-004 | 27 ธ.ค. 67-03 ม.ค. 68 | Thai Airways (TG) | 59,900 | จองด่วน |
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - เดลลี - ชัยปุระ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
04.30 น. | คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาน์เตอร์สายการบินไทย เจ้าหน้าที่บริษัทต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน |
07.35 น. | ออกเดินทางจากสู่ เดลลี โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 323 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) |
10.35 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธี เมืองเดลลี (New Delhi) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระ…รอต่อเครื่องบินในประเทศ เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง เมืองเดลี (Delhi) หรือชื่ออย่างเป็นทางการ ดินแดนเมืองหลวงแห่งชาติเดลี (National Capital Territory of Delhi) ย่อว่า เอ็นซีที (NCT) เป็นนครและดินแดนสหภาพของประเทศอินเดีย ประกอบด้วย นิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย |
16.50 น. | ออกเดินทางจากสู่ ชัยปุระ โดย สายการบิน Indigo เที่ยวบิน 6E 2204 |
17.40 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานเมืองชัยปุระ เมืองหลวงของรัฐราชสถาน…รับกระเป๋าสัมภาระ ชัยปุระ...เมืองหลวงของรัฐราชสถาน ก่อตั้งเมื่อ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1727 โดยมหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 เจ้าครองนครอาเมร์ (Amer) ในปัจจุบันชัยปุระยังเป็นที่รู้จักกันดีในอินเดียว่า "นครสีชมพู" สาเหตุเนื่องมาจาก ในปี ค.ศ. 1876 ในรัชสมัยของมหาราชาสวาอี ราม สิงห์ (Sawai Ram Singh) ได้มีพระบัญชาให้ทาสีอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ในเมืองเป็นสีชมพูเพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ในคราที่เสด็จเยือนชัยปุระอย่างเป็นทางการ ซึ่งสีชมพูนั้นก็ยังคงไว้จนถึงปัจจุบันและได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของชัยปุระ จนทุกวันนี้... นำท่านไปจุดเช็คอินสุดชิค ประตูปาตริก้า (Patrika gate) ประตูเมืองลำดับที่ 9 ของนครชัยปุระ ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนจาวาฮาร์ (Jawahar Circle) ประตูสีพาสเทลสดใส สะบัดส่าหรีกันอให้เต็มที่รับรองรูปออกมาปังแน่นอน! นำท่านเช็คอิน สัญลักษณ์เมืองชัยปุระพระราชวังแห่งสายลม (Hawa Mahal) ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น หนึ่งในหลายพระราชวังที่อยู่ในกำแพงเมืองของนครสีชมพูแห่งนี้ พระราชวังสายลมเคยเป็นฮาเร็มของมหาราชา มีลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น สร้างด้วยหินทรายออกแดง รูปแบบของสถาปัตยกรรม สไตล์เปอร์เซียกับโมกุล ที่สวยเด่นคือลวดลายฉลุหินตามหน้าต่าง ช่องระบายอากาศที่บรรดา นางสนมในวังใช้เป็นที่แอบดูชีวิต ความเป็นอยู่ของสามัญชนทั่วไปด้านนอก และประโยชน์อีกอย่างคือเป็นช่องแสงและช่องลมมีช่องหน้าต่าง จำนวนมากถึง 152 ช่อง เลยทีเดียว อุ่นเครื่องทักษะต่อรองราคาที่ ตลาดฮาวามาฮาล (Hawa Mahal Bazaar) มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือเครื่องประดับหลากหลากหลายแบบ ได้ตามอัธยาศัย หรือจะไปคาเฟ่เก๋ๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ชมวิวฮาวามาฮาลแบบสุดปังก็ยังได้ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Ramada Jaipur หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 2 | ชัยปุระ - บิคาเนอร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านไป แอมเบอร์ฟอร์ท (Amber fort) ไฮไลท์นั่งช้างขึ้นชมพระราชวัง เดิมเคยเป็นราชธานีของเมืองชัยปุระ สร้างที่เคยเป็นป้อมปราการเก่าในศตวรรษที่ 11 สร้างขึ้นโดยมหาราชาแมนสิงห์ ใน ปี ค.ศ. 1592 และเสร็จสิ้นในสมัยของมหาราชาใจสิงห์ ป้อมแห่งนี้เป็นต้นแบบที่ดีของสถาปัตยกรรมแบบราชปุต (Rajput) นอกจากนี้ในสมัยก่อนด้านล่างของป้อมยังเป็นทะเลสาบ จึงเป็นปราการสำคัญเพื่อป้องกันข้าศึกได้อีกชั้น ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของราชวงศ์กาญจวาหาอยู่หลายร้อยปี ก่อนมหาราชาสะหวายจัย ซิงห์ที่ 2 จะตัดสินใจย้ายลงไปสร้างเมืองใหม่ยังชัยปุระ....ภายในพระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท ประกอบด้วยพระตำหนักต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างในสมัยของมหาราชามาน ซิงห์ (Maharaja Man Singh) ในปี ค.ศ. 1592 และได้มีการขยายต่อเติมโดยมหาราชาองค์ต่อๆมา ช่วงนั้นจักรวรรดิโมกุลเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนนี้จึงทำให้รูปแบบสถาปัตยกรรมภายในเป็นการผสมผสานระหว่างราชปุตกับโมกุล...ได้เวลาอันสมควรนำท่านนั่งรถจี๊บกลับ นำท่านชม บ่อน้ำขั้นบันได พานนา มีนา กา คุนด์ (Panna Meena Ka Kund) หรือ บ่อน้ำโบราณแบบขั้นบันไดใจกลางเมือง ตั้งอยู่ใกล้กับแอมเบอร์ฟอร์ต ออกแบบเป็นแนวทแยงแปดชั้นจากปากบ่อลงไปด้านล่างก้นบ่อนับเป็นสถาปัตยกรรมสวยงาม ที่เป็นเสมือนอัญมณีที่ซ่อนอยู่ของ นครชัยปุระแห่งนี้ แวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ณ จาลมาฮาล (Jal Mahal) หรือพระราชวังสายน้ำ (Water Palace) ซึ่งตั้งเด่นสง่าอยู่กลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) โดยพระราชวังแห่งนี้ถูกต่อเติมและปรับปรุงโดยมหาราชาสะหวายจัยสิงห์ที่ 2 ตัวพระราชวังนั้นสร้างได้อย่างสวยงามตามสถาปัตยกรรมราชปุตและโมกุลซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งก่อสร้างในรัฐราชสถาน โดยมีเทือกเขานหาร์การห์ตั้งอยู่เบื้องหลัง ตัวอาคารสร้างโดยใช้หินทราย ประกอบด้วยทั้งหมด 5 ชั้นซึ่ง 4 ชั้นล่างจะถูกน้ำท่วมเมื่อทะเลสาบมีระดับน้ำสูงสุด โดยเหลือเพียงชั้นบนสุดซึ่งจะเผยขึ้นมาเหนือน้ำเท่านั้น |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ โรงแรม |
บ่าย | นำท่านชม พระราชวังหลวงหรือพระราชวังซิตี้พาเลซ (City Palace) พระราชวังอันเป็นที่ประทับของมหาราชาแห่งชัยปุระ สร้างขึ้นในสมัยมหาราชาไสวจัยซิงห์ที่ 2 จากนั้นก็ได้รับการดูแลต่อเติมโดยมหาราชาของชัยปุระรุ่นต่อๆมา โดยสถาปัตยกรรมได้รับการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบ ราชปุตกับโมกุล โดยซิตี้พาเลซได้เปิดให้เข้าชมในนามของพิพิธภัณฑ์ไสวมานซิงห์ ภายในเขตพระราชฐานมีศาลาว่าราชการที่มหาราชาใช้ปรึกษางานกับข้าราชบริพาร ตั้งอยู่กลางผังพระราชวังและเหยือกเงิน (Silver Urms) แท้ๆ 2 ใบของมหาราชามัดโฮซิงห์ที่ 2 (Maharaja Madho Singh II) ซึ่งเหยือกสีเงินนี้จะวางอยู่ของประตูทางเข้า เหยือกนี้มีความสูงถึง 1.6 เมตร บรรจุน้ำได้ 900 ลิตร ในอดีตเคยถูกใช้บรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาเพื่อนำไปใช้ในพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 Private Zone พระราชวังส่วนในของมหาราชาชมห้องพิเศษเพิ่มอีก 3 ห้อง โดยมีไกด์พาเราเดินชมจุดต่างๆ มีบริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ พร้อมของว่าง และยังสามารถชมวิวมุมสูงของซิตี้พาเลสได้ด้วย 1.The Blue Palace or Sukh Niwas – ไฮไลต์ที่ใครๆมาชัยปุระก็ต้องแวะ เป็นห้องที่มักจะเห็นตามหนังสือ สื่อโซเชียลต่างๆ เป็นที่นิยมสำหรับ สายถ่ายรูป สายทำคอนเทนต์ และบล็อกเกอร์จากทั่วโลก ในอดีตเป็นห้องสำหรับพักพระวรกายของราชวงศ์ด้วยการโล้ชิงช้า ห้องนี้เน้นโทนสีฟ้า และมีการเขียนลวดลายเป็นดอกไม้ ใบไม้ด้วยสีขาว ดูสวยงามทีเดียว 2.The Room of Mirrors or the Sri Niwas เป็นห้องบรรทม ผนังและเพดานห้องประดับประดาด้วยกระจก ไฮไลท์ของห้องนี้คือ เมื่อปิดประตูแล้วจุดเทียน จะเห็นความวับวาวของกระจกที่สะท้อนแสงเทียน ดูระยิบระยับเหมือนดวงดาว 3. The Golden room of Shobha Niwas - ห้องนี้คล้ายๆ เป็นห้องรับแขก เป็นอีกห้องที่สวยงาม ห้องนี้ออกโทนสีทอง ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนและมีเสาสีทอง ประดับประดาด้วยกระจก หินสีแดง สีเขียว ตกแต่งเป็นลวดลายดอกไม้อยู่บนผนังและเพดาน ***ราคาโซนพิเศษไม่รวมในค่าทัวร์ โปรดสอบถามกับหัวหน้าทัวร์อีกครั้ง*** นำท่านชม หอดูดาวจันทรามันตรา (Jantar Mantar observatory) อนุสรณ์สถานทางด้านดาราศาสตร์ที่สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ใกสร้างโดยมหาราชา ไสว สิงห์ที่ 2 (ค.ศ.1699 – 1743) ผู้มีความสามารถทางด้านดาราศาสตร์แห่งราชวงศ์โมกุล หอดูดาวจันทรามันตราเป็นหอดูดาวแห่งแรกและเป็น 1 ใน 5 หอดูดาวที่ทรงสร้างขึ้น มีสภาพสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ที่สุด หอดูดาวอีก 4 แห่งถูกสร้างขึ้นใน เมืองต่างๆ ดังนี้ กรุงนิวเดลี (Delhi) เมืองอุชเชน (Ujjain) เมืองพาราณสี (Varanasi) และ เมืองมธุรา (Matura) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองบิคาเนอร์ (Bikaner) ระยะทาง 340 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงเมืองนี้ก่อตั้งในปี 1488 โดยเจ้าชายแห่ง Rathore คือเจ้าชาย Rao Bikaji พระโอรสของมหาราชา Rao Jodhaji ผู้ก่อตั้งเมืองจ๊อดปูร์ (Jodhpur) ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนักกับพระบิดา จึงทำให้เจ้าชาย Rao Bikaji ออกไปสร้างอาณาจักรใหม่ของตนเองให้ห่างจากเมือง Jodhpur พระองค์ได้แปลงพื้นที่รกร้างว่างเปล่าขนาดใหญ่ที่ยังไม่มีผู้คนไปอยู่อาศัยทางเหนือของจ๊อดปูร์ให้เป็นเมืองบิคาเนอร์ที่เรารูจักกันในปัจจุบัน เมืองที่เปี่ยมสีสันแห่งนี้โอบล้อมด้วยกำแพงยาว 7 กิโลเมตร โดยมีประตูทางเข้า 5 ประตู และเป็นที่ตั้งของป้อมปราการมากมาย รวมถึงวัด และเทวาลัยจำนวนมาก บิคาเนอร์ในปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สี่ของรัฐราชาสถาน แม้ว่าจะอยู่ในทะเลทรายธาร์ แต่เมืองบิคาเนอร์ถือเป็นโอเอซิสบนเส้นทางการค้าระหว่างเอเชียกลางและชายฝั่งคุชราต |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Vesta Bikaner หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 3 | บิคาเนอร์ - จัยแซลเมียร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านชม ป้อมสีแดงแห่งเมืองบิคาเนอร์ หรือป้อมจูนนาการ์ (Junagarh Fort) วังมหาราชาที่อยู่ในสภาพดีสุดแห่งหนึ่งในราชาสถาน สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1588 ถูกสร้างขึ้นโดยราชปุต Rao Bika ด้วยการต่อสู้กับชนพื้นเมืองจนสามารถตั้งถิ่นฐานได้ แม้ผ่านการรุกรานจากมหาโมกุลหลายครั้งแต่ทะเลทรายที่อยู่รอบด้านรวมทั้งความกล้าหาญของนักรบ ช่วยให้เมืองอยู่รอดเสมอมา ภายในป้อมใหญ่แบ่งเป็นหลายส่วน เช่น Chandra Mahal, Phool Mahal, Karan Mahal และ Anoop Mahal จากนั้นนำท่าน นั่งรถตุ๊กตุ๊กชมย่านเมืองเก่าเมืองบิคาเนอร์ ชมรัมปูเรียฮาเวลี (Rampuria Haveli) คฤหาสน์สุดหรู 7 หลัง ของท่านเศรษฐีบิคาเนอร์ สร้างขึ้นต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ. 1400 มีการใช้หินทรายแดงในการสร้างคฤหาสน์ทุกหลัง แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง ตกแต่งด้วยไม้เนื้อดี มีการผสมผสานงานศิลปะแบบโมกุล วิคตอเรียนและราชปุตได้ อย่างลงตัวถ่ายรูปลงอวดเพื่อนๆโซเชียลรับรองว่าปัง ! |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองจัยแซลเมียร์ (Jaisalmer) ระยะทาง 330 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง จัยแซลเมียร์ คือเมืองที่ได้รับสมญานามว่า “นครสีทอง” ตั้งอยู่บนที่ราบสูงกลาง ที่ราบทะเลทรายธาร์ มีกำแพงสูงใหญ่ดูโอฬาร เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ทางตะวันตกสุดของแคว้นราชาสถาน ในอดีตเคยเป็นเส้นทางการค้าที่ สำคัญระหว่างอินเดียกับตะวันออกกลาง นครแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นจากหินทรายสีเหลืองเป็นส่วนใหญ่ เมื่อยามต้องแสงอาทิตย์อัสดงที่ไล้ลงบนพื้นผิวของหินเหล่านี้ ก็จะปรากฏให้เห็นเป็นสีทองอร่ามตา และนี่คือที่มาของสมญา “นครสีทอง” ด้วยเหตุที่จัยแซลเมียร์เคยเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ ส่งผลให้พ่อค้าวาณิชย์ในตระกูลดังๆ หลายๆคนร่ำรวยกันอย่างมหาศาล กลายเป็นอภิมหาเศรษฐี มีคฤหาสน์ที่ใหญ่โตมโหฬาร นำท่านเดินทางสู่ ทะเลยทรายธาร์ (Thar Desert) ทะเลทรายขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียและปากีสถาน มีพื้นที่มากกว่า 200,000 ตร.กม. ถือเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก ทะเลทรายมากกว่าร้อยละ 60 ตั้งอยู่ในรัฐราชสถาน ส่วนที่เหลือกระจายไปในรัฐคุชราต, รัฐปัญจาบ และรัฐหรยาณา และส่วนที่กระจายในปากีสถานอยู่ในแคว้นสินธ์ และแคว้นปัญจาบทะเลทรายล้อมรอบด้วยทิวเขาอะราวัลลีทางด้านตะวันออก แม่น้ำคงคาทางด้านตะวันตก แม่น้ำสัตเลชทางด้านเหนือและทะเลอาหรับทางด้านใต้ นำท่านขี่อูฐชม ทะเลทรายธาร์ ชมสันทราย Sam Sand Dunes เป็นที่ซึ่งโค้งขอบฟ้าจรดกับผืนแผ่นทรายได้อย่างงดงามเกินคำบรรยาย |
ค่ำ | พิเศษ!! ชมโชว์การเต้นระบำราชาสถานอันเป็นเอกลักษณ์และรับประทานอาหารค่ำ |
ที่พัก | Heritage Juma Camp หรือเทียบเท่า (คืนที่ 3) สัมผัสประสบการนอนกลางทะเลทรายทียิ่งใหญ่อันดับสองของโลก การได้มาใช้ชีวิตในทะเลทรายในครั้งนี้ การได้มาขี่อูฐที่ทะเลทรายธาร์ เมืองจัยซัลแมร์ ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง |
วันที่ 4 | จัยแซลเมียร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม สวนบาดาบาค (Bada Bagh) แปลว่า "สวนใหญ่" สร้างขึ้นโดยมหาราชาแห่งรัฐจัยแซลเมียร์ ในศตวรรษที่ 18-20 ตอนต้น เป็นสุสานหลวงของ ราชวงศ์ Bhatti นำท่านชม เมืองจัยแซลเมียร์ ทะเลสาบกาดซิซาร์ (Gadsisar Lake) โอเอซิสขนาดมหึมาท่ามกลางทะเลที่สร้างโดยมหาราชาวาลกาดซี ราว ค.ศ.ที่ 14 ซึ่งทะเลสาบนี้เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเมืองจัยแซลเมียร์ รอบๆทะเลสาบจะมีวัดและอนุสรณ์สถานเล็กๆ สีเหลืองทองอร่าม และใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณี “กานกัวร์” (Gangaur) โดยมีมหาราวัลของจัยแซลเมียร์เป็นผู้ทำนำพิธีด้วยตัวเอง ซึ่งประเพณีนี้หญิงโสดจะโยนดอกไม้ลงไปในทะเลสาบและอธิษฐานขอคู่ชีวิตที่ดีๆ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ โรงแรม |
บ่าย | ชมแลนด์มาร์ค ป้อมปราการจัยแซลเมียร์ (Jaisalmer Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย สร้างโดย Bhatti Rajput rule Rawal Jaisal ค.ศ. 1156 โดยป้อมนี้ถือว่าเป็นป้อมที่สร้างลำดับที่ 2 ของรัฐราชสถานรอบๆ ป้อมจัยแซลเมียร์มีหอรบถึง 99 หอ โดยศัตรูหลักของเมืองนี้คือ บรรดาเจ้าราชปุตของนครต่าง ๆ รวมถึงจักรพรรดิอัคบาร์แห่งโมกุล ซึ่งต่อมากลายเป็นเขยของเมืองนี้ไปในที่สุด ปัจจุบัน ป้อมจัยแซลเมียร์เป็นป้อมเดียวในอินเดียที่มีผู้คนอาศัยอยู่ด้านบนบนเขาทิตรีกูฏชมความสวยงามของ “ปราสาททราย” ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางทะเลทรายภายในป้อมมีบ้านพักของชาวบ้านที่พำนักอยู่อาศัยมานานนับร้อยปีท่านจะได้เห็นทัศนียภาพของเมืองจัยแซลเมียร์ จากนั้นนำชมความงามของคฤหาสน์เสนาบดี หรือ ฮาเวลี (Haveli) ฮาเวลีแบบจัยซัลเมียร์ สร้างโดยที่เจ้าของจะต้องมีเงินทองมากมายจึงจะทุ่มเงินสร้างคฤหาสน์ไว้อยู่อาศัยได้ แต่นอกจากความใหญ่โตแล้ว ฮาเวลีของเมืองจัยแซลเมียร์นั้น มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนเมืองอื่นๆ คือเป็นคฤหาสน์ที่สร้างจากหินทรายสีทอง ส่วนอาคารชั้นล่างยกสูงจากพื้นเพื่อป้องกันฝุ่นจากทะเลทรายชมคฤหาสน์ Nathmal Ji Ki Haveli ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง มีชื่อเสียงในด้านรูปแบบสถาปัตยกรรมซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการออกแบบราชปุตและโมกุล คฤหาสน์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของ Diwan Mohata Nathmal ส่วนหน้าอาคารที่สวยงามได้รับการออกแบบเป็นรูปนก ช้าง ดอกไม้ จักรยาน รถจักรไอน้ำ และทหาร |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Hotel Grand Khalifa หรือเทียบเท่า (คืนที่ 4) จัยแซลเมียร์ |
วันที่ 5 | จัยแซลเมียร์ - จ๊อดปูร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองจ๊อดปูร์ (Jodhpur) โยธาปุระ เมืองสีฟ้า ระยะทางประมาณ 290 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง “เมืองจ๊อดปูร์” เมืองที่ได้ฉายาว่าเมืองแห่งความตายเพราะอยู่กลางทะเลทรายธาร์ในอดีต เมืองสีน้ำเงินจ๊อดปูร์ Jodhpur หรือ เมืองโยธะปุระ ในปัจจบันเป็นเมืองโรแมนติกหรือเมือง โยธะปุระ นครนักรบ ทั่วทั้งเมืองเป็นสีฟ้าน้ำทะเล ใหญ่เป็นอันดับสองในแคว้นราชาสถาน ตั้งโดยสร้างโดย มหาราชา ราโอ จอดา (Rao Jodha) แห่งราชวงศ์ Rathorถือเป็นเมืองเก่าแก่ของพวกราชบุตรเป็นต้นกำเนิดของอีกหลายราชวงศ์เช่นราชาแห่งบิคาเนอร์ก็เคยเป็นเจ้าชายแห่งจ๊อดปูร์ความเก่าทำให้เมืองนี้มีมนต์ขลังเป็นศูนย์กลางของราชาสถานตั้งแต่อดีตกาลนานหลายร้อยปี สีน้ำเงินหรือสีฟ้านี่เป็นสีของวรรณะพราหมณ์แล้วเมืองนี้ก็มีคนวรรณะนี้มาก บ้านเรือนเลยทาสีน้ำเงินทั้งเมือง กับเหตุผลที่ 2ก็คือ เพราะความที่อยู่กลางทะเลทรายธาร์ที่ร้อนและแห้งแล้ง การทาบ้านเรือนสีฟ้าหรือสีน้ำเงินจะทำให้ดูสบายตาและเย็นใจมากขึ้น |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | พาท่านชม อนุสรณ์สถานจาสวานต์ธาดา (Jaswant Thada) สิ่งปลูกสร้างสีขาวสะอาดตาที่ สร้างด้วยหินอ่อนหลังคาทรงปรางค์ปราสาทประดับโดยหินอ่อน ตั้งอยู่ห่างจากป้อมเมหุ์รานการห์ไปประมาณ 1 กิโลเมตร อนุสรณ์นี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1899 เพื่ออุทิศให้กับมหาราชาจัสวันต์ ซิงห์ที่ 2 (Maharaja Jaswant Singh II) หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว 4 ปี โดยเป็นมหาราชาที่ได้การนับถือจากประชาชนมากมาย เป็นทั้งผู้ริเริ่มโครงการชลประทาน จัสวันต์ธาดาสร้างจากหินอ่อนจากแหล่งเดียวกับที่นำไปสร้างทัชมาฮาล นำท่านชม ป้อมเมห์รานการห์ (Mehrangarh Fort ) ป้อมนี้เป็นป้อมโบราณที่มีความยิ่งใหญ่และเป็นหนึ่งในสี่ของพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ใน ค.ศ. 1459 เมื่อฤาษีท่านหนึ่งบอกว่ามหาราชาจ๊อดธะ พระองค์ควรสร้างเมืองขึ้นที่นี่ จ๊อดปูร์เป็นศูนย์กลางอาณาจักรใหญ่แต่ครั้งโบราณ ป้อมจึงถูกเสริมเติมแต่งให้มีขนาดใหญ่มหึมา ป้อมโบราณที่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ภายในยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Batman The dark knight rises (2012) อีกด้วย ใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ควรพลาด พระตำหนักพูลมาฮาล (Phool Mahal) หรือ พระตำหนักแห่งมวลดอกไม้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1724 โดยได้รับการยกย่องว่าสวยงามและละเอียดอ่อนที่สุดในบรรดาตำหนักทั้งหมดที่อยู่ภายในป้อม ภาพวาดที่ผนังและเพดานเป็นผลงานของศิลปินเพียงท่านเดียว ส่วนใหญ่เป็นภาพวาดลายดอกไม้และเถาไม้ประดับจำนวนมาก โดยเรียกการวาดภาพแบบนี้ว่า รักมาลา (Ragmala Painting) จุดประสงค์ของห้องนี้ใช้เพื่อความสำราญ ฟังดนตรีและชมการเต้นรำ ลานราชาภิเษก (Coronation Courtyard) ที่้เรียกชื่อนี้เพราะมีบัลลังก์แกะสลักด้วยหินอ่อน ซึ่งเป็นที่ประทับของมหาราชาแห่งจ๊อดปูร์ในวันที่ได้รับการสถาปนาให้ปกครองเมืองแต่ละยุคตั้งอยู่ ตำหนักจันกิมาฮาล (Jhanki Mahal) ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เปลเด็ก ซึ่งงดงามมีเอกลักษณ์สมกับเป็นเครื่องใช้ของเชื้อพระวงศ์ พิพิธภัณฑ์ล้ำค่า เป็นพิพิธภัณฑ์เสลี่ยงหรือปัลกิกานา เป็นเสลี่ยงโบราณสวยงามและหาชมได้ยาก และยังมีห้องแสดงประทุนหลังช้าง ของมหาราชายุคต่างๆ มีส่วนที่ใช้แสดงอาวุธต่างๆ ที่ใช้ในอดีตสำหรับสู้รบ พระตำหนักโมติมาฮาล (Moti Mahal) หรือพระตำหนักไข่มุก จุดเด่นอยู่ที่การนำเปลือกหอยมุกมาบด ก่อนนำไปผสมปูนแล้วฉาบลงบนผนังห้อง ทำให้เวลาค่ำคืนจุดเทียนผนังห้องจะดูแวววาว ส่วนเพดานใช้กระจกเป็นสีๆ จุดประสงค์ของห้องนี้เพื่อใช้ในการหารือราชการกับข้าราชบริพารระดับสูง ตากัตวิลลา (Takhat Villa) เป็นห้องนอนหรูหราอลังการ ของมหาราชาตากัต ซิงห์ (Maharaja Takhat Singh) ที่ห้องมีความแปลกคือเพดานมีการประดับประดาด้วยลูกบอลคล้ายลูกบอลคริสต์มาส จากนั้นนำท่าน นั่งตุ๊กตุ๊กชมเมืองจ๊อดปูร์ ถ่ายรูปกับอาคารบ้านเรือนสีฟ้าหลากหลายเฉดทั้งฟ้าและน้ำเงิน ไม่ต้องไปไกลถึงโมร็อกโก |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Zone by The Park Jodhpur หรือเทียบเท่า (คืนที่ 5) |
วันที่ 6 | จ๊อดปูร์ - รานัคปูร์ - อุไดปูร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองอุไดปูร์...เวนิสแห่งตะวันออกในอินเดีย ระยะทางประมาณ250 ก.ม.ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เมืองอุไดปูร์ (Udaipur) เมืองท่องเที่ยวที่รู้จักกันในชื่อ เมืองแห่งทะเลสาบ ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรเมวาร์ นครนี้ตั้งขึ้นโดยอุทัย สิงห์ที่ 2 ราชปุตแห่งราชวงศ์สิโสทิยา ตามหลังการย้ายเมืองหลวงจากจิตโตรครห์มาที่อุทัยปุระ หลังจิตโตรครห์ถูกยึดโดยจักรพรรดิอักบัร เมืองอุทัยปุระได้เป็นเมืองหลวงจนถึงปี 1818 เมื่อได้กลายเป็นรัฐมหาราชาภายใต้การปกครองของอังกฤษ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ระหว่างทางผ่าน เมืองรานัคปูร์ (Ranakpur) นำท่านชม วัดเชน (Chaturmukha Jain Temple) วัดของศาสนาเชน สร้างโดยคหบดี Dharna Sah เมื่อเกือบ 500 ปีก่อน ภายในประกอบด้วยห้องโถงกว่า 24 ห้อง โดมทั้งหมด 80 โดม และเสาถึง 1,144 ต้น เสาแต่ละต้นจะถูกแกะสลักอย่างงดงามมาก..เดินทางถึงอุไดปูร์ จากนั้นนำท่านเดินทางไป ล่องเรือทะเลสาบพิโชลา (Pichola Lake) ทะเลสาบใจกลางเมืองอุไดปูร์ เป็นที่ตั้งของเกาะ 2 แห่ง โดยเกาะแรกตั้งอยู่กลางทะเลสาบ เป็นที่ตั้งของพระราชวังจักนิวาส ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นโรงแรมเลกพาเลซ ส่วนอีกเกาะซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือของพระราชวังจักมันเดียร์ ซึ่งปัจจุบันคือโรงแรมการ์เดนพาเลซ (Lake Garden Palace) ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมที่หรูหราอลังการของพระราชวังจากริมน้ำและทิวทัศน์รอบทะเลสาบยามแสงอาทิตย์สีทองสาดส่องมากระทบผิวน้ำ ช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกสุดๆ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Radisson Blu Udaipur หรือเทียบเท่า (คืนที่ 6) |
วันที่ 7 | อุไดปูร์ - เดลลี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม วัดจักดิศ (Jagdish Temple) วัดฮินดูที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอุไดปูร์ มีอายุเกือบ 400 ปี สร้างในปี ค.ศ. 1651 ในสมัยของมหารานาจากัต ซิงห์ที่ 2 (Maharana Jagat Singh II) โดยภายในมีหินสีดำแกะสลักเป็นรูปจากานนาทซึ่งเป็นภาคหนึ่งชองพระวิษณุ และยังมีจุดเด่นอยู่ตรงการแกะสลักผนังวัดเป็นรูปนางอัปสราและสัตว์ลักษณะต่างๆ…จากนั้น ช้อปปิ้งเลือกซื้อของฝากบริเวณวัดจักดิศ จากนั้นชม พระราชวังหลวงอุไดปูร์ (Udaipur City Palace) ศูนย์กลางความวิจิตรอลังการ พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่เริ่มสร้างเมืองเมื่อปี ค.ศ. 1559 โดย Maharana Udai Singh และได้ต่อเติมขยับขยายเรื่อยมาโดยมหาราชาผู้ครองนครในยุคต่อมา จนกลายเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในราชาสถานอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม สวนราชินี Saheliyon-ki-Bari สร้างโดย รานา ซันแกรม ซิงห์ (Rana Sangram Singh) สร้างให้กับพระชายาของพระองค์เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงในช่วงฤดูร้อน ชมสระบัวขนาดใหญ่ น้ำพุและดอกไม้ ต้นไม้นานาพันธุ์ในสวนแห่งนี้…นำท่านเดินทางสู่สนามบินอุไดปูร์ นำท่านชม บาร์กอร์ กิ ฮาเวลี (Bagore Ki Haveli) สร้างขึ้นโดย Shri Amar Chand Badwa ซึ่งเป็นเจ้าเมืองในขณะนั้นในปี ค.ศ.1751 ภายหลังได้ตกเป็นของมหาราชา และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน ก่อนที่จะถูกบูรณะและปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปี ค.ศ.1986 ภายจัดแสดงห้องต่างๆ ของเศรษฐีในยุคนั้นชม ท่าน้ำกานกัวร์ (Gangaur Ghat) ตั้งอยู่ริมทะเลสาบพิโชล่า |
20.00 น. | ออกเดินทางสู่ เดลลี โดย สายการบินอินดิโก เที่ยวบินที่ 6E 6084 |
21.20 น. | เดินทางถึง เดลลี นำท่านเช็คอินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ |
วันที่ 8 | เดลลี - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
01.55 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 332 |
07.50 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ... |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 59,900 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 10,500 บาท |
การให้ทิปตามธรรมเนียมทางบริษัทฯมิได้มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้กับไกด์ และคนขับรถ
ยกเลิกช่วงเทศกาล
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel