...Israel...
อิสราเอล ไม่ได้มีแต่เรื่อง...สงคราม
ณ ดินแดนศักสิทธิ์แห่งนี้ยังมีความงาม และ ตำนานเรื่องเล่าที่เก่าแก่นานนับพันปี
ปาฎิหาริย์แห่ง ทะเลกาลิลี กับการเดินบนพื้นน้ำของพระเยซูยังคงเป็นที่กล่าวขานมาจวบจนปัจุบันนี้
นอกจากนี้ท่านจะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติที่สร้างสรรค์ให้กับโลกใบนี้ ทะเลสาบเดดซี ที่ไม่มีวันจม ทะเลสาบแห่งความตาย ที่ไม่มีวันตาย
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - ทาชเค้นท์ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
20.00 น. | พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว S เคาน์เตอร์สายการบิน อุซเบกิสถาน แอร์เวย์ ประตูทางเข้าที่ 8-9 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับในการตรวจเอกสารและสัมภาระในการเดินทาง |
23.05 น. | ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ เมืองทาชเค้นท์ โดยสายการบิน อุซเบกิสถาน แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ HY-534 (ใช้เวลาในการบินประมาณ 6 ชม./รับประทาน อาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน) |
วันที่ 2 | ทาชเค้นท์ - เทล อาวีฟ - เซซาเรีย -ไฮฟา -ไทบีเรียส |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
03.45 น. | ถึง สนามบินนานาชาติกรุงทาชเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถาน |
07.35 น. | ออกเดินทางจาก เมืองทาชเค้นท์ สู่ เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล โดยเที่ยวบินที่ HY-301(ใช้เวลาในการบินประมาณ 4.30 ชม.) |
08.30 น. | เดินทางถึง สนามบินนานาชาติเบนกูเรียล เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นของประเทศอิสราเอลช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง) เมืองเทล อาวีฟ (Tel Aviv) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า พาณิชย์และการท่องเที่ยว ที่มีความนิยมมากที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อันที่จริงจะมีชื่อว่า เทล อาวีฟ-จัฟฟา แต่ทั่วๆไปจะเรียกว่า เทล อาวีฟ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1909 ที่บริเวณนอกเมืองที่เป็นเมืองท่าของเมืองจัฟฟา (Jaffa) ซึ่งมีความรุ่งเรืองในยุคของอาหรับ แต่เทล อาวีฟมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งสองเมืองถูกนำมารวมกันในปี ค.ศ.1950 หลังจากที่ตั้งรัฐอิสราเอลได้สองปี และได้ถูกก่อสร้างให้เป็นเมืองสมัยใหม่ และได้รับเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2003 นำท่านเดินทางไป เมืองจัฟฟา (Jaffa) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองโบราณซีซาเรีย (Caesarea)ซึ่งเป็นเมืองเก่ายุคสมัยสงครามครูเสด สร้างโดยกษัตริย์เฮโรดมหาราช แวะถ่ายรูปคลองส่งน้ำ (Aquaduct) ที่เหลืออยู่ประมาณ 1 กม. พวกโรมันโบราณได้สร้างขึ้นไว้ยาวประมาณ 25 กม. โดยการนำน้ำจืดจากภูเขามาหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณริมทะเลได้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | LEONARDO HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | ไทบิเรียส - นาซาเร็ธ - ทะเลสาบกาลิลี่ - คาเปอร์นาอูม - ไทบีเรียส |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่าน ล่องเรือในทะเลสาบกาลิลี (Cruise of Galilee) ที่อยู่ใกล้กับที่ราบสูงโกลาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความลึกประมาณ 43 เมตร พื้นที่ประมาณ 166 ตร.กม. และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 209 เมตร ให้ท่านได้ชมความสวยงามของธรรมชาติ และการแสดงต่างๆที่จะทำให้ท่านได้รับความสนุกสนานและเพลิดเพลิน จากนั้น นำท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านทับกา (Tabgha Village)ที่พระเยซูได้เลี้ยงคน 5,000 คนด้วยปลา 2ตัว และขนมปัง 5 ก้อน |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำที่สุดของโลก อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลทั่วไปกว่าประมาณ 400 เมตร และน้ำในทะเลนี้เค็มกว่าทะเลปกติถึง 10 เท่าและยังมีปริมาณแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น สารไอโอดีน 10 เท่า แมกนีเซียม 15 เท่า และโบรมีน 20 เท่า จึงทำให้เกิดความหนาแน่นมาก จนท่านสามารถลอยตัวได้โดยไม่จม แม้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ให้ท่านเล่นน้ำและหมักโคลนตามอัธยาศัย (กรุณาเตรียมชุดเล่นน้ำ ผ้าเช็ดตัวรองเท้าฟองน้ำไปด้วย) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | LEONARDO HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | ไทบีเรียส - เจริโก้ - ทะเลสาบเดดซี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ริมแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีบัพติศมาในน้ำ(Baptismal Site of Yardenit) ซึ่งสาวกจอห์นได้ทำพิธีล้างบาปและได้ตั้งชื่อให้กับพระเยซูท่านสามารถรับบัพติศมาเพื่อเป็นการระลึกถึงหรือสำหรับผู้ที่เพิ่งตัดสินใจรับบัพติศมา (หากท่านใดสนใจกรุณาติดต่อผู้นำทัวร์เพื่อประสานงานกับศิษยาภิบาลที่นำคณะสำหรับการใช้เสื้อคลุมและขอใบประกาศนียบัตร) นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองเจริโก้ (Jericho)ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือในเขตเวสท์แบ้งค์ ที่ติดกับแม่น้ำจอร์แดนและอยู่ทางด้านเหนือของทะเลสาบเดดซี มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน ซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวอาหรับปาเลสไตน์ เจริโกได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในอดีตได้มีหลักฐานที่ถูกพบว่ามีคนมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณนี้มาแล้วประมาณกว่า 9,000 ปีก่อน คริสตกาล นำท่านนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ ภูเขาเทมพเทชั่น (Mt. of Temptation )ซึ่งมีความสูงประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเล ณ สถานที่แห่งนี้จะมีถ้ำซึ่งเป็นที่ที่พระเยซู ได้เคยมานั่งวิปัสสนาและอดอาหารเป็นเวลา 40 วัน และ 40 คืน ในระหว่างที่พวกซาตานมารบกวน ให้ท่านได้ชมวิวเมืองเจริโก้จากบนยอดเขา ได้เวลาเดินทางกลับลงมา จากนั้นให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโคลน Dead Sea และของที่ระลึกอื่น ๆ (ไม่ต้องเสียภาษี) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองโบราณซีซาเรีย (Caesarea) ซึ่งเป็นเมืองเก่ายุค สมัยสงครามครูเสด สร้างโดยกษัตริย์เฮโรดมหาราช ชม คลองส่งน้ำ (Aquaduct) ที่เหลืออยู่ประมาณ 1 กม. พวกโรมันโบราณได้สร้างขึ้นไว้ยาวประมาณ 25 กม. โดยการนำน้ำจืดจากภูเขามาหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณริมทะเลได้ เดินทางไปยัง เมืองไฮฟา (Haifa) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาคาร์เมล (Mt. Carmel) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของเขตไฮฟาที่อยู่ทางด้านเหนือและอยู่ติดกับริมทะเลฯ เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นเมืองอันดับที่สามของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 270,000 คน ซึ่งผสมผสานกันระหว่างพวกยิวและอาหรับ นอกจากนั้นเมืองนี้ยังเป็นถิ่นกำเนิด ศูนย์กลางของศาสนาบาไฮ (Bahai) ที่ถูกสร้างเป็นสวนที่สวยงามด้วยงบประมาณ 50 ล้านดอลล่าร์และยังได้ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2008 นำท่านเดินทางสู่ เมืองนาซาเร็ธ (Nazareth) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา นำท่านชมสถานที่ที่ทำการป่าวประกาศ (The Church of the Annunciation) ซึ่งถูกสร้างครอบบ้านนางมารีไว้ สถานที่ซึ่งนางมารีได้รับแจ้งจากทูตสวรรค์ว่านางจะให้กำเนิดพระเยซู และเดินต่อไปยังบ่อน้ำที่มีอายุนานกว่า 2,000 ปี ที่พระนางมารีได้เคยมาตักเอาไปใช้ นำท่านเดินทางไปชม หมู่บ้านคานา (Cana Village) ที่ซึ่งพระเยซูทรงแสดงอัศจรรย์เป็นครั้งแรกในงานแต่งงาน ซึ่งมีพระแม่มารีมาร่วมงานด้วย โดยทรงทำน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น ในเมื่อเหล้าองุ่นไม่พอที่จะเลี้ยงแขกที่มาในงาน หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองไทบิเรียส (Tiberias) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก เป็นเมืองท่องเที่ยวทางตอนเหนือที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของริมทะเลสาบกาลิลี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | DAVID HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | ทะเลสาบเดดซี - ป้อมมาซาด้า - เยรูซาเล็ม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางเรียบฝั่ง ทะเลสาบเดดซี เพื่อไปยังป้อมปราสาทมาซาด้า (Masada Fortress)ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ บนยอดเขาสูงประมาณ 120 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นป้อมปราสาทและอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของกษัตริย์เฮโรดมหาราช ที่ได้สร้างขึ้นและเป็นที่สุดท้ายของชาวยิว 950 คนที่ขึ้นไปอาศัยอยู่ เพื่อต่อต้านการรุกรานของพวกโรมันด้วยการขนอิฐและหินขึ้นไปก่อสร้างอาคาร เพื่อเป็นที่พักอาศัยของพวกชาวยิว และยังสามารถนำน้ำขึ้นไปกักเก็บไว้ใช้อีกด้วย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2001 จากนั้น นำท่านเดินทางข้ามเขตแดนเยรูซาเล็ม สู่ เมืองเบธเลเฮ็ม (Bethlehem) เป็นดินแดนที่เก่าแก่ และถูกครอบครองโดยพวกปาเลสไตน์ ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็มทางด้านใต้ประมาณ 10 กม. ในอดีตเป็นบ้านเกิดของกษัตริย์เดวิด (King David) ซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองเยรูซาเล็ม และยังเป็นเมืองที่พระเยซูมีประสูติกาลจากพระแม่มารี โดยที่โจเซฟและพระนางได้เดินผ่านมา และพักค้างคืนภายในถ้ำเลี้ยงสัตว์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านแวะถ่ายรูปกับกำแพงกั้นระหว่างเขต West Bankกับเขตอิสราเอล โดยความคิดริเริ่มการสร้างกำแพงนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 และเริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1994 แต่ปัจจุบันนี้กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นความขัดแย้งระหว่างคนสองเชื้อชาติได้กลายเป็นที่รังสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ที่เรียกว่า Graffitiมากมาย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โบสถ์แห่งการประสูติ (The Church of Nativity)ที่สร้างครอบสถานที่ประสูติของพระเยซู ถูกสร้างโดย พระนางเฮเลน่า (Helena)ซึ่งเป็นพระมารดาของจักรพรรดิคอนสแตนตินแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ เป็นสถานที่ที่ถูกเก็บรักษาให้รอดพ้นจากการถูกทำลายจากผู้ครอบครองของหลายชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งประตูทางเข้าโบสถ์นี้จะเล็กกว่าปกติและผิดสัดส่วนจากขนาดของตัวอาคาร เพราะว่าภายหลังดินแดนแห่งนี้ถูกครอบครองโดยพวกครูเสดก็ได้มีการต่อเติม และทำประตูให้มีขนาดเล็กลงสำหรับคนต้องก้มเดินเข้าไปได้เพียงคนเดียว เพื่อเป็นการป้องกันมิให้พวกโจรอาหรับขี่ม้าเข้ามาปล้นภายในโบสถ์มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ทางเดินที่ประดับลวดลายของโมเสคและภาพสีน้ำมันตามผนังตลอดจนเพดาน นำท่านออกเดินทางไปยัง กรุงเยรูซาเล็ม (Jerusalem)ที่อยู่ห่างประมาณ 45 กม.ทางด้านตะวันออก และตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของทะเลสาบเดดซี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1949 ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิสราเอล แต่ในขณะนั้นกรุงเยรูซาเล็มได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝั่งด้านตะวันตกเป็นของอิสราเอล ส่วนฝั่งตะวันออกและบริเวณเมืองเก่าจะเป็นของจอร์แดน จนกระทั่งปี ค.ศ.1967 หลังจากเกิดสงคราม 6 วัน (The Six Days War)ระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน อิสราเอลจึงได้เมืองเยรูซาเล็มกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองทั้งหมดเป็นเมืองเดียวกัน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | LEONARDO HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | เยรูซาเล็ม - อีน คาเร็ม - เยรูซาเล็ม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ตัวเมืองเก่าเยรูซาเล็ม (Old City) ให้ท่านได้ชมกำแพงร้องไห้ (Wailing Wall) ซึ่งเป็นกำแพงด้านตะวันตกของพระวิหารหลังที่สองที่เหลืออยู่หลังจากถูกพวกโรมันทำลาย ปัจจุบันชาวยิวทั่วโลกถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและโดยเฉพาะวันสำคัญทางศาสนา จะมีชาวยิวมากมายเดินทางมาสวดมนต์ อธิษฐานร้องไห้คร่ำครวญกับพระเจ้าอย่างเนืองแน่น และจากลานหน้ากำแพงศักดิ์สิทธิ์นี้ จะมีทางเดินเลาะเลียบทางขวาที่ไต่ระดับสูงขึ้นไปสู่ภูเขาวิหาร (Temple Mount ) อันเป็นที่ตั้งของมหาวิหาร ที่ได้ถูกทำลายไปถึง 2 ครั้ง จะเหลืออยู่ก็แค่บางส่วนของกำแพง ฯ ซึ่งในปัจจุบันภูเขาวิหาร เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของศาสนาอิสลาม เพราะว่าในช่วงปี ค.ศ. 688 กาหลิบโอมาร์ ที่เป็นผู้นำชาวมุสลิม ได้นิมิตประหลาดว่าภูเขาวิหารนี้เป็นสถานที่ที่ศาสดาโมหะหมัดได้เสด็จสู่สวรรค์ โดยประทับยืนบนก้อนหินก้อนหนึ่ง ซึ่งต่อมาเชื่อว่าเป็นก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ ส่วนชาวคริสต์เชื่อว่า พระเยซูได้ถูกซาตานนำมาประทับบนก้อนหินนี้ เพื่อให้ทอดพระเนตรนครเยรูซาเล็ม ในขณะที่จำศีลอดอาหาร และชาวยิวเชื่อว่า อับราฮัมได้นำลูกชายมาฆ่า เพื่อบูชาพระเจ้าบนก้อนหินก้อนนี้ ต่อมาจึงได้สร้างสุเหร่าไม้ขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ โดยคร่อมก้อนหินศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ ซึ่งเรียกว่า สุเหร่าแห่งโอมาร์ (Mosque of Omar)แต่ปัจจุบันนี้ได้ถูกสร้างเป็นสุเหร่าทรง 8 เหลี่ยมที่มีหลังคาทรงกลมทำด้วยทองบริสุทธ์ 24 กระรัต โดยได้รับความช่วยเหลือจากกษัตริย์ฮุสเซนแห่งจอร์แดน และมีชื่อเรียกว่า โดมแห่งหินผา (Dome of the Rock)และบริเวณผนังด้านในประดับด้วยโมเสคลวดลายงดงามมาก (ไม่สามารถเข้าไปชมภายในได้ ) จากนั้น นำท่านเดินเท้าไปตาม ถนนเวีย โดโลโรซ่า (Via Dolorosa) เส้นทางที่พระเยซูถูกไต่สวนที่ศาลปรีโทเรีย จนถูกบังคับให้แบกไม้กางเขนไปสู่ โกลโกธา และตรึงพระองค์ไว้บนไม้กางเขน ตามเส้นทางทั้งหมด 14 แห่งซึ่งในปัจจุบันเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ (Church of The Holy Sepulcher) หรือ สุสานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่สกัดไว้ในศิลาที่ใช้เก็บพระศพของพระเยซูหลังจากเชิญพระศพลงมาจากไม้กางเขน |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอีนคาเร็ม (Ein Karem) ที่มีความหมายว่า น้ำธรรมชาติสำหรับไร่องุ่น อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเยรูซาเล็ม และเป็นเมืองที่มีความสำคัญรองลงมาจากเบธเลเฮ็ม คือ เมืองที่จอห์นแห่งแบพติสเกิดและนอกจากนั้นก็ยังมีโบสถ์วิหารที่มีความสำคัญหลายแห่งสำหรับผู้ที่เป็นชาวคริสเตียน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | LEONARDO HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ทะเลสาบเดดซี - เมืองเก่าจาฟฟา - เทล อาวีฟ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาโอลีฟ (Mt. of Olives)ท่านจะได้ชมตัวเมืองเยรูซาเล็มทั้งหมด จากนั้นนำท่านเดินตามเส้นทางที่พระเยซูเสด็จสู่กรุงเยรูซาเล็มในวันปาล์มซันเดย์ ไปยังโบสถ์ปีเตอร์ โนสเตอร์ (Peter Noster Church)เป็นสถานที่พระเยซูทรงสอนให้สาวกรู้จักคำอธิษฐาน “ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย” นำท่านเดินทางไปยัง สวนเกทเสมานี (Gatsemane)ซึ่งเป็นภาษาฮิบรูว์ แปลว่าต้นมะกอก บริเวณสวนนี้มีต้นมะกอกเก่าแก่อยู่ 8ต้น ที่เชื่อกันว่าเป็นรากเดิมของต้นมะกอกในสมัยพระเยซูเจ้า ซึ่งมีอายุประมาณ 2,000ปี และเป็นสถานที่ที่พระเยซูอธิษฐานกับสาวก ก่อนที่จะถูกพวกทหารโรมันจับตัวไป นำท่านเข้าชมในตัวโบสถ์นานาชาติ (Church of all Nations)ที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าเป็นจุดที่พระเยซูทรงคุกเข่าอธิษฐาน ก่อนถูกทหารโรมันจับตัวไป หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ภูเขาไซออน (Mount Zion)ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของภูเขาโอลีฟในเยรูซาเล็ม ซึ่งมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่าเมืองของเดวิด (City of David) นำท่านไปชม โบสถ์ไก่ขัน (St. Peter in Gallicantu)ซึ่งเป็นภาษาลาติน ในอดีตเป็นบ้านของปุโรหิตคายาฟาสที่เป็นหัวหน้าสมณะในยุคของพระเยซูที่ถูกตัดสินฯ และเป็นสถานที่ที่ปีเตอร์ปฏิเสธพระเยซูก่อนไก่ขัน 3 ครั้ง (Before the cock crows thrice) นำท่านไปชม สุสานกษัตริย์เดวิด (King David’s Tomb)และห้องอาหารมื้อสุดท้าย (Room of Last Supper) ที่พระเยซูทรงร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับเหล่าสาวก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางไปชม เมืองเก่าจัฟฟา (Old Jaffa)ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าที่เก่าแก่อายุกว่า 3,000 ปี ชื่อเดิมของเมืองคือ ยาโฟ (Yafo) ในภาษาฮิบรูว์ แปลว่าสวยงาม ในประวัติศาสตร์เมืองนี้ถูกครอบครองมาหลายยุคหลายสมัยปัจจุบันรัฐอิสราเอลได้อนุรักษ์เมืองนี้ไว้ แล้วอนุญาตให้ศิลปิน พักอาศัย ทำงานสร้างสรรค์ และขายผลงานของตนเองแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน ให้ท่านได้ชม หอนาฬิกา (The Clock Tower)ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเมือง จัฟฟา เป็น 1 ใน 7 ของหอนาฬิกาที่ถูกสร้างโดยพวกออตโตมานที่เข้ามาปกครองในบริเวณนี้ ถูกสร้างขึ้น โดยสุลต่านอับดุล ฮามิด ที่ 2 ในราวปี ค.ศ.1900-1903 ส่วนที่เหลืออีก 6 แห่ง คือที่ซาเฟ็ด, เอเคอร์, นาซาเรธ,ไฮฟา, นาบลุส และเจรูซาเล็ม ซึ่งทั้งหมดได้เสียหมด บนหอนาฬิกาเรือนนี้ยังใช้งานได้ดี และที่ด้านบนจะมีแผ่นหินสลักเป็นที่ระลึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้เมืองนี้ในปี ค.ศ.1948 จากนั้น ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เลือกซื้อของฝากที่ตลาดซึ่งมีอยู่หลายแห่งในเมืองนี้ เช่นตลาดเบซาเลล และที่ตลาดคาร์เมล/ชุค ฮา คาร์เมล ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเป็นตลาดที่น่าเดินเล่นซึ่งจะเต็มไปด้วยผู้คนและมีสิ่งของจำหน่ายมากมายที่คุณจะหาซื้อสิ่งของได้ในราคาที่ถูก พวกเครื่องเทศ ผลไม้แห้ง น้ำมันมะกอกและลูกมะกอก และสิ่งของต่างๆอีกมากมายหลายอย่าง |
19.00 น. | นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินเบนกูเรียน เพื่อตรวจเอกสารการเดินทาง (ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม.เนื่องจากเป็นสนามบินที่มีการตรวจกระเป๋า และสิ่งของต่างๆ อย่างละเอียดและเข้มงวดมาก) รับประทานอาหารเย็น แบบกล่องที่สนามบิน(เคบับ) |
23.20 น. | ออกเดินทางจาก เทล อาวีฟ สู่ ทาชเค้นท์ โดยเที่ยวบินที่ HY-304 (รับประทานอาหาร และพักผ่อนบนเครื่องบิน) |
วันที่ 8 | ทาซเค้นท์ - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
05.55 น. | เดินทางมาถึง สนามบินนานาชาติกรุงทาชเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถาน |
09.20 น. | ออกเดินทางจากทาชเค้นท์ สู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ HY-533 |
17.20 น. | เดินทางมาถึง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพ ฯ โดยสวัสดิภาพ |
การเดินทางเป็นครอบครัว
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel