มัธยประเทศ (Madhya Pradesh) แปลว่า แว่นแคว้นตอนกลาง รัฐที่ตั้งอยู่
ตรงกลางของประเทศอินเดียพอดิบพอดีจนได้ชื่อเล่นว่า "หัวใจของอินเดีย"
มีเมืองหลวงคือโภปาล (Bhopal) เมืองใหญ่สุดคือ อินดอร์ (Indore)
พื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และมีประชากรมากเป็นอันดับห้าของประเทศ
มัธยประเทศป็นรัฐที่มีพื้นที่ป่าธรรมชาติมากที่สุดในอินเดียและมีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่ง
ว่าเป็น "ดินแดนของเสือ" มีอุทยานขนาดใหญ่ถึง 9 แห่ง และมีสถานที่ที่ขึ้นทะบียน
เป็นมรดกโลกของ UNESCO ถึง 3 แห่ง ได้แก่ สถูปสาญจี (Sanch)
วัดขชุราโห (Khajuraho) ที่โด่งดังด้วยภาพแกะสลักหินกามสูตรที่งดงาม
และเมืองภีมเบฏกา (Bhimbetka) ที่มีภาพวาดสมัยยุคหิน
รหัสทัวร์ | วันที่เดินทาง | เดินทางโดย | ราคา | สถานะ |
---|---|---|---|---|
DE000-002 | 25 ม.ค.-02 ก.พ. 68 | INDIGO AITLINES (6E) | 75,900 | จองด่วน |
DE000-003 | 08-16 ก.พ. 68 | INDIGO AITLINES (6E) | 75,900 | จองด่วน |
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - เดลลี |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
14.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาน์เตอร์สายการบินอินดิโก เจ้าหน้าที่บริษัทต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน |
17.10 น. | ออกเดินทางจากสู่ เดลลี Indigo โดย สายการบิน Indigo เที่ยวบินที่ 6E1054 **หมายเหตุ** ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที |
19.55 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธี เมืองนิวเดลลี (New Delhi) ตามเวลาท้องถิ่น ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระ เมืองเดลี (Delhi) หรือชื่ออย่างเป็นทางการ ดินแดนเมืองหลวงแห่งชาติเดลี (National Capital Territory of Delhi) ย่อว่า เอ็นซีที (NCT) เป็นนครและดินแดนสหภาพของประเทศอินเดีย ประกอบด้วย นิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย...นำท่านเดินทางสู่โรงแรม |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Novotel Aero City New Delhi หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | เดลลี –(บินภายใน) กวาลิเออร์ - ออร์ชา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบิน |
10.30 น. | ออกเดินทางสู่ กวาลิเออร์ โดย สายการบิน INDIGO เที่ยวบินที่ 6E 2028 |
11.30 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานกวาลิเออร์ กวาลิเออร์...ตั้งอยู่ในรัฐมัธยประเทศ (Madhya Pradesh) ไม่มีเขตติดต่อกับทะเลเนื่องจากตั้งอยู่ตรงกลางประเทศ โดยตัวเมืองกวาลิเออร์ กวาลิเออร์ เป็นเมืองป้อมปราการโบราณที่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของอินเดีย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษา สถาบันเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัย และอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำท่านชม ป้อมกวาลิเออร์ (Gwalior Fort) หนึ่งในป้อมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย โดยป้อมปราการแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 ซึ่งในอดีตป้อมปราการและตัวเมืองนั้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรทางภาคเหนือของอินเดีย ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการเข้าชมมากที่สุด โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมเปอร์เซียที่มีความวิจิตรงดงามในด้านรายละเอียด จักรพรรดิแห่งราชวงศ์โมกุลที่ยิ่งใหญ่ เคยยกให้เป็นปราการที่สวยงามที่สุด จากบริเวณดาดฟ้าของป้อม เราสามารถชมทัศนียภาพ ของเมืองกวาลิเออร์ได้อีกด้วย นำท่านชม พระราชวังไจ วิลาส (Jai Vilas Palace) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพระราชวังที่หรูหราที่สุดในศตวรรษที่ 19 ของอินเดีย ถูกสร้างขึ้นในปี 1875 โดยพระมหาราชา Jayajirao แห่งราชวงศ์ Shinde ซึ่งได้รับการออกแบบโดย พ.ต.ท. Sir Michael Filose ซึ่งปัจจุบันได้มีการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ซคินเดีย (Scindia Museum) ซึ่งมีการจัดแสดงคอลเลกชั่นของโบราณและอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก และชมของประดับ เครื่องใช้ประจำราชวงศ์ที่ขึ้นชื่อในความวิจิตรหรูหราอลังการ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองออร์ชา และ ระหว่างทางเยี่ยมชมเมืองดาเทีย เมืองโบราณที่เคยมีการกล่าวถึงในคัมภีร์พระมหาภารตะ ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการค้าขาย ฝ้าย และเมล็ดพันธ์ ธัญพืช จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง เมืองออร์ชา (Orchha) เมืองออร์ชาร์ เป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบ และสวยงามตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่นํ้าเบตวา (BETWA RIVER) เมืองออร์ชา ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่สิบห้า โดยนักรบเผ่า Bundera Runda Pratap Singh สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ตั้งแต่ปี 1501-1531 พระองค์ได้สร้างป้อมปราการ วัดวาอารามต่างๆบริเวณแม่นํ้า Betwa |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Amar Mahal Orchha หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | ออร์ชา - ขชุรโห |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม ออร์ชาร์ฟอร์ท (Orcha Fort) ที่พำนักของมหาราชาแล้วยังเป็นปราการด่านสุดท้ายของเมือง การออกแบบป้อมให้ออกมาแข็งแรงแน่นหนา และตั้งอยู่บนที่สูงออร์ชาร์ก็มีป้อมขนาดใหญ่โตหลายแห่ง แต่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา กระเบื้องสีบางแห่งยังคงสีสันสดใส ถึงแม้จะแตกร่อนไปบ้างแต่ก็ยังคงรักษาสีสวยไว้ได้ นำท่านชม พระราชวังชฮานคีร์ มาฮาล (Jahangir Mahal) ที่สร้างขึ้นอย่างหรูหราอลังการ เพื่อต้อนรับ “พระเจ้าชฮานคีร์” แห่งราชวงศ์โมกุล เพียงเพื่อพัก 1 ราตรีอันเป็นวิเทโศบายทางการทูต ของกษัตริย์นครภัณฑลขัณฑ์ผู้ชาญฉลาด นำท่านชม วัดจตุรภุชมนเทียร (Chaturabuj Mandir) คำว่า จตุรภุช แปลว่าผู้มีสี่ (จตุร-) แขน (ภุช) อันหมายถึงพระราม อวตารหนึ่งของพระวิษณุ โครงสร้างของหมู่อาคารในมนเทียรประกอบด้วยมนเทียรซึ่งมีความสูงหลายชั้น ป้อมปราการ และวังปัจจุบันภายในมนเทียรประดิษฐานเทวรูปองค์ประธานเป็นพระรธกฤษณะ นอกจากนี้มนเทียรยังเป็นที่รู้จักจากวิมานที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งด้วยความสูง 344 ฟุต วัดลักษมีนารายัน (Laxmi Narayan Temple Orchha) สร้างขึ้นในรัชสมัยของราชาบีร์ซิงห์ดีโอ เพื่ออุทิศแด่พระแม่ลักษมี (เทพีแห่งความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง) โครงสร้างเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมวัดและป้อมที่ผสมผสานกันอย่างมีเอกลักษณ์ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ออกเดินทางไปที่ เมืองขชุราโห (Khajuraho) ระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Clarks Khajuraho หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | ขชุรโห (เต็มวัน) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม วัดกลุ่มตะวันตก (Western Group of Temples) ซึ่งประกอบด้วย วัดลักษมันวิศวนาถ (Laxman Temple) มหาเทวาลัยที่สร้างถวาย พระวิษณุ (Vishnu) สร้างจากหินทรายสลักเสลารูปประติมากรรมเทพเจ้า นางอัปสร วิถีชีวิตของชาวเมืองในยุคนั้น ตั้งแต่สาวน้อยแต่งหน้า เขียนจดหมายถึงคนรัก พ่อแม่ลูก และรูปกามสูตรอันลือเลื่อง |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำชมสถานที่สำคัญในขชุรโหต่อ..วัดคัณฑาริยมหาเทพ (Kandariya Mahadeva Temple) วัดที่ใหญ่ที่สุดและ วัดเทวีชัคธัมภะ (Devi Jagadamba Temples) ซึ่งสร้างถวายพระศิวะ และ พระนางทุรคา วัดจิตรคุปต์ ที่สร้างถวายพระสุริยเทพอันน่าตื่นตาตื่นใจในภาพสลักท่ามกลางความงาม โดยเฉพาะยามอาทิตย์อัสดงที่แต่ละรูป สลักนูนลอยงดงาม แสดงอารมณ์อันประณีตเกินคำบรรยายโดยกลุ่มอนุสรณ์สถานแห่งขชุราโหได้รับการจดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO)ในปี 1986 และถือเป็นหนึ่งใน “เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์”ของอินเดีย |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Clarks Khajuraho หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | ขชุรโห - สาญจี - โบพาล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม เดินทางต่อไป เมืองสาญจี (Sanchi) ระยะทาง 326 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม มหาสถูปสาญจี (Buddhist Monuments at Sanchi) เป็นสถูปโครงสร้างหินที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ในช่วงศตวรรษที่ 3 ไว้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ล้อมรอบด้วยทางเดินที่ถอดแบบมาจากวงล้อพระธรรมจักร ได้ชื่อว่าเป็นตัวอย่างพิเศษของพุทธศิลป์ และสถาปัตยกรรมเจดีย์รูปถ้วยผ่าครึ่ง ทำจากอิฐ และคุณลักษณะห้องกลางซึ่งไว้เก็บพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูป เจดีย์ล้อมรอบด้วยซุ้มประตู ทั้ง 4 ด้าน แต่ละซุ้มจะเป็นเรื่องของพระพุทธประวัติ โดยเริ่มต้นจาก ซุ้มประตูทางทิศใต้ แสดงเกี่ยวกับการประสูติและทศชาติชาดก ทิศตะวันออก แสดงตั้งแต่เป็นเจ้าชาย จนถึงแสวงหาการตรัสรู้ ทิศตะวันตก แสดงพระปฐมเทศนา ทิศเหนือ แสดงเกี่ยวกับพระธรรมจักร โดยปัจจุบัน มหาสถูปสาญจี และโบราณสถานใกล้เคียงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1989 โดยเราจะพาท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่เก็บดูแลรักษาพระพุทธรูปด้วย…ออกเดินทางสู่ เมืองโบพาล ระยะทาง 50 กม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Jehan Numa Palace Bophal หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | โบพาล - ภีมเพตกะ- (บินภายใน) โบพาล - เดลลี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม เขตโบราณสถานภีมเพตกะ(Rock Shelters of Bhimbetka) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง มวลหมู่ถํ้าพร้อมภาพเขียนโบราณสมัยหินใหม่กว่า500 ถํ้าแบ่งได้เป็น 5 ยุค ไล่จากหินเก่าตอนต้นมาถึงยุคประวัติศาสตร์ที่สุดในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของอินเดียจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 2003 ได้เวลาสมควร...เดินทางกลับโบพาล |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางไปสนามบินโบพาล เพื่อเดินทางไปเดลลี |
18.00 น. | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
21.35 น. | ออกเดินทางสู่ เดลลี โดย สายการบิน INDIGO เที่ยวบินที่ 6E 2279 |
22.35 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานเดลลี…เดินทางสู่โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Lemon Tree Aero City New Delhi หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | เดลลี –(บินภายใน) ภูผเนศวร |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบิน |
09.35 น. | ออกเดินทางสู่ ภูพเนศวร โดย สายการบิน INDIGO เที่ยวบินที่ 6E 2279 |
12.00 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานภูผเนศวร ภูผเนศวร (Bhubaneswar) ...เมืองหลวงของรัฐโอริสสา ซึ่งภาษาสันสกฤตโบราณเรียกว่า ตรีภูผเนศวร ซึ่งแปลว่าเป็นที่อยู่ของพระศิวะ และเป็น 1 เมืองในเขตของอาณาจักรกลิงคะในสมัยพราะเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งถือว่าเป็นเมืองแห่งวัดที่มีประมาณ 500 กว่าวัดเลยทีเดียว |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นําท่านชม เทวาลัย ปรศุรามเมศวร (Parsurameswar Temple) สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระศิวะ ถือเป็นหนึ่งในเทวาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโอริสสาสร้างในศตวรรษที่ 7 มีขนาดเล็ก แต่งดงามประดับประดาด้วยรูปแกะสลักเทพเจ้าฮินดูที่แกะสลักได้งดงามมาก เป็นสถาปัตยกรรมเทวสถานของไศสะนิกาย จากนั้นนำท่านชม เทวาลัยมุกเตศวร (Mukteshwara Temple) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 (พุทธศตวรรษที่ 15) ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเทวาลัยที่มีขนาดเล็กที่สุดในเมืองภูวเนศวร แต่ด้วยความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมที่มีการแกะสลักได้อย่างอลังการทำให้เทวสถานแห่งนี้ได้รับสมญานามว่า “อัญมณีแห่งโอริสสา” โดยจุดที่น่าสนใจของสถานที่แห่งนี้ คือสถาปัตยกรรมและการแกะสลักบริเวณซุ้มประตูที่มีลักษณะแตกต่างจากเทวสถานแห่งอื่นในเมืองภูวเนศวร นำท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ Orissa State Museum เป็นที่รวบรวมประวัติศาสตร์และรวบรวมพระพุทธศาสนาจากสถานที่ต่างๆทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของนครโอริสา นำท่านเดินทางสู่ เขาตอลี หรือ เดาลี คีรี (Dhauligiri) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ถูกสันนิษฐานว่าเป็นจุดที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเปลี่ยนศาสนาจากศาสนาฮินดูมาเป็นพุทธศาสนาภายหลังศึกสงครามกาลิงคะที่สร้างความสูญเสียมากมายมหาศาล โดยบริเวณเนินเขาเดาลีคีรีจะปรากฏหลักก้อนหิน ช้างหินแกะสลัก ที่ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของโลกที่แสดงถึงคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยศิลาจารึกอักษรพราหมณ์มี ที่เป็นบทบัญญัติ 14 ประการของพระเจ้าอโศกที่เผยแผ่พระธรรมครั้งยิ่งใหญ่ ฅ จากนั้นท่านขึ้นบน ยอดเขาเดาลีคีรี เพื่อสักการะ เจดีย์สันติภาพหรือเจดีย์ศานติ (Shanti Stupa) บนยอดเขาแห่งนี้ซึ่งเจดีย์ถูกสร้างขึ้นโดยดำริของท่านฟูจิ ผู้นำนิกายนิปปอนซัน เมียวจิ โดยเจดีย์แห่งนี้มีลักษณะเป็นสีขาว บริเวณยอดที่มีลักษณะคล้ายดอกบัวบานอันสื่อถึงศีล 5 ของศาสนาพุทธนิกายมหายาน บริเวณรอบองค์พระเจดีย์มีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานและมีภาพหินแกะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธประวัติและราชประวัติของพระเจ้าอโศกมหาราช |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Mayfair Convention Center Bhubaneswar หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | ภูผเนศวร - รัตนคิรี - อุทัยคิรี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำชม หมู่พุทธสถานรัตนคีรี (Ratnagiri) เป็นโบราณสถานที่ถูกค้นพบซากปรักหักพังของวัดขนาดใหญ่จำนวน 2 วัด และสถูปขนาดใหญ่ 1 องค์ ซึ่งสันนิษฐานว่ามีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์คุปตะในสมัยพระเจ้านราสิงหะคุปตะ พารัตติยา (Narasimha Gupta Baladitya) ในสมัยศตวรรษที่ 6 (พุทธศตวรรษที่ 11) โดยมีการคาดการณ์ว่าพุทธสถานแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธนิกายตันตระยานหรือวัชรยาน เนื่องจากสถาปัตยกรรมต่างๆที่ถูกขุดพบอันประกอบไปด้วยซุ้มประตูแกะสลักที่มีความวิจิตรประณีต รวมไปถึงรูปหินปั้นแกะสลักในแบบวัชรยาน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปะและสถาปัตยกรรมที่นาลันทามหาวิหาร ในรัฐพิหาร ชม อุทัยคีรี (Udayagiri) ซึ่งเป็นศูนย์กลางอันสำคัญของพระพุทธศาสนา ฝ่ายนิกายวัชรยาน อีกแห่งหนึ่งที่มีทั้งพระพุทธรูปและรูปพระโพธิสัตว์ เป็นจำนวนมาก เทวรูปที่แปลก เป็นพิเศษ อีกอย่างหนึ่งที่ปนอยู่ในสิ่งทั้งหลาย คือรูปเทพเจ้า ปรัชญาปารมิตา เป็นเทวรูปนั่งมี 12 กร และเทพเจ้ามารี มี 8 กร เป็นต้น |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ หมู่พุทธสถานแห่งลลิตคีรี (Lalitgiri) ซึ่งเป็นพุทธสถานที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐโอริสสา ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่1 (พุทธศตวรรษที่ 6) ซึ่งมีหลักฐานปรากฏตามบันทึกของพระถังซัมจั๋งได้จารึกมายังพุทธสถานแห่งนี้ แต่กลับมีชื่อที่แตกต่างกันออกไปคือ “ปุษปาคีรีมหาวิหาร” ที่ระบุถึงสถูปองค์ใหญ่บนยอดเขาลลิตคีรีและพระวิหารอารามต่างๆ รวมไปถึงสถูปน้อยใหญ่จำนวนมากมาย โดยปัจจุบันพุทธสถานแห่งนี้ยังปรากฏร่องรอยตามจารึกอันได้แก่สถูปสร้างด้วยก้อนอิฐที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งบริเวณบันไดทางขึ้นลลิตคีรีจะปรากฏพบเห็นพระพุทธรูปแกะสลักของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ รวมไปถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหินแกะสลัก...เดินทางกลับภูผเนศวร |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Mayfair Convention Center Bhubaneswar หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | ภูผเนศวร - โกนาร์ค - ปูริ - ภูผเนศวร - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า (แบบกล่อง) จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองโกนาร์ก (Konark) ระยะทาง 70 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เข้าเยี่ยมชม วิหารสุริยเทพมรดกโลกเมืองโกนาร์ค (Konark Sun Temple) เมืองโกนาร์คคือเมืองเล็ก ๆที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวของอำเภอปูรี ในรัฐโอริสสา รัฐที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกออกของประเทศซึ่งมีเมืองภุพเนศวร เป็นเมืองหลวงของรัฐ นอกจากนี้แล้วเมืองโกนาร์ดยังถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากเมืองหนึ่งของรัฐโอริสสาโดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงคือ วิหารสุริยะ หรือวัดโกนาร์ค วัดที่มีชื่อเสียงทางด้านความงามทางสถาปัตยกรรม ที่ตั้งอยู่บนชายหาดทะเลเบงกอล นำท่านชม เทวาลัยแห่งสุรยเทพ เป็นศาสนสถานสำหรับบูชาเทพพระอาทิตย์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 เทวสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้แนวชายฝั่งทะเลของรัฐโอริสสาภาคตะวันออกของประเทศอินเดียหลังคาทรงพีระมิดนั้นโดดเด่นตัดกับเส้นขอบฟ้าและแนวของต้นมะพร้าวอย่างงดงาม ซากปรักหักพังบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองได้เป็นอย่างดี เป็นวิหารที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นเจดีย์สีดำเนื่องจากตัววิหารนั้นถูกสร้างขึ้นจากหินแกรนิตสีดำปัจจุบันวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศอินเดีย หลังจากนั้น องค์การยูเนสโก้ได้จัดให้วิหารสุริยะเป็นมรดกโลก ในปี 1984 อีกทั้งยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของอินเดียอีกด้วย เทวาลัยสุรยเทพ สร้างด้วยศิลาอันใหญ่ เทวลาลัยนี้แปลกกว่าที่อื่น ๆในอินเดีย และโลก เพราะสร้างเป็นรูปราชรถ ของสุริยเทพผู้ทรงราชรถท่องไปบนฝากฟ้า เปล่งรัศมีความร้อนและแสงสว่างแก่โลกตั้งแต่รุ่งอรุณจนสายัณห์ นักเดินเรือชาวยุโรปที่เดินทางมายังโกลกัตตา มองเห็นยอดสิขราสูงเด่นแต่ไกลจากทะเล ปัจจุบันวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศอินเดียองค์การยูเนสโก้ ได้จัดให้วิหารสุริยะเป็นมรดกโลกในปี 1984 อีกทั้งยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของอินเดียอีกด้วย ภายในสิขระเป็นห้องครรภหคฤหะที่ประดิษฐานเทวรูปที่เคารพสูงสุด จึงเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มีแต่พราหมณ์ประกอบพิธีเท่านั้น ซึ่งจะยืนอยู่บนหลังช้าง หมายถึงชัยชนะของฮินดูต่อพระพุทธศาสนา |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองปูริ (Puri) นำท่านชม หมู่บ้านมรดกรากูราชปูร์ (Raghurajpur Heritage Village) หมู่บ้านมรดกงานฝีมือ เป็นที่รู้จักจากจิตรกรฝีมือดี Pattachitra ซึ่งเป็นรูปแบบศิลปะที่มีอายุย้อนไปถึง 5 ปีก่อนคริสตกาล...เดินทางกลับภูผเนศวร |
16.50 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบิน INDIGO เที่ยวบินที่ 6E 1066 |
21.10 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 75,900 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 17,500 บาท |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 75,900 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 17,500 บาท |
การให้ทิปตามธรรมเนียมทางบริษัทฯมิได้มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้กับไกด์ และคนขับรถ
***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังจากยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้วบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการนำพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช่จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : ทัวร์ต่างประเทศ 081-873-6566
Hotline : ทัวร์ในประเทศ 061-519-6494
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel