อิหร่าน (Iran) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สารารณรัฐอิสลามอิหร่าน (The Islamic Republic of Iran)"
เป็นประเทศในเอเซียตะวันตกเฉียงใต้ มีแดนติดกับประเทศอาร์มีเนียและประเทศอาเชอร์ใบจานทางทิศตะวันตกเตียงเหนือ
ติดประเทศคาซัคสถานและรัสเซียโดยมีทะเลแคสเปียนคั่น ติดประเทศเติร์กเมนิสถานทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ติดประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถานทางทิศตะวันออก ติดอ่าวเปอรเซียและอ่าวโอมานทางทิศใต้
และติดประเทศตุรกีและประเทศอิรักทางทิศตะวันตก เป็นประเทศใหญ่ที่สุดอันดับที่สองในตะวันออกกลาง
และอันดับที่ 18 ในโลก ประเทศอิหร่านเป็นที่ตั้งของอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
อิหร่านเป็นประเทศที่น่าเที่ยวประเทศหนึ่งเนื่องจากมีสถานที่ที่สวยและมีประวัติศาสตร์น่าค้นหา
จนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกหลายแห่ง
รหัสทัวร์ | วันที่เดินทาง | เดินทางโดย | ราคา | สถานะ |
---|---|---|---|---|
DE000-002 | 07-14 ก.พ. 68 | Mahan Air (W5) | 69,900 | จองด่วน |
DE000-003 | 05-12 มี.ค. 68 | Mahan Air (W5) | 69,900 | จองด่วน |
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
19.00 น. | คณะเดินทางพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เคาเตอร์เช็คอินของ สายการบินมาฮานแอร์ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก โดยจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับท่าน |
22.00 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดย สายการบินมาฮานแอร์ เที่ยวบินที่ W5-050 “มารู้จักประเทศอิหร่าน” เมืองแห่งวัฒนธรรมเปอร์เซีย หรือ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เป็นประเทศใหญ่ที่สุดอันดับที่สองในตะวันออกกลางและอันดับที่ 18 ในโลก เป็นประเทศเดียวที่มีชายฝั่งทะเลแคสเปียนและมหาสมุทรอินเดีย เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายที่มีกลุ่มชาติพันธุ์และภาษาต่าง ๆ มากมาย เปอร์เซียที่ใหญ่ที่สุดอิหร่านเป็นที่ตั้งของอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก “อิหร่าน” จะน่ากลัวไหม!! ในความเป็นจริง แล้วอิหร่านเป็นประเทศที่น่าเที่ยวประเทศหนึ่งเลยเพราะมีแลนด์มาร์คที่สวยและมีประวัติศาสตร์มากมาย จนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกหลายแห่ง และผู้คนอิหร่านก็น่ารักมากก เวลาที่อิหร่านช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง 30 นาที |
วันที่ 2 | เตหะราน - คาชาน - หมู่บ้านอะบียาเน่ห์ - อิศฟาฮาน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
02.10 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอิหม่ามโคมัยนี (IKA) ซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงเตหะรานประมาณ 35 กิโลเมตร (สุภาพสตรีกรุณาคลุมผมให้เรียบร้อยก่อนลงจากเครื่อง) เมื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักในสนามบิน |
พักที่ | Remix Airport Hotel Tehran หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองคาชาน (Kashan) ระยะทาง 230 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที คาซาน..เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่ประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ตัวเมืองที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 11-13 สมัยที่พวกเซลจุกเติร์กมีอำนาจปกครองเหนืออาณาจักรเปอร์เซีย (ประมาณ ปี 1051-1220 ) และเมืองนี้เริ่มมีชื่อเสียงทางด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ และการทอผ้า ทอพรม ต่อมาในยุคการปกครองของราชวงศ์ซาฟาวิดที่การค้าขยายตัวเป็นอย่างมากนั้นก็ยิ่งทำให้เมืองคาชานเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นไปอีกชมคฤหาสน์เศรษฐีชื่อ Borujerdi Ancient House ที่มีมาตั้งแต่ยุคที่เมืองคาชานเคยรุ่งเรืองบนเส้นทางการค้าในอดีตสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย (ศตวรรษที่ 16-18) ซึ่งเป็นยุคที่การค้ารุ่งเรืองสูงสุด และเมืองคาชานก็เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งยุคที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง มีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย คฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนยุคปัจจุบันให้ได้ย้อนรอยระลึกถึงความมั่งคั่งในอดีต |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เมื่อถึงแล้วนำท่านชม ตำหนักสวนฟิน (Fin Garden) ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ซาฟาวิดเมื่อสี่ร้อยกว่าปีที่แล้วที่ร่มรื่นสวยงามด้วยการตกแต่งในแบบสวนเปอร์เซียที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน นำท่านชม โบรูเจอร์ดีเฮ้าส์ (Borujerdi House) คฤหาสน์หลังนี้ ได้ถูกสร้างขึ้ นโดยพ่อค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองคาชาน ชื่อว่า ฮัจ เซเยส จาฟาร์ นาทานซี เพราะว่าได้ทำการส่งสินค้าออกไปยังเมืองบรูเจอร์ดี บ้านหลังนี้ ได้ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1875 ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 18 ปี ภายในประกอบไปด้วยสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ และตัวบ้านมีลักษณะเป็นช่องลมเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท และหมุนเวียนอีกทั้งยังท าการตกแต่งลวดลายฝาผนังด้วยการแกะสลักปูนปั้น และทาสีให้มีความสวยงามตามแบบลักษณะของอิหร่าน นำท่านชม โรงอาบน้ำสุลต่านอาเมียร์ อาห์เหม็ด (Sultan Amir Ahmad Bathhouse) โรงอาบน้ำแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษ 16 ตรงกับสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดแห่งจักรวรรดิเปอร์เซีย ในอดีตทุก ๆ เมืองประกอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสำคัญทั้งหมด 5 อย่าง ได้แก่ มัสยิด ย่านการค้า บ้านเรือน โรงอาบน้ำ และอ่างเก็บน้ำ ซึ่งถือว่าโรงอาบน้ำแห่งนี้เป็นโรงอาบน้ำสาธารณะที่มีความสำคัญมากของเมืองคาชานสำหรับชาวเปอร์เซียนอกจากจะเข้ามาชำระร่างกายแล้ว โรงอาบน้ำยังเป็นสถานที่ในการเข้ามาพบปะพูดคุยไปจนถึงการกระจายข่าวลืออีกด้วย ซึ่งภายในโรงอาบน้ำเป็นหลังคาก่ออิฐทรงโดมประดับประดาด้วยกระเบื้องสีฟ้าครามและสีทองที่มีการทำลวดลายอันวิจิตรงดงามเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นจนไม่อาจละสายตา โดยโรงอาบน้ำมีการแบ่งเป็นสัดเป็นส่วน ได้แก่ ซาร์บิเนห์ (Sarbineh) เป็นโซนห้องแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือนั่งพักผ่อนหย่อนใจ บริเวณนี้จะเป็นห้องโถงแปดเหลี่ยมที่มีสระน้ำพุแปดเหลี่ยมตั้งอยู่ตรงกลาง ต่อมาคือ การ์มคาเนห์ (Garmkhaneh) เป็นส่วนหลักของโรงอาบน้ำที่ให้ผู้คนเข้าไปชำระร่างกาย ขัดผิว หรือนวดเพื่อผ่อนคลายร่างกาย และ คาซิเนห์ (Khazineh) เป็นโซนสุดท้ายของการอาบน้ำในการล้างเนื้อล้างตัวก่อนอาบน้ำเสร็จ นอกจากภายในโรงอาบน้ำที่มีความหรูหราแล้ว หลังคาของโรงอาบน้ำแห่งนี้ก็มีความโดดเด่นเช่นเดียวกัน โดยบริเวณโดมของหลังคามีการเจาะรูวงกลมประดับด้วยกระจกนูนเพื่อใช้เป็นช่องแสงส่องเข้ามาภายในโรงอาบน้ำให้มีความสว่าง และยังสามารถขึ้นมายังบนหลังคาเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของเมืองคาชานจากมุมสูงได้อีกด้วย! ปัจจุบันโรงอาบน้ำสุลต่านอาเมียร์ อาห์เหม็ดกลายเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของอิหร่าน ที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันเก่าแก่ของชาวเปอร์เซีย เดินทางต่อสู่ หมู่บ้านอะบียาเน่ห์ (Abyaneh Village) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งซ่อนตัวอย่างเงียบสงบอยู่บนเทือกเขาซาโกรซที่ระดับความสูง 1,850 เมตรที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม และบ้านทุกหลังยังคง สร้างด้วยดินเหนียวเช่นเดียวกับในอดีตเมื่อสองพันปีที่แล้วทำให้บ้านทุกหลังมีสีสันสวยงามออกโทนสีชมพู-แดงด้วยสีธรรมชาติของดินสวยงามไปทั้งหมู่บ้าน เดินทางต่อสู่ เมืองอิศฟาฮาน (Isfahan) ใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เมืองอิศฟาฮานเป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียแห่งยุคที่มีความรุ่งเรืองสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในศตวรรษ ที่ 17-18 ซึ่งอาณาจักรเปอร์เซียมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาฟาวิดซึ่งเป็นชาวเปอร์เซียแท้ และเมืองหลวงอิศฟาฮานก็กลายเป็นทั้งเมืองศูนย์กลางการปกครองและเมืองศูนย์กลางทางการค้าจนได้รับฉายาว่า “Esfahan is half of the world” ใครต้องการสินค้าอะไรก็ต้องไปซื้อหากันที่อิศฟาฮานยิ่งกว่านั้นยังเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรเปอร์เซียได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรต่างๆ รวมทั้งสยามซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | Piroozy Hotel Isfahan หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 3 | อิศฟาฮาน (เต็มวัน) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองอิศฟาฮานซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบจัตุรัสอิหม่ามใจกลางเมือง (กรุณาเตรียมของใช้ส่วนตัวให้ครบถ้วนก่อนลงจากรถ เพราะรถจะมารับอีกครั้งหนึ่งในช่วงเย็น) นำท่านชม โบสถ์แวงค์ (Vank Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์นิกายออโธด็อกซ์ของชาวอาเมเนียน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกว่า เหตุใดจึงมีโบสถ์คริสต์ตั้งอยู่ในอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซีย ซึ่งได้กลายเป็นประเทศมุสลิมอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1501 ในสมัยกษัตริย์ชาห์อีสมาอิล กษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์ซาฟาวิดที่ปกครองเปอร์เซียในสมัยนั้น นี่คือสิ่งที่แปลกและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนที่ชื่อ “นิวจุลฟา” ของชาวอาร์เมเนียนที่ทับซ้อนอยู่ในตัวเมืองอิศฟาฮานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โบสถ์แวงค์แม้ขนาดไม่ได้ใหญ่โตโอฬารนัก และเทียบกันไม่ได้เลยกับมัสยิดอิหม่าม แต่ทว่าภาพเขียนฝาผนังด้านในของโบสถ์นั้นโดดเด่นและสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีอาคารที่อยู่ข้างตัวโบสถ์อีกหลังหนึ่ง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของชาวอาร์เมเนียนที่อพยพโยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ที่นี่อีกด้วย นําท่านชม จตุรัสนักช์อี ญะฮัน (Naqsh-e-Jahan Square) หัวใจอันงดงามของ อิศฟาฮาน เป็นที่รู้จักกันเป็นอิหม่ามสแควร์สร้างขึ้นระหว่างปี 1598 -1629 เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สําคัญและเป็นหนึ่งในยูเนสโก จัตุรัสนี้แสดงอยู่ด้านหลังธนบัตรอิหร่าน 20,000 เรียล มัสยิดอิหม่าม (Imam Mosque) ตั้งอยู่ปลายสุดทางด้านทิศใต้ของจัตุรัส เป็นหนึ่งในมัสยิดที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเริ่มสร้างในปี 1611 สมัยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 และเสร็จสมบูรณ์ในอีก 4 ปีต่อมา นอกจากขนาดที่ใหญ่โตโอฬารแล้ว ยังเป็นมัสยิดที่มีองค์ประกอบทางด้านสถาปัตย์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะโดมประธานขนาดมหึมาที่สร้างคร่อมกันเป็นสองชั้นขนานกันตลอดทุกตารางนิ้ว ซึ่งมีผลต่อการระบายอากาศและการกระจายของเสียงผู้นำสวดให้แผ่ออกไปจนได้ยินอย่างชัดเจนในทุกซอกทุกมุมของมัสยิดโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เข้าชม มัสยิด ชีค ล็อตฟุลเลาะห์ (Sheikh Lotfollah Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้นที่จะเข้ามาทำการละหมาดได้ สร้างโดยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ระหว่างปี 1602-1619 ขึ้นชื่อว่าวิจิตรสวยงามที่สุดในการตกแต่งภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โดมประธานซึ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ นำท่านชม พระราชวังอะลี คาปู (Ali Qapu Palace) สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของจัตุรัสอิหม่าม เป็นอาคาร 6 ชั้น ที่ใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างบนชั้น 3 ของพระราชวังสร้างเป็นห้องโถงใหญ่และมีระเบียงหันหน้าเข้าหาจัตุรัสอิหม่ามสำหรับพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ไว้ประทับทอดพระเนตรการละเล่นต่างๆ และปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพมุมสูงที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทุกมุมและทุกอย่างที่อยู่บนจัตุรัสได้อย่างชัดเจน จากนั้นให้ท่านได้มีเวลาในการช้อปปิ้งเลือกซื้อของที่ระลึกที่ Qeysarieh Bazaar จนกระทั่งถึงเวลานัดหมาย ชมและถ่ายภาพกับ สะพานคาจู (Khaju Bridge) อันเป็นสะพานข้ามแม่น้ำสายันเดอร์รูทและมีตำหนักที่ประทับของกษัตริย์อยู่กึ่งกลางตัวสะพาน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | Piroozy Hotel Isfahan หรือเทียบเท่า (คืนที่ 3) |
วันที่ 4 | อิศฟาฮาน - เมย์บ็อด - ยาดซ์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านไปยัง เมืองเมย์บ็อด (Meybod) อันเป็นเมืองเก่าแก่อีกเมืองหนึ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง แวะชม ปราสาทนาริน (Naryn Castle) ซึ่งนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าในบริเวณนี้คือที่ตั้งหลักแหล่งของคนยุคบรรพกาลตั้งแต่ประมาณ 4,000 ปี ก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว และป้อมปราการแห่งนี้สร้างคร่อมบนที่ตั้งหลักแหล่งเดิมตั้งแต่ประมาณ 800-900 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคกษัตริย์โซโลมอนแห่งอาณาจักรยูดาย ส่วนป้อมปราการที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้สร้างขึ้นใหม่ในยุคซัสซาเนียนของเปอร์เซียนี้เอง |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองยาซด์ (Yazd) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นอดีตเมืองศูนย์กลางการค้ายุคโบราณในถิ่นทะเลทรายที่สำคัญที่สุดตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบัน นำชม หอคอยแห่งความเงียบ (Tower of Silence) เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพตามหลักศาสนาโซโลอัสเตอร์ ซึ่งในสมัยอดีตจะเน้นการวางศพให้เป็นอาหารนกแร้งกา เเต่ในปัจจุบันได้หันมาใช้วิธีฝังสุสานคอนกรีตเเทน เพื่อรักษาความบริสุทธ์ของธาตุดินไว้ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism)…มีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่นามอาหุระ มาซดะ (AhuraMazda) ผู้สร้างทุกสิ่ง นอกจากนั้นพวกเขายังเชื่อว่าทุกอย่างในโลกมีสองด้านคู่กัน มีเทพเจ้าแห่งความดีที่คอยบันดาลแสงสว่าง ความสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันก็มีเทพเจ้าแห่งความชั่วที่ให้กำเนิดความมืด ความทุกช์ และความอดอยาก ด้วยเหตุนี้ทุกสิ่งจึงมีคู่ตรงข้าม ดำ-ขาว มืด-สว่าง หรือดี-ชั่ว และทั้งสองขั้วต่างกำลังต่อสู้กันตลอดเวลา อีกชื่อเรียกหนึ่งของศาสนานี้คือ ศาสนาบูชาไฟ เนื่องจากสัญลักษณ์ของศาสนานิยมใช้รูปของศาสดาโซโรอัสเตอร์ และคบไฟในกระถาง ไฟคือสัญลักษณ์ของพระเจ้า และการจุดไฟขึ้นช่วยให้ชาวโซโรอัสเตอร์อุ่นใจว่ามีเทพเจ้าอยู่กับตน และจะคอยช่วยปัดเป่าความทุกข์ออกไป ทั้งยังต้องคอยระวังไม่ให้ไฟในกระถางดับเพื่อบูชาพระเจ้าอยู่เป็นนิจ หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าในอดีตศาสนาโซโรอัสเตอร์เป็นที่นับถือในหลายอาณาจักรบนเส้นทางสายไหม จากการขุดค้นภาพเขียนพิธีกรรมของนักบวชในศาสนาที่มาพร้อมกับกระถางบูชาไฟ อีกหนึ่งความโดดเด่นของศาสนานี้คือพิธีกรรมการทำศพ พวกเขาถือกันว่าศพคนตายคือสื่ง สกปรก ดังนั้นชาวโซโรอัสเตอร์จะไม่ยอมเผาศพหรือฝังลงดิน การทำพิธีศพจึงเป็นไปในรูปแบบที่นำศพไปวางไว้บนหอคอยสูง เพื่อปล่อยให้นกมาจิกกินแทน ชาวโซโรอัสเตอร์นับถือธรรมชาติรอบตัว พวกเขาจึงไม่อยากให้ทั้งดินและน้ำที่ต้องพึ่งพาอยู่อาศัยมาสกปรกไปด้วย ส่วนโลกหลังความตายความเชื่อของพวกเขาคล้ายคลึงและเชื่อกันว่าอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ศาสนาอื่นที่เกิดตามมา เมื่อใครสักคนเสียชีวิต วิญญาณของเขาจะต้องข้ามสะพานแห่งการแก้แค้น และรับคำพิพากษา วิญญาณที่ดีจะได้ไปพบพระเจ้า ส่วนวิญญาณชั่วจะต้องลงนรก ศาสนาโซโรอัสเตอร์เจริญงอกงามอยู่ในดินแดนเปอร์เซียได้ราว 1,000 ปีก็เสื่อมลง เนื่องจากถูกศาสนาอื่นๆ รุกราน และบังคับให้ผู้คนเปลี่ยนมานับถือศาสนาใหม่ ปัจจุบันศูนย์กลางของโซโรอัสเตอร์อยู่ที่เมืองบอมเบย์ ประเทศอินเดีย คาดกันว่ามีผู้นับถือศาสนานี้หลงเหลืออยู่ราว 180,000 คน นำท่านชม มัสยิดประจำเมืองยาซด์ (Masjid-e Jameh) ซึ่งมีเสามินาเร่ห์ที่สูงถึง 48 เมตรสูงที่สุดในอิหร่าน สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยคร่อมลงไปบนมัสยิดหลังเดิมที่สร้างมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 12 จากนั้นชมจัตุรัสกลางเมืองที่เรียกว่า อามียร์ ชัคมัค(Amir Chackhmaq Complex) ซึ่งเป็นทั้งลานเอนกประสงค์ประจำเมืองและเป็นแลนด์มาร์คในการพบปะสังสรรค์และจุดถ่ายรูปที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเห็นภาพของซุ้มประตูที่สวยงาม เห็นหอดักลมที่อยู่ในเขตเมืองเก่าและมัสยิดเก่าแก่ประจำเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดบาซาร์เก่าซึ่งชาวเมืองยังคงมาจับจ่ายซื้อข้าวของอยู่เป็นประจำดังเช่นในอดีต |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | Moshir Garden Hotel Yazd หรือเทียบเท่า (คืนที่ 4) |
วันที่ 5 | ยาดซ์ - เปอร์ซีโปลิส - ชีราส |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นออกเดินทางสู่ เปอร์ซีโปลิส (Persepolis) ระยะทาง 390 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 30 นาที เปอร์ซีโปลิส...เมืองหลวงในนามของจักรวรรดิอาเคเมนิด ตั้งอยู่ในที่ราบของ Marvdasht ซากปรักหักพังที่เก่าแก่ที่สุดที่มีการค้นพบมีอายุย้อนกลับไปถึง 515 ปีก่อนคริสต์กาล หมู่โบราณสถานแห่งเปอร์เซเปอลิสเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญยองสถาปัตยกรรมแบบอาเคเมนิด ยูเนสโกประกาศให้ซากปรักหักพังแห่งเปอร์เซเปอลิสเป็นแหล่งมรดกโลกในปี 1979 |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม เปอร์ซีโปลิส (Persepolis) ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าไซรัสมหาราช (Cyrus The Great) ผูู้ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์อาคิเมนิด (Achaemenid Empire) แต่ทว่าพระนครแห่งนี้ก็ได้ถูกทำการสถาปนาขึ้นมาเป็นเมืองหลวงและก็ศูนย์กลางการปกครอง ในช่วงรัชสมัยขององค์พระเจ้าดาริอุสมหาราช (Darius The Great) ผู้ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระเจ้าเซอร์เซสมหาราช (Xerxes The Great) พระราชวังเปอร์ซีโปลิส (Persepolis Palace) ก็ได้กลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ์อาคิเมนิดแห่งเปอร์เซียตั้งแต่ในช่วงปีที่ 550 - 330 ก่อนคริสตกาล พระราชวังเปอร์ซีโปลิส (Persepolis Palace) ได้ถูกทำลายด้วยการโจมตีของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ในปีที่ 330 ก่อนคริสตกาล หลังจากการที่พระองค์ทรงมีชัยชนะเหนือกองทัพของพระเจ้าดาริอุสที่ 3 แห่งแผ่นดินเปอร์เซีย ที่ศึกกัวกาเมล่า (Guagamela) ในช่วงปีที่ 334 ก่อนคริสตกาล แต่เดิมทีพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ได้ทรงเก็บรักษาเมืองนี้เอาไว้ หลังจากทรงพิชิตได้ ก็ด้วยเพราะความสวยงามของพระนครที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างวิจิตรการตา ดุจดั่งเทวสถานที่สร้างขึ้นโดยเหล่าเทพเจ้า อันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการสะสมความรํ่ารวยในทางศิลปะมานับตั้งแต่สมัยของพระเจ้าไซรัสมหาราช ผู้ซึ่งเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์อาคิเมนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาราชวังแห่งอปาดาน่า (Apadana Palace) และในมหาศาลาท้องพระโรง (The Throne Hall) ซึ่งก็ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรโอฬารเพื่อเป็นที่ประทับออกว่าราชการของกษัตริย์แห่งราชวงศ์อาคิเมนิด กษัตริย์ผู้ที่ซึ่งได้รับการประกาศขนานพระสมัญญานามจากเหล่าหัวเมืองประเทศราชทั้งปวงของจักรวรรดิ์ว่า "ราชาแห่งจอมราชันย์" (The King of Kings) ซึ่งได้สร้างขึ้นมาในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าดาริอุสมหาราช (Darius The Great) และได้ถูกทำให้ยิ่งใหญ่โอฬารมากกว่าเดิมในรัชสมัยของพระเจ้าดาริอุสที่ 3 (Darius III)พระราชวังเปอร์ซีโปลิส (Persepolis Palace) ถูกเผาทำลายในคืนที่สาม หลังจากพระเจ้าอเล็ซานเดอร์มหาราชทรงพิชิตพระนครแห่งนี้ได้ ก็มีกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มทหารชาวกรีก) ได้ลอบเข้ามาขโมยสมบัติแห่งราชวงศ์ พร้อมด้วยได้ทำการวางเพลิงเผาพระราชวัง ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ ชาวกรีกถือว่าเป็นการล้างแค้นที่เมื่อในครั้งหนึ่ง กองทัพเปอร์เซียของพระเจ้าเซอร์เซสมหาราช ได้กรีฑาทัพบุกยึดนครเอเธนส์และก็ได้เผาทำลายเมือง พร้อมกับทำลายวิหารแห่งเทพีอาเธน่าแห่งเขาอะโครโพลิส ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของชาวเอเธนส์ ในสงครามเปอร์เซีย-กรีกครั้งที่ 2 นำท่านชม นครหลังความตาย นัค-เช รอสตัม (Naqsh-e rostam) หรือสุสานสี่กษัตริย์ นั่นเอง ที่นี่เป็นสุสานของพระมหากษัตริย์ แห่งราชวงศ์อะคามินิดที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เชีย และเคยประทับที่พระราชวังเปอร์ซีโปลิสมาก่อนที่จะสวรรคต แต่ด้วยความเชื่อตามหลักคำสอนของศาสนาโซโรแอสเตอร์ว่า หลังจากสิ้นชีวิตจากความเป็นมนุษยโลกแล้วชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อเพียงแต่จะต้องไปสู่อีกโลกหนึ่งในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องสร้างสุสานแห่งนี้ให้มีความยิ่งใหญ่อลังการ เช่นเดียวกับพระราชวังที่กษัตริย์เหล่านั้นเคยประทับมาก่อน และที่ไม่ธรรมดาก็คือเป็นสุสานที่ขุดเจาะเข้าไปเป็นห้องขนาดใหญ่บนหน้าผาหินซึ่งอยู่สูงจากพื้นถึง 20 เมตร และยังมีการแกะสลักหินส่วนหน้าให้มีความงดงามที่เปรียบเสมือนพระราชวังที่เคยประทับตอนมีพระชนม์ชีพ เดินทางสู่ ชีราส (Shiraz) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง นำท่านชม อนุสรณ์สถานของท่านฮาเฟซ (Hafez Tomb) ซึ่งเป็นทั้งนักปราชญ์ นักประพันธ์และนักการศาสนาคนสำคัญของอาณาจักรเปอร์เซียในช่วงคริสตศตวรรษที่ 14 โดยท่านเกิดเมื่อปี 1315 ในเมืองชีราซและเสียชีชิตเมื่อปี 1390 ที่เมืองชีราซเช่นเดียวกัน และอนุสรณืสถานของท่านถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1452 และสร้างเพิ่มเติมอีกครั้งในปี 1773 พร้อมกับปลูกไม้ดอกไม้ประดับในสวนโดยรอบอย่างสวยงาม จากนั้นไปชมและถ่ายภาพกับป้อมปราการใจกลางเมืองชีราซคือป้อมการิมข่าน (Karim Khan Citadel) ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ Karim Khan Zan ในราชวงศ์ซันแห่งเปอร์เซียในช่วงปี 1751-1779 และปิดท้ายรายการของวันนี้ที่ Vakil Bazar ซึ่งเป็นตลาดพื้นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเมืองชีราซ และมีบรรยากาศคึกคักในช่วงเย็นๆ ของทุกวัน นำท่านชม สุเหร่า Ali Ibn Hamza Shrine สุเหร่าและสถานที่ฝังศพของสองพี่น้องอาหมัดและมูฮัมหมัด ลูกชายของอิหม่ามคนที่ 7 ของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ภายในโดมสุเหร่ามีการตกแต่งด้วยกระจกทั้งหลังอย่างสวยงาม |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | Elizeh Hotel Shiraz หรือเทียบเท่า (คืนที่ 5) |
วันที่ 6 | ชีราส - เตหะราน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านชม มัสยิดสีชมพู (Nasir-Ol Molk) ซึ่งเป็นมัสยิดที่สวยงามแปลกตามากเพราะประดับไปด้วยกระเบื้องโทนสีแดง-ชมพู-เหลือง เป็นสีหลัก มีเพียงแห่งเดียวในอิหร่าน ไม่ว่าท่านจะมองจากมุมไหน มัสยิดแห่งนี้จะออกสีชมพู ดูสวยงาม อ่อนหวาน ความสวยขนาดที่ได้รับเลือกให้เป็นภาพปกหนังสือ ตอนย้อนรอย อารยัน ของนักเขียนนาม เชนทร์ ชนะการณ์ มาแล้ว ข้างในกว้างขวาง ใหญ่โตไม่ว่าจะมองมุมไหน ชม สวนอีแรม (Eram Garden) สวนที่สวยงามราวกับสวนสวรรค์ เป็นสวนที่ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับและไม้ยืนต้นหลากหลายชนิด เป็นการจัดสวนแบบเปอร์เซียที่งดงามยิ่ง ภายในสวนยังมีตำหนักเก่าของผู้ปกครองเมืองชีราช ราชวงศ์กอจาร์ (Qajars) สร้างโดยข่านโมฮัมหมัดอาลี เมื่อต้นศตวรรษที่ 18 ซึ่งทิ้งร่องรอยแห่งความสวยงามไว้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชมจากด้านนอก ป้อมคาริมข่าน (Karim Khan Citadel) ป้อมคาริมข่าน สร้างโดยท่านคาริมข่านผู้สถาปนาราชวงศ์ zand เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงตระหง่าน มีหอคอยทรงกลม 4 หอ อดีตเคยใช้เป็นเรือนจำ เข้าไปข้างในจะพบร่มเงาของต้นไซทริสและความเย็นจาก สระน้ำ และพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมสิ่งของของราชวงศ์ในยุคสมัยราชวงศ์ zand นำท่านชม Vakil Barzaar ตลาดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก ยาวเกิน 10 กิโลเมตรเป็นที่ตั้งของร้านค้าพรม เครื่องเทศ ของใช้ในครัวเรือน สะดุดตากับร้านน้ำชา สวน โรงอาบน้ำ เป็นสถาปัตยกรรมเพดานโค้งแบบ zand ในศตวรรษที่ 18 บรรยากาศเย็นสบายเหมือนเมืองย่อมๆอีกเมืองมีร้านมัสยิด โรงแรม ธนาคาร สุสาน ครบจบในที่เดียว มัสยิดวาคิล (Vakil Mosque) เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างใจกลางเมืองแห่งใหม่ของกษัตริย์คาริม ข่าน ผู้ทรงเลือกให้เมืองชีราซ (Shiraz) เป็นเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิเปอร์เซียในยุคสมัยของพระองค์ อันเป็นเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองและอาคารอันล้ำค่ามากมายเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เดินทางสู่ สนามบินเมืองชีราส ออกเดินทางสู่ เตหราน โดยสานการบินในประเทศเที่ยวบินที่ ............. เดินทางถึง เตหราน นำท่านชม หอคอยออซอดี (Azadi Tower) แปลว่า หอคอยอนุสรณ์ชาห์ เป็นอนุสรณ์ตั้งอยู่ที่จัตุรัสออซอดีในหอคอยมีความสูงประมาณ 45 เมตร (148 ฟุต) และภายนอกทั้งหมดหุ้มด้วยหินอ่อน หอคอยสร้างขึ้นตามพระราชโองการของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ชาห์พระองค์สุดท้ายแห่งอิหร่าน เพื่อเฉลิมฉลอง 2,500 ปีของจักรวรรดิเปอร์เซีย หอคอยสร้างเสร็จในปี 1971 |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักที่ | Ferdowsi Hotel Tehran หรือเทียบเท่า (คืนที่ 6) |
วันที่ 7 | เตหะราน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านเที่ยวชม พระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace) ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งหลังการปฏิวัติโดยอิหม่ามโคมัยนี พระราชวังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกปล่อยทิ้งร้างอย่างน่าอัปยศอดสูเช่นเดียวกับวังแห่งอื่นๆ เพิ่งจะมีการบูรณะเมื่อเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งราวๆ ห้าปีที่ผ่านมานี่เอง อย่างไรก็ตามวังแห่งนี้ก็ยังคงความงดงามในการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมแบบเพชรที่สุดอลังการ และการตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีสีสันและลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะยุคกอญัร ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาได้ในทุกตารางนิ้วของพระราชวังแห่งนี้ก็ด้วยพระปรีชาของกษัตริย์องค์หนึ่งของ ราชวงศ์กอญัรคือ Nasser Al-Din Shah (1848-1896) ที่โปรดให้สร้างและตกแต่งพระราชวังโกเลสตานให้เป็นพระราชวังหลวงประจำราชวงศ์ ตามศิลปะแบบยุโรปที่ท่านเคยเสด็จประพาสมาก่อนหน้านั้น |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอิหร่าน (National Museum Of Iran) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดทำการและจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ มาแล้วกว่า 70 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกที่มีโบราณวัตถุหลายยุคหลายสมัยจัดแสดงไว้ที่นี่มากกว่า 300,000 ชิ้น ซึ่งตกทอดมาจากยุคสมัยและอาณาจักรต่างๆ ที่เกิดตั้งแต่ก่อนอาณาจักรเปอร์เซีย เช่น เมืองเอ็กบาตานาของอาณาจักรมีดีส เมืองซูซ่าของของอาณจักรอีแลม จนกระทั่งมาถึงเปอร์เซียในยุคแรกที่เรียกว่ายุคอะคามินิด ต่อมายังยุคซัสซาเนียน ยุคซาฟาวิด จนกระทั่งถึงยุคกอญัร นำท่านชมกรุอภิมหาสมบัติแห่งชาติอิหร่านที่ พิพิธภัณฑ์อัญมณี (Jewelry Museum) ซึ่งอัญมณีจากทุกยุคทุกสมัยของกษัตริย์ทุกราชวงศ์ที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซียในอดีตจำนวนมากมายนั้น ล้วนถูกเก็บไว้ในสถานที่แห่งนี้จนเรียกได้ว่าเป็นกรุอภิมหาสมบัติที่มีจำนวนมากมายและมโหฬารที่สุดในโลก จากนั้นแวะชมและถ่ายภาพกับสะพานที่สวยที่สุดในอิหร่านและภูมิภาคตะวันออกกลางนั่นก็คือ ซึ่งสร้างคร่อมทางด่วนสาย Modares Highway ซึ่งทำให้เป็นจุดชมวิวยอดนิยมของกรุงเตหะรานไปทันทีที่เปิดใช้เมื่อปี ค.ศ. 2014 และมีความยาว ถึง 270 เมตร |
17.00 น. | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
17.30 น. | เดินทางสู่สนามบิน |
21.40 น. | ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินมาฮานแอร์ เที่ยวบิน W5-051 |
วันที่ 8 | กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
07.50 น. | นำท่านเดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 69,900 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 9,500 บาท |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 69,900 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 9,500 บาท |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel