มหัศจรรย์...อินเดีย ไหว้พระพิฆเนศ 10 องค์ เสริมความปัง
เมืองมุมไบ | วัดสิทธิวินายัก | ประตูสู่อินเดีย | วัดพระแม่ลักษมี | เมืองมหัต | เทวสถานศรีวรทาวินายัก | เมืองปูเน่ | ปูเน่ | เทอูร์ | เทวสถานศรีจินดามณี | โมเรกาวน์
เทวสถานศรีมยุเรศวร | สิทธิเทก | เทวถานศรีสิธิวินายกะ | รันยันกาวน์ | วัดศรีมหาคณปติ | โอซาร์ | วัดศรีวิฆเนศวา | เลนยาตรี | วัดศรีคีรีจัตมา
องค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ | เมืองปาลี | เทวสถานศรีบัลลาเลศวา
วันที่ 1 | สุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ • มุมไบ อินเดีย |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
16.00 น. | พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 2 ROW D เคาน์เตอร์สายการบินไทย THAI AIRWAYS (TG) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
18.55 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดิย โดยเที่ยวบินที่ TG 317 (บริการอาหารบนเครื่อง) |
21.55 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานสนามนานาชาติ ฉัตรปาตี ศิวะจี เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย พบการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ (เวลาท้องถิ่นของประเทศอินเดียช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1.30 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเพื่อสะดวกในการนัดหมาย) |
ที่พัก | KOHINOOR/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองมุมไบ มาตรฐานประเทศอินเดีย (โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน) |
วันที่ 2 | เมืองมุมไบ • วัดสิทธิวินายัก • ประตูสู่อินเดีย • วัดพระแม่ลักษมี • เมืองมหัต • เทวสถานศรีวรทาวินายัก • เมืองปูเน่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 1) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สิทธิวินายัก (Siddhivinayak Temple) ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมุมไบ (บอมเบย์) องค์พระพิฆเนศที่นี่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่อื่นตรงที่งวงหันไปทางขวา ถือว่าเป็นประธานของเทวรูปพระพิฆเณศทั้งหมดในโลก ผู้คนที่นับถือพระพิฆเนศทั้งในอินเดียและต่างประเทศ ต่างพากันไปสักการะบูชาและขอพรอย่างไม่ขาดสาย ผู้ที่มาสักการะพระองค์ จากนั้นนำท่านสู่ ประตูสู่อินเดีย GATE WAY เป็นอนุสาวรีย์ซุ้มประตูโค้งแบบประตูชัย ที่ตั้งอยู่ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย ประตูสู่อินเดียสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเสด็จฯ เยือนนครมุมไบของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และ พระนางมาเรียแห่งเท็ค เมื่อปี 1911 ณ บริเวณอะพอลโลบันเดอร์ สถาปัตยกรรมที่ใช้คือแบบอินเดีย-ซาราเซน (Indo-Saracenic) และอนุสาวรีย์สร้างด้วยหินบะซอลต์ ความสูง 26 เมตร (85 ฟุต) ใช้เวลาสร้างสำเร็จในปี 1924 ปัจจุบันใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับพิธีต้อนรับรัฐมนตรีใหม่ของนครมุมไบ และเช่นกัน เป็นทางเข้าประเทศอินเดียหากเดินทางมาทางมหาสมุทรอินเดีย ประตูสู่อินเดียตั้งอยู่หน้าน้ำที่อะพอลโลบันเดอร์ ในทางทิศใต้ของนครมุมไบ มองออกไปคือทะเลอาหรับบางครั้งเรียกว่าเป็นทัชมาฮาลแห่งมุมไบ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง จากนั้นนำท่านสักการะ วัดพระแม่ลักษมี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย สร้างขึ้นในปี 1831 โดยพ่อค้าชาวฮินดู ภายในประดิษฐานเทวรูปทองคำ พระแม่ลักษมี (Mahalakshmi) ผู้ที่มากราบไหว้บูชาแห่งนี้ จะประสบแต่ความร่ำรวย ความสำเร็จ โชคลาภมากมาย , พระแม่กาลี (Mahakali) คือผู้ปกป้องเราจากสิ่งไม่ดี , พระแม่สุรัสวตี (Mahasaraswathi) คือผู้บันดาลความเฉลี่ยวฉลาด ปัญญาเป็นเลิศ การงานสำเร็จ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่นิยมของชาวอินเดียเดินทางมากราบไว้สักการะมากมาย |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 2) |
บ่าย | จากนั้นเดินทางสู่เมืองมหัต ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ( ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) นำท่านสักการะแห่งที่ 1 เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีวรทาวินายัก (Shri Varad Vinayak) โดยองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย ภายในวิหารที่ประดิษฐานพระวรทาวินายกะแห่งนี้ได้รับแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันที่มีความเชื่อว่าไม่เคยมอดดับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1892 โดยมี ปลายยอดโดมทำด้วยทองคำ และเป็นเทวสถานแห่งเดียวที่อนุญาตให้เข้าไปสักการะภายในวิหารได้ ภายนอกวิหารจะปรากฏช้างจำนวน 4 เชือก อยู่ทั้ง 4 ด้าน ผู้ใดที่มาสักการะ จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ลบล้างคุณไสย์ มนต์ดำต่างๆได้ |
เย็น | บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3) |
ที่พัก | THE PRIDE/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองปูเน่ มาตรฐานประเทศอินเดีย (โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน) |
วันที่ 3 | ปูเน่ • เทอูร์ • เทวสถานศรีจินดามณี • โมเรกาวน์ • เทวสถานศรีมยุเรศวร • สิทธิเทก • เทวถานศรีสิธิวินายกะ • เมืองปูเน่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 4) จากนั้นนำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 2 เทวสถานศรีจินดามณี (Shri Chintamani) ตั้งอยู่ที่ เทอูร์ ห่างจากเมืองปูเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเทวสถานในกลุ่มอัษฏวินายักกะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง เทวตำนานจากมุทคลปุราณะเล่าว่า กษัตริย์อภิจิต และ พระนางกุนวตี ทรงมีพระโอรสชื่อ คณราช ได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์พระศิวะจนได้รับพรให้มีอำนาจเป็นใหญ่ในโลกทั้งสาม วันหนึ่งคณราชและกองทหารที่ติดตามออกมาล่าสัตว์ได้ ผ่านมาทางอาศรมของ ฤาษีกปิละ (กปิล) จึงได้ขอพักเหนื่อยบริเวณอาศรม พระฤาษีมีความเมตตาให้การต้อนรับ พร้อมทั้งเชิญราชบุตรและผู้ติดตามกินอาหารที่อาศรม พระฤาษีใช้ แก้วจินตามณี (จินดามณี-แก้วสารพัดนึก) เนรมิตอาหารเลี้ยงคณราชและกองทหารทั้งหมด เมื่อคณราชทราบว่าพระฤาษีมีแก้วที่ทรงคุณวิเศษ เกิดความโลภอยากได้จินดามณีมาก ถึงกับเอ่ยปากขอเอาดื้อๆ ฝ่ายพระฤาษีเห็นว่าเป็นของประทานจากองค์พระอินทร์ จึงปฏิเสธ เมื่อขอไม่ได้คณราชจึงใช้กำลังแย่งชิงจินดามณีมาเป็นของตน อาศรมของพระฤาษีตกอยู่ในความลำบากเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารที่จะนำมาเลี้ยงคนในอาศรม ฤาษีกปิลจึงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระคเณศ คืนนั้นคณราชฝันไปว่าฤาษีกปิลได้ยกกองกำลังมาเพื่อนำจินดามณีกลับคืน หนึ่งในพลเสนาของพระฤาษีได้ตัดหัวคณราชด้วย ขวาน รุ่งเช้าจึงจัดแต่งกองกำลังเพื่อไปสังหารฤาษีกปิล พระคเณศเสด็จมาช่วยฤาษีกปิล ทำลายกองกำลังของคณราชจนหมดสิ้น คณราชเข้าต่อสู้กับองค์พระคเณศ สุดท้ายถูกพระคเณศสังหาร มหาราชอภิจิต บิดาของคณราช นำแก้วจินดามณีมาคืนแก่ฤาษีกปิล และขออภัยโทษในสิ่งที่คณราชทำ พระฤาษีอธิษฐานให้พระคเณศประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป และได้ถวายแก้วจินดามณีนั้นประดับแด่องค์พระคเณศ พระคเณศที่เทวสถานแห่งนี้จึงมีพระนามว่า "ศรีจินดามณี"ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 5) |
บ่าย | จากนั้นเดินทางสู่เมืองสิทธาเทก อยู่ห่างจาก เทอูร์ 74 กิโลเมตร ( ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม. ) นำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 4 เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ (Shri Siddhivinayaka) ประดิษฐานอยู่ที่ สิทธาเทก ในคเณศ ปุราณะ ได้กล่าวถึงตำนานเทวสถานแห่งนี้ว่า ในขณะที่ พระพรหม รังสรรค์โลกและสรรพสิ่งทั้งหลายอยู่นั้น ครั้งนั้นพระองค์ได้ให้กำเนิดเทวีขึ้น 2 องค์คือ พระนางพุทธิ และ พระนางฤทธิ พระองค์ได้ประทานบุตรีทั้ง 2 องค์นี้ให้เป็นชายาแก่ พระคเณศ ในเวลานั้น องค์พระหริวิษณุเทพ (พระนารายณ์) อยู่ในระหว่างบรรทมสินธุ์ ณ เกษียรสมุทร มูลพระกรรณ(หรือขี้หู) ของพระวิษณุ 2 เม็ดได้ไหลออกมาจากพระกรรณ กลายเป็นอสูร 2 ตนคือ มาธุสูร และ ไกตภสูร พวกอสูรได้ก่อกวนองค์พระพรหมจนต้องเสด็จไปพึ่งพระวิษณุ เมื่อทราบเรื่องราวของอสูรแล้วจึงได้เสด็จไปปราบอสูรทั้งสอง แต่ก็ไม่สามารถกำราบอสูรลงได้ พระองค์จึงเสด็จไปพบองค์ พระศิวะ เพื่อปรึกษาหนทางที่จะปราบอสูร หลังจากนั้นองค์พระคเณศปรากฎต่อพระวิษณุและให้พรในการปราบอสูร พระวิษณุเทพจึงสามารถสังหารอสูรทั้งสองลงได้สำเร็จ หลังจากนั้นพระวิษณุจึงสร้างเทวสถานขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อครอบสวยัมภูมูรติของพระคเณศ ณ สถานที่แห่งนี้ที่ทำให้พระองค์มีชัยชนะในสงคราม พระคเณศได้ประทานนามแก่เทวสถานแห่งนี้ว่า "สิทธิวินายกะ" ผู้ใดได้สักการะองค์ "ศรีสิทธิวินายัก" นี้จะประสบความสำเร็จในการงานทุกประการ จากนั้นเดินทางสู่เมืองปูเน่ |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6) |
ที่พัก | THE PRIDE/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองปูเน่ มาตรฐานประเทศอินเดีย (โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน) |
วันที่ 4 | รันยันกาวน์ •วัดศรีมหาคณปติ •โอซาร์ • วัดศรีวิฆเนศวา • เลนยาตรี • วัดศรีคีรีจัตมา •ปูเน่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 7) จากนั้นนำท่านเดินทาง สักการะแห่งที่ 5 วัดศรีมหาคณปติ (Sri Mahaganapati) แห่งเมือง รันยันกาวน์ เทวตำนานเล่าว่า ขณะที่ฤาษีคฤตสมาชนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาได้จามออกมาเป็นกุมารน้อยผิวสีแดง จึงสอนให้กุมารสวดบูชาต่อพระพิฆเนตร กุมารน้อยบำเพ็ญเพียรกว่าห้าพันปีทำให้พระพิฆเนศพอใจเป็นอย่างมากจึงประทานพรให้ แต่กุมารขอให้ตนเองมีอำนาจเหนือ 3 โลก พระพิฆเนศให้ตามที่ขอโดยการเนรมิตประสาท 3 หลัง คือประสาททองคำ ประสาทเงิน และประสาทโลหะให้ และตรัสว่า “ต่อไปนามของเจ้าคือ ตรีปุระ และวันใดที่เจ้าชั่วร้าย ประสาทเหล่านี้จะถูกทำลายและเจ้าจะถูกทำลายเสวยศรดอกเดียวของพระศิวะ บิดาแห่งข้า” ต่อมาตรีปุระลำพองตนรุกรานทั้ง 3 โลก องค์พระศิวะจึงเสด็จมาปราบ และหลังจากบวงสรวงต่อพระพิฆเนศแล้วพระศิวะก็ปราบตรีปุระได้สำเร็จ จึงเชื่อว่าเทวสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระศิวะบวงสรวงต่อพระพิฆเนศ การสักการะองค์ศรีมหาคณปติจะทำให้มีอำนาจยิ่งใหญ่ สามารถพิชิตมารร้ายและอุปสรรคทั้งหลายได้สำเร็จ ผู้ที่มาสักการะองค์ "ศรีมหาคณปติ" ที่นี่จะได้รับความสำเร็จสบปรารถนา |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 8) |
บ่าย | จากนั้นเดินทางสู่เมืองโอซาร์(ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม.) นำท่านเดินทาง สักการะแห่งที่ 6 วัดศรีวิฆเนศวา (Sri Vighneshwar) ประดิษฐานอยู่ที่ โอซาร์ เทวะสถานแห่งนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องความงดงามทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะยอดโดมที่เป็นทองคำและความงดงามของพวงมาลัยที่ประดับอยู่ที่ตัวเทวาลัย นามขององค์ศรีวิฆเนศวรมาจากเทะวตำนานว่า กษัตริย์ อภินันทะประกอบพิธีบูชายัญเพื่อจุติมาเป็นอินทรเทพ พระอินทร์ได้ทราบดังนั้นจึงสร้างวิฆนาสูรเพื่อส่งไปทำลายพิธีกรรมของกษัตริย์อภินันทะ แต่อสูรตนนี้กลับทำลายพิธีทั้งหมดทำให้ธรรมะเลือนหายไปจากทั้งสามโลก เหล่าฤาษีนักบวชจึงอ้อนวอนต่อพระพิฆเนศให้เสด็จมาปราบอสูร พระพิฆเนศใช้อำนาจสยบอำนาจทั้งหมดของอสูรทำให้วิฆนาสูรยอมแพ้และถวายตัวต่อองค์พระพิฆเนศเพื่อให้ไว้ชีวิตตนและขอร้องให้องค์พระพิฆเนศใช้ชื่อของตัวเองรวมกับพระนามของพระองค์เพื่อล้างบาปและเป็นบุญกุศลแก่อสูร เทวรูปพระพิฆเนศที่นี่จึงถูกขนานนามว่า “ศรีวิฆเนศวร” หมายถึงผู้ขจัดอุปสรรคและภยันตราย เชื่อว่าผู้ที่มาสักการะองค์ศรีวิฆเนศวรก่อนทำการใดๆ จะทำการนั้นได้สำเร็จราบรื่น ไร้อุปสรรค นำท่านเดินทางสู่เมืองเลนยาตรี จากนั้นนำท่านเดินทางสักการะแห่งที่ 7 วัดศรีคีรีจัตมา (Sri Girijatmaj) ประดิษฐานอยู่ที่ เลนยาตรี ตั้งอยู่ในถ้ำบนภูเขาริมแม่น้ำกุกดี เมืองเลนยาตรี (Lenyadri) ซึ่งครั้งหนึ่งถ้ำที่ภูเขาแห่งนี้ ได้ขุดเจาะเพื่อเป็นวัดในพระพุทธศาสนา หลังจากพระพุทธศาสนาเริ่มเสื่อม ศาสนาฮินดูก็รุ่งเรือง และภายในถ้ำแห่งนี้ก็เกิดปาฏิหาร มีพระพิฆเนศเกิดขึ้นมาทำให้ชาวฮินดูขึ้นมายาตรามหาเทพ จึงทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นถ้ำของพระพิฆเนศ การสักการะองค์พระพิฆเนศ จะต้องขึ้นบันได 283 ขั้น เท วะตำนานแห่งนี้เล่าว่า พระแม่ปารวตี (พระอุมาเทวี) ต้องการโอรสมากจึงได้ทำพิธีปันยากพรต (บุญยักวริตะ) ขึ้นเพื่อเป็นการบูชาต่อพระวิษณุเทพ ตามการแนะนำของพระศิวะเป็นเวลาหนึ่งปี ทำให้พระวิษณุโปรดปราณมาก จึงให้พระกฤษณะไปกำเนิดเป็นบุตรของพระแม่อุมาเทวี และสถานที่ที่พระแม่อุมากระทำพิธีก็คือเทวะสถานคีรีจัตมาแห่งนี้นี่เอง จึงเชื่อกันว่า พระพิฆเนศเป็นอวตารปางหนึ่งของพระกฤษณะด้วยการยาตรามายังถ้ำเทวะสถานคีรีจัตมาแห่งนี้ก็เพื่อขอบุตร ซึ่งผลบุญแห่งการยาตรามาแสวงบุญนี้ จะทำให้ผู้ที่ยังไม่มีบุตรและมาประกอบพิธีขอบุตรที่นี่จะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอและ จะได้บุตรที่ดีเฉลียวฉลาดและมีปัญญาหลัก แหลมเหมือนดังองค์พระคเนศ และที่บริเวณถ้ำแห่งนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเลนยาตรีได้อีกด้วย |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 9) |
ที่พัก | THE PRIDE/ORCHID HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว ที่เมืองปูเน่ มาตรฐานประเทศอินเดีย (โรงแรมที่ระบุในรายการทัวร์เป็นเพียงโรงแรมที่นำเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงแต่โรงแรมที่เข้าพักจะเป็นโรงแรมระดับเทียบเท่ากัน) |
วันที่ 5 | ปูเน่ • องค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ • เมืองปาลี • เทวสถานศรีบัลลาเลศวา • มุมไบ • สนามบินฉัตรปาตี ศิวะจี มุมไบ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 10) จากนั้นนำท่าน สักการะองค์ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณาปิติ(Dagadusheth Halwai Ganapati) ประดิษฐานอยู่ที่ เทวลัยพระพิฆเนศวร เมืองปูเน่ เป็นองค์พระพิฆเนศหล่อจากทองคำ ตกแต่งด้วยเครื่องทรงและเครื่องประดับจากทองคำแท้ ความสูง 7.5 ฟุต เชื่อกันว่าผู้ใดที่ได้มาสักการะจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ร่ำรวยเงินทองแบบมหาศาล พิเศษ!!! ร่วมพิธี Abhishekam ที่ Dagdusheth Temple จากนั้นเดินทางสู่เมืองปาลี (PALI) (ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ช.ม.) นำท่าน สักการะแห่งที่ 8 เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีบัลลาเลศวา (Shri Ballaleshwar Pali) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย บริเวณพระเนตร และพระนลาฏ (หน้าผาก) ประดับด้วยเพชร ประทับอยู่บนบัลลังก์ไม้แกะสลัก โดยมี มุสิกะ หนูเทวพาหนะของพระองค์ท่าน เหยียบขนมโมทกะอยู่บริเวณด้านหน้าของเทวรูปบริเวณด้านหลังเทวสถานแห่งนี้จะปรากฏ เทวสถานศรีทุนธิ (Shree Dhundi Temple) ที่ประดิษฐานหินพระคเณศ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหินพระเคณศเดียวกับที่ถูกนายกัลยัน บิดาของ เด็กหนุ่มบัลลาเขวี้ยงทิ้ง ผู้ใดที่มาสักการะจะได้รับความสุขทั้งครอบครัว |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 11) |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเมืองมุมไบ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 12) ได้เวลาอันสมควร เดินทางเข้าสู่ สนามบินมุมไบ ประเทศอินเดีย เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TG 318 (บริการอาหารบนเครื่อง) |
23.35 น. | ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติ ฉัตรปาตี ศิวะจี เมืองมุมไบ มุงหน้าสู่ ประเทศไทย |
วันที่ 6 | สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
05.35 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม |
**เงื่อนไขวีซ่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศของประเทศอินเดีย"
กรณียกเลิก : จอยกรุ๊ป
กรณียกเลิก : ตัดกรุ๊ป
กรณีเจ็บป่วย
กรณีจองทัวร์วันหยุดเทศกาล วันหยุดนักขัตฤกษ์,วันหยุดยาวต่อเนื่อง และได้มีการแจ้งยกเลิกทัวร์ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เก็บค่าทัวร์ทั้งหมด โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel