วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - ทาซเค้นท์ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
18.00 น. | พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว S เคาน์เตอร์สายการบิน อุซเบกิสถาน แอร์ไลน์ (HY) ประตูทางเข้าที่ 8-9 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ฯ คอยให้การต้อนรับ ตรวจเอกสาร และสัมภาระ |
21.40 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองทาซเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถาน โดยเที่ยวบิน HY 534 (ใช้เวลาบินประมาณ 06.30 ชั่วโมง) (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน) |
02.30 น. | เดินทางมาถึง สนามบินเมืองทาซเคนท์ ผ่านพิธีตรวจเอกสารคนเข้าเมืองและศุลกากร เมืองทาซเค้นท์ (Tashkent) เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ทางทิศ ตะวันออกของประเทศ มีความหมายว่า เมืองแห่งศิลา (The City of Stone) เป็นเมืองที่ใหญ่ประกอบไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมและเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมในเอเชียกลาง มีประชากรประมาณ 2 ล้านคนเป็นเมืองที่ถูกล้อมรอบด้วยประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล |
พักที่ | โรงแรม UZBEKISTAN HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | ทาซเค้นท์ - จัตุรัสอิสรภาพ - วังเจ้าชายแห่งโรมานอฟ - โรงละครอลิสเชอร์นาวอย - อนุสาวรีย์และจัตุรัสอาเมียร์ตีมูร์ - สุเหร่าจูมา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านไปชม ความสวยงามของเมืองหลวง ซึ่งเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่ยังคงเหลืออยู่ หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1966 เมืองนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมจากจีนสู่ยุโรป และหลังจากการปฏิวัติเมืองนี้กลายเป็นเมืองที่มีความทันสมัยออกแบบในสไตล์ของโซเวียต นำท่านชม จัตุรัสอิสรภาพ (Independence Square) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองของทาซเค้นท์ เริ่มมีการขึ้นในปี ค.ศ.1991 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นมาของอุซเบกิสถาน มีพื้นที่ที่เป็นแผ่นดินทองอันกว้างใหญ่มีคุณค่าในการเพาะปลูก ถึงแม้ว่าจะมีภูมิประเทศที่ไม่เหมือนที่ใดในโลกนี้ และยังเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนแห่งใหม่ที่เป็นส่วนร่วมของชุมชนบนโลกใบนี้ ชม อนุสาวรีย์ของแม่ที่มีความสุข (Happy Mother) ที่เป็นรูปปั้นแกะสลักที่มีความสูง 6 เมตร และตัวเด็กมีความยาว 3.5 เมตร ที่ได้แสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของแม่ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนได้กอดลูกที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไป ใบหน้าของแม่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกรุณาและดวงตาที่มีความสุขของชีวิต ที่ได้ให้กับเด็กน้อยที่เปรียบเสมือนกับชาวอุซเบหนุ่มสาวทุกคนที่ได้อยู่ในประเทศที่มีความเป็นอิสระ ซึ่งมีแม่ที่คอยให้ความปกป้องและคุ้มกันเหมือนกับสมบัติอันล้ำค่าที่จะต้องเติบโตต่อไปในอนาคต นอกจากนั้น บริเวณรอบๆยังมีสถานที่ราชการทีสำคัญและที่ทำงานของประธานาธิบดีและรัฐมนตรีต่างๆหลายกระทรวง (สถานที่สำคัญแห่งนี้ไม่สามารถถ่ายรูปได้) นำท่านเดินชมส่วนต่างๆ ของบริเวณนี้และต่อไปยังอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องผ่านชม คือ วังที่พักของเจ้าชายแห่งโรมานอฟ (Prince Romanov Residence) คือ นิโคไล คอนสแตนติโนวิช ซึ่งเป็นหลานชายของจักรพรรดิแห่งนิโคไล ที่ 1 ที่ได้เสด็จหนีออกมาอยู่ที่เมืองทาซเค้นท์ในปี ค.ศ.1877 เป็นวังที่ถูกสร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.1891 และอยู่ในวังแห่งนี้จนเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1918 ซึ่งเป็นที่พักชั้นเดียวแต่ถูกสร้างขึ้นอย่างมีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมในการออกแบบของ เบน๊อตและเกย์ท เซลแมน ที่ได้ออกแบบสร้างด้วยศิลปะอันทันสมัยที่ล้ำยุคแห่งกาลเวลา และภายในยังเต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยภาพแกะสลักภาพที่มีความสวยงาม นำท่านชมภายนอก โรงละครอลิสเชอร์ นาวอย (Alisher Navoi Opera and Ballet Theatre ) เป็นอนุสรณ์สถานที่มีชื่อเสียง และเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งของอุซเบกิสถาน เพื่อระลึกถึงนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีผลงานทางด้านการประพันธ์ ศิลปะ และดนตรี และที่สำคัญยังมีบทบาททางด้านการเมืองด้วย ถูกออกแบบสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1947 โดยสถาปนิกชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงอยู่ในกรุงมอสโคว์ ชื่อ อเล็กเซย์ ชูเซฟ (Aleksey Shchusev) ซึ่งเคยเป็นผู้ออกแบบที่ฝังศพของเลนิน มาก่อน และต่อมาได้ถูกสร้างจนเสร็จเรียบร้อยในกลางศตวรรษที่ 20 โดยใช้แรงงานชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งถูกจับเป็นเชลยศึกในสมัยของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในโรงละครแห่งนี้มี 6 ห้องโถง ซึ่งแต่ละห้องได้ถูกสร้างขึ้นตามวัฒนธรรมของเมืองต่างๆ และได้ตั้งชื่อตามเมืองนั้นๆ เช่น ห้องทาซเค้นท์ ห้องบูคาร่า ห้องโคเรซม ห้องซามาร์คานด์ ห้องเฟอร์กาน่า และห้องเทอร์เมซ นำท่านชม อนุสาวรีย์และจัตุรัสอาเมียร์ ตีมูร์ (Amir Timur Monument and Square) เป็นบริเวณที่สวยงามเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้และล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่มีสีสันสุดที่จะบรรยาย สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นอนุสาวรีย์ของรัฐบุรุษของชาติที่เป็นผู้ก่อสร้างอาณาจักรแห่งนี้ขึ้นมา ในสมัยของจักรวรรดิตีมูริด นอกจากนั้น บริเวณนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยตึกต่างๆ ซึ่งถูกสร้างสมัยต่างๆในระยะเวลา 300 ปี |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม โรงเรียนสอนศาสนาคูเคลดาสห์ (Kukeldash Madrassah) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคของศตวรรษที่ 16 โดยข้าหลวงคูเคลดาสห์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจและยังเป็นพี่น้องร่วมแม่นมกับบารัค ข่าน ผู้ปกครองแห่งเมืองทาซเค้นท์ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับจัตุรัสของการค้าขายของพวกที่เป็นกองคาราวาน และได้เป็นศูนย์กลางของชีวิตผู้คนในเมืองนี้ เป็นศูนย์กลางของพวกที่ใช้ฝีมือในการทำงาน เป็นศูนย์กลางการประกาศแจ้งข่าวของเจ้าเมือง เป็นศูนย์รวมแหล่งข่าวและข่าวลือ ที่สำคัญที่สุดเป็นสถานที่ที่ประหารชีวิตคนด้วย นำท่านชม สุเหร่าจูมา (Juma Mosque) หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า สุเหร่าของซาร์ (Tsar’s Mosque) สุเหร่าแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1451 โดยเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเชคห์ อูเบย์ดุลลา โคจา อาคห์เรอร์ (Sheikh Ubaydulla Khoja Akhror) ผู้เป็นมหาบุรุษแห่งลัทธิซูฟี ที่สืบสกุลมาจากผู้เผยแพร่ศาสนามุคฮามัด ต่อมาในศตวรรษที่ 19 ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและได้ทำลายสิ่งก่อสร้างเสียหายไปมากมาย แต่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยคำสั่งของจักรพรรดิของรัสเซีย อะเล็กซานเดอร์ที่ 3 ผู้ที่ได้แบ่งเงินจากคลังสมบัติของพระองค์เอง นำมาเป็นค่าก่อสร้างให้มีรูปลักษณ์สุเหร่าที่เป็นแบบดั้งเดิมทุกอย่าง จนกระทั่งในเวลานั้นสุเหร่านี้ได้ถูกเรียกว่า สุเหร่าของซาร์ แต่ต่อมาในปี ค.ศ.1997 ก็ได้พังลงมาอีก และก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นสุเหร่าอันดับที่สามของประเทศฯ รองมาจากบีบีคานุมที่ซามาร์คาน และหอคาลยานที่บูคาร่า นำท่านไปชม สถานีรถไฟใต้ดิน (The Tashkent Metro) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียง พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยตามรูปแบบที่สมบูรณ์ ที่เด่นชัด คือ สวยงาม ยั่งยืนทนทาน และใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด รถไฟใต้ดินนี้ได้ถูกออกแบบและก่อสร้างขึ้นมาภายหลังจากที่ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในปี ค.ศ.1966 ทำให้เมืองทาซเค้นท์ได้รับความเสียหาย และสิ่งต่างๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยให้กับการก่อสร้างและต้องพร้อมที่รับมือกับการเกิดแผ่นดินไหว การก่อสร้างสถานีรถไฟใต้ดินจึงถูกสร้างไม่ให้มีความลึกมากนัก และผู้โดยสารก็สามารถเดินลงบันไดไปได้ด้วยความสะดวกสบาย นำท่านไปชม ตลาดคอร์ซู (Chorsu Bazaar) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดที่ยิ่งใหญ่ในเอเชียกลางและบนเส้นทางสายไหม ที่อยู่ภายใต้โดม 7 โดม ซึ่งได้ถูกแบ่งเป็นแหล่งสินค้าต่างๆจากพ่อค้า เกษตรกรที่ขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ สัมผัสกับบรรยากาศแบบย้อนยุคอย่างที่เป็นในสมัยโบราณ แต่ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ให้ท่านได้พักผ่อน และสนุกกับการซื้อสินค้าในตลาดบาซาร์ที่มีผ้าแพรพรรณ พรม เครื่องทองเหลือง ผ้าขนสัตว์ เครื่องหนัง และสินค้าพื้นเมืองมากมาย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร |
พักที่ | UZBEKISTAN HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | ทาซเค้นท์ - บูคาร่า - โบโล เค้าซ คอมเพล็ก - ป้อมดิอาร์ค - หอโพลิ คัลยาน - โรงเรียนสอนศาสนา มิริ อาหรับ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม นำท่านออกเดินทางไปยัง สนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องไป เมืองบูคาร่า |
09.15 น. | ออกเดินทางจากทาซเค้นท์ สู่ เมืองบูคาร่า โดยเที่ยวบินที่ HY 037 |
10.25 น. | เดินทางมาถึง เมืองบูคาร่า ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมืองบูคาร่า (Bukhara) เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดบูคาร่า ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ในอดีตเป็นเมืองโบราณที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นบนเนินเขา สำหรับประกอบพิธีทางศาสนาในฤดูใบไม้ผลิ และยังเป็นเมืองที่กำเนิดงานเขียนของผู้ที่นับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์ เป็นที่อยู่ของบุคคลสำคัญ มีสุเหร่า อนุสาวรีย์ อนุสรณ์สถาน โรงเรียนสอนศาสนา ฯ และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองในเทพนิยาย และที่สำคัญเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าขายที่มีชื่อว่า เส้นทางสายไหม และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1993 |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม ที่ฝังพระศพของอีสมาอิล ซามานิดส์ (Ismail Samanids Mausoleum) ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าบริเวณสวนสาธารณะซามานี สร้างโดย กษัตริย์ซามานิดส์ ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ได้เคยปกครองอยู่ที่นครนี้ ในสมัยของอาณาจักรเปอร์เซียที่รุ่งเรืองที่ปกครองเอเซียกลาง ที่ฝังศพนี้สร้างในปี ค.ศ. 892 และสำเร็จในปี ค.ศ. 943 ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม นำท่านชม ที่ฝังศพของชัสห์มา อายุบ (Chashma Ayub) ซึ่งเป็นนักบุญที่เคยเดินทางมาที่เมืองนี้ และมีบ่อน้ำซึ่งเชื่อกันว่านักบุญอายุบ ใช้ไม้เท้าเนรมิตบ่อน้ำนี้เพื่อเป็นน้ำที่รักษาโรคได้ นำท่านไปชม โบโล เค้าซ คอมเพล็ก (Bolo Khauz Complex ) เป็นอาคารสุเหร่าในสมัยกลาง ถูกสร้างขึ้นไปปี ค.ศ.1712-1713 รูปแบบในการก่อสร้างประกอบไปด้วยเสาไม้ที่มีความสูงมาก อาคารด้านหน้ามีเสาไม้ประดับมากกว่า 20 ต้นรองรับดาดฟ้าหลังคา ต่อมาในปี ค.ศ.1917 ก็ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสุเหร่าอย่างเป็นทางการมาจนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ป้อมดิอาร์ค (The Ark Fortress) ซึ่งเป็นป้อมเก่าแก่สร้างในศตวรรษที่ 5 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเมื่อขึ้นไปด้านบนของป้อมจะสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างชัดเจน และกล่าวกันว่าครั้งหนึ่งในอดีต มีผู้อาศัยอยู่ในป้อมแห่งนี้ถึง 3,000 คน ตัวป้อมสามารถใช้เป็นเกาะกำบังสำหรับป้องกันศัตรูที่จะเข้ามารุกราน ป้อมแห่งนี้มีเนื้อทีกว้างใหญ่ประมาณ 25 ไร่ มีกำแพงล้อมรอบมีความยาวประมาณ 800 เมตร ส่วนของกำแพงมีความสูงถึง 16-20 เมตร ถูกสร้างด้วยอิฐหนาทึบและสูงใหญ่ ส่วนประตูมีซุ้มโค้งและหอคอยทั้งสองด้าน ซึ่งในอดีตภายในถูกใช้เป็นศูนย์กลางการปกครอง นำท่านชม หอโพลิ คัลยาน (Poli Kalyan Ensemble and Minanet) ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1127 โดย อาสลาน ข่าน แห่งราชวงศ์คารานิด อยู่ในการปกครองของบูคาร่า และสามารถทำให้ผู้พบเห็นต้องตกตะลึงถึงความโอ่อ่างดงาม รูปร่างของหอนี้ส่วนที่สูงที่สุดเป็นทรงกลม หอนี้ได้ถูกออกแบบเพื่อใช้ในการเรียกประชุมชาวมุสลิมเพื่อมาทำละหมาด หอคอยแห่งนี้ได้ถูกซ่อมแซมขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 15 เพราะว่าเกิดการทรุดตัวเนื่องจากพื้นดินอ่อนนิ่มเกินไป นำท่านชม โรงเรียนสอนศาสนา มิริ อาหรับ (Miri Arab Madrassah) เอเมียร์ อาลิม ข่าน (Amir Alim Khan) ที่ถูกสร้างอยู่ในบริเวณเดียวกันกับสุเหร่าคัลยาน ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ในสมัยของราชวงศ์ไซบานิค ชื่อสถานที่แห่งนี้ได้ถูกตั้งตามชื่อของครูที่มาสอน มิริ อาหรับ ซึ่งมีความหมายว่า เจ้าแห่งอาหรับ นำท่านเลือกซื้อสินค้าที่โดมอันยิ่งใหญ่มาก คือ ทากิ (Taqi Trading Domes) มีอยู่ 3 ส่วน คือ ทากิ ซาร์การอน(Taqi Zargaron) ซึ่งเป็นโดมที่พวกอินเดียทำการค้าขายและแลกเงินตรา ทากิ ซาร์ราฟอน (Taqi Sarrafon) เป็นโดมที่ค้าขายเกี่ยวกับสิ่งมีค่า อัญมณีต่างๆ และ ทากิ เทลปัก ฟูรูโช่น (Taqi Telpak Furushon) เป็นโดมที่ค้าขายของที่เป็นสินค้า สำหรับทั่วๆไป รวมทั้งของที่ระลึก เช่น ชาหอม หมวกขนแกะ พรม ผ้าที่เย็บด้วยมือ และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย นำท่านชม ไลอับบี เฮ้าซ์ (Lyab i Hauz) เป็นสถานที่สำหรับสอนศาสนาที่ตั้งอยู่บริเวณริมสระน้ำที่ให้ความร่มรื่นกับผู้ที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1620 และบริเวณมุมรอบๆ สระจะมีต้นมัลเบอร์รี่ (ต้นหม่อน) ที่ได้ปลูกเอาไว้หลายร้อยปี ที่เหลืออีก 3 ด้านของสระน้ำจะประกอบไปด้วยโรงเรียนสอนศาสนา คูเคลดาสช (Kukeldash) ที่ถูกสร้างขึ้นทางด้านเหนือในปี ค.ศ. 1568-1569 และอีกสองด้านที่เหลือทางด้านตะวันตกจะถูกสร้างเป็นตำหนักสำหรับเป็นบ้านพัก คือ คานาค่า (Khanaka) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1620 และสำหรับด้านตะวันออกจะเป็นสถานที่สำหรับสอนศาสนา คือ นาเดียร์ ดีวาน เบกี (Nadir Divan Begi Madrasah) ที่ถูกสร้างขึ้นในในปี ค.ศ.1622 |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร พร้อมกับชม การแสดงของชนพื้นบ้านที่สวยงาม |
พักที่ | LYABI HOUSE โรงแรมมาตรฐาน 3 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | บูคาร่า - กิซห์ดูวาน - ซามาร์คานด์ - ราบาติ มาลิค |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก นำท่านชม พระราชวัง ซิโนราน โมคี โคซา (Sitoran Mokhi-Khosa Palace) ซึ่งเป็นของข่าน อาเมียร์ อักคาด (Amir Akhadkhan ) ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 19 เป็นการผสมผสาน ระหว่างศิลปะตะวันตกกับศิลปะร่วมสมัย โดยการส่งช่างสถาปัตยกรรมของเมืองนี้ไปยังเมืองเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อศึกษาดูงานการก่อสร้างที่สวยที่สุด จากนั้น นำท่านออกเดินทางไป เมืองกิซห์ดูวาน (Gizhduvan City) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียง เหนือ ระยะทางห่างประมาณ 40 กม. เมืองกิซห์ดูวาน เป็นหมู่บ้านที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 10 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในการปกครองของราชวงศ์ซามานิด นักโบราณคดีได้มีการขุดค้นและพบว่าในบริเวณนี้ได้มีการอยู่อาศัย และตั้งหลักแหล่งก่อนที่พวกอาหรับจะเข้ามายึดครอง และในราวศตวรรษที่ 16 กิซห์ดูวานได้กลายเป็นเมืองหน้าด่านในการป้องกันต่อสู้กับศัตรู และในปี ค.ศ.1972 ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบูคาร่า ในอดีตกิซห์ดูวานเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ที่พ่อค้ากองคาราวานที่จะเดินทางไปยังอินเดียและจะกลับไปจีน จะตัองมาหยุดพักค้างแรมที่แห่งนี้ จนทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงและเป็นศูนย์กลางของการค้าขาย และสิ่งที่สำคัญ คือ เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการทำเครื่องปั้นดินเผา ทำถ้วยชาม เครื่องใช้ต่างๆ และพวกเซรามิคส์ ซึ่งสิ่งของส่วนใหญ่ได้รับความชื่นชอบและความนิยมจากชาวอุซเบค และผู้คนในบริเวณเอเชียกลางเกือบทุกประเทศ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในหมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผา |
บ่าย | นำท่านไป ชม การทำเครื่องปั้นดินเผา ได้มีการเริ่มมาจากบ้านในครอบครัวของสองพีน้องอับดุลลาห์ นาร์ และอลิสเชอร์ ซูลลาเอฟ (Abdullah and Alisher Narzullaev) ซึ่งมีชื่อเสียงไปยังทั่วโลก ในการทำเครื่องปั้นต้องใช้ความสามารถที่ได้ถูกถ่ายทอดต่อมาหลายรุ่นซึ่งใช้เวลานานประมาณ 60 ปีเล้ว จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก และจากรุ่นลูกสู่ยังหลาน ที่ยังคงเก็บรักษาฝีมือในการทำเครื่องปั้น เซรามิคส์ ให้เป็นที่มีความสวยงาม และยังไว้ให้ดีที่สุดในอุซเบกิสถาน ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เลือกชมและซื้อสินค้าที่ท่านชื่นชอบ ราบาติ มาลิค เป็นสถานที่ที่มีความพิเศษในด้านประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมของเปอร์เซียโบราณมีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 8,277 ตร.เมตร โดยเฉพาะประตูทางเข้าด้านหน้าได้ถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรและมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยลวดลายของส่วนโค้งที่ถูกก่อขึ้นด้วยก้อนอิฐที่มีขนาดใหญ่ แต่ละก้อนที่วัดได้ คือ ขนาด 25x25x4 ซม. และขอบประตูยังถูกตกแต่งด้วยรูปดาวแปดเหลี่ยมที่ต่อกันอย่างสวยงามไปยังส่วนด้านบนของประตู และต่อลงมาทางด้านล่างของอีกด้านหนึ่ง เมืองซามาร์คานด์ (Samarkand) เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดเมือง หนึ่งในเอเชียกลาง ตั้งอยู่ในโอเอซิส ซึ่งได้รับน้ำมาจากคลองที่ขุดมาจากแม่น้ำซารัฟชาน อเล็กซานเดอร์ มหาราชได้ผ่านมาเมืองนี้ เพื่อที่จะเดินทางไปยังอินเดีย จึงได้ยึดครองเอาไว้ ต่อจากนั้น ก็เป็นพวกเติร์ก พวกอาหรับและพวกเปอร์เซียก็ได้เข้ามาปกครองต่อๆกันมา เมืองนี้ได้มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุคกลาง และในปี ค.ศ.1215 เจงกิสข่านได้แผ่อาณาจักรเข้ามาควบคุมเส้นทางสายไหม และเข้ายึดเมืองนี้ในปี ค.ศ. 1221 และอีกประมาณร้อยปีต่อมา เมืองนี้ก็เหลือแต่ซากปรักหักพัง และจากนั้นตีมูร์ ข่านก็ได้สร้างอาณาจักรแห่งนี้ให้มีความเจริญขึ้นมา ซึ่งเมืองนี้ได้รับสมญานามว่า เมืองแห่งโดมสีฟ้า (The City of Blue Domes) ในประวัติศาสตร์ ถ้านับย้อนหลังไปหลายร้อยปี และยังได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งนิยาย 1001 อาหรับราตรี (1001 Arabian Nights) และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกใน ปีค.ศ. 2001 |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร |
พักที่ | REGISTON HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | ซามาร์คานด์ - จตุรัสเรจีสถาน - สถานที่ฝังศพกูริ อาเมียร์ - โบราณสถานอัฟราซิยาบ - หอดูดาวอูลุกเบค |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก นำท่านชม จตุรัสเรจีสถาน ( Registan Square) เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่งดงามไปด้วยศิลปะอิสลาม ซึ่งถูกกล่าวขานว่ามีความงดงามที่สุดในเอเชียกลาง ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีฟ้าตัดขอบด้วยสีเหลือง รายล้อมไปด้วยโรงเรียนสอนศาสนา (Madrasah) ถึง 3 แห่ง คือ อูลุค เบก (Ulug Beg) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1417-1420 และ เชียร์ ดอร์ (Shir Dor) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1619-1636 โดยเลียนแบบมาจากอูลุค เบค ผนังกำแพงมีลวดลายรูปทรงเลขาคณิต และซุ้มประตูมีรูปเสือลายพาดกลอน ที่แตกต่างไปจากสถาปัตยกรรมทั่วๆไปของศาสนาอิสลาม ส่วน ทิลยา คารี (Tilya Kari) ถูกสร้างขึ้นอยู่ทางด้านเหนือ ในศตวรรษที่ 17 และใช้เวลาสร้างประมาณ 20 ปี ซึ่งผนังและซุ้มในกำแพงมีการปิดทองมากกว่าที่อื่นใด ชม สุเหร่าบิบิ คะนุม (Bibi Khanum Mosque) เป็นสุเหร่าที่ถูกสร้างขึ้นมาและใหญ่ที่สุดในโลกอิสลาม เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่สามารถปกครองดินแดนได้มากกว่าใครในประวัติศาสตร์ ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1399 ใช้เวลาก่อสร้างนาน 5 ปี ใช้ช่างฝีมือ 200 คน แรงงาน 500 คน ช้างอีก 95 เชือก ด้านประตูทางเข้าสร้างเป็นอาคารสูงประมาณ 35 เมตร ทางเข้าสร้างเป็นรูปวงรี สูง 18 เมตร ตัวหอบังสูงประมาณ 50 เมตร ตรงทางเข้าสู่จัตุรัสมัสยิดมีขนาดพื้นที่ยาวประมาณ 167 เมตร และกว้าง 109 เมตร และสองข้างยังมีมัสยิด ขนาดเล็ก โดยเฉพาะตัวโดมได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนแกะสลักโมเสครูปร่างต่างๆ เคลือบด้วยสีฟ้างดงาม เขียนภาพและอักษรด้วยน้ำเงินและทอง และที่หน้าสุเหร่ายังมีแท่นซึ่งเดิมวางคัมภีร์อัลกุรอ่านที่ใหญ่ถึง 2 เมตร |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านไปเดินชม ตลาดกลาง (Central Market/Siyab Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดที่มีชื่อเสียง มีความประหลาดที่น่าทึ่ง และเป็นหนึ่งเดียวของซามาร์คาน ที่ผู้คนยังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เป็นวัฒนธรรมของชาวอุซเบก และสวมหมวกที่สวยงาม อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าที่บาซาร์ ซึ่งมีสินค้าต่างๆมากมายที่ราคาถูก และสวยงามเช่น ผลไม้สด พืชผักต่างๆ ขนมหวาน องุ่นแห้งที่มีทั้งสีเหลืองและดำ นำท่านชม สถานที่ฝังศพกูริ อาเมียร์ (Gure Amir Mausoleum) ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ฝังศพของสุลต่าน มูฮัมหมัด (Sultan Muhammad) ซึ่งเป็นหลานรักที่เสียชีวิตในเปอร์เซีย สถานที่ฝังศพกูริ อาเมียร์ สร้างขึ้นโดย ข่าน ตีมูร์ในปี ค.ศ. 1403 มีประตูทางเข้าก่ออิฐถือปูนตั้งเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าซุ้มโค้ง มีโดมสีฟ้าผิวลอนกระดูกงู สูงประมาณ 36 เมตร ผนังห้องและเพดานโค้ง ภายในประดับด้วยกระเบื้องอิฐเผาลงด้วยลายสีทอง สี อำพัน สีฟ้าน้ำทะเล แต่ก่อนหน้านั้นในปี ค.ศ. 1380 อาเมียร์ ตีมูร์ได้โปรดให้สร้างที่ฝังศพของพระองค์เตรียมไว้ก่อนที่บ้านเกิด คือ เมืองชาห์ริซาบซ์ แต่ในระหว่างที่ได้ยกทัพไปบุกจีน ได้สิ้นพระชนม์ เมื่อปี ค.ศ. 1405 จึงได้นำพระศพเดินทางกลับมาภายใน 24 ชม. เพื่อฝังตามหลักศาสนา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทันเวลา จึงได้ฝังไว้ที่ กูริ อาเมียร์ และต่อมาก็ได้ใช้เป็นสุสานของผู้ปกครองนครซามาร์คานด์หลายพระองค์ สถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก นำท่านไปชม โบราณสถานอัฟราซิยาบ (Afrasiyab Ruins) ซึ่งมีความหมายว่า ถัดไปจากแม่น้ำดำ (Beyond the black river) เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของซามาร์คานด์ ที่ได้ถูกยึดครองมาประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงปี ค.ศ.1220 ซึ่งปัจจุบันนี้ก็เป็นเนินเขาที่มีหญ้าปกคลุมและอยู่ใกล้กับสุเหร่าบิบี คานุม อัฟราซิยาบ เป็นสถานที่เก่าแก่ในโลกยุคโบราณ 700-600 ปีก่อนคริสตกาล โดยพวก ซ๊อกเดียน ได้ตั้งเป็นเมืองและศูนย์กลางของวัฒนธรรม จากนั้นชม หอดูดาวอูลุก เบค (Ulug Beg Observatory) เป็นสถานที่เก็บอุปกรณ์ที่ใช้ดูดาว สร้างโดย ข่านอูลุข เบค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะทางดาราศาสตร์ของท่าน ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1428-1429 เป็นอาคาร 3 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร มีด้านบนยอดคล้ายกับโดม สถานที่แห่งนี้แสดงถึงเรื่องราวทางดาราศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ดูดาวของท่านข่าน ที่ท่านเคยคำนวณรอบปีผิดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากที่ท่านเสียชีวิต สถานที่แห่งนี้ได้รับความเสียหายจากพวกขโมยและพวกคลั่งศาสนา แต่ชั้นล่างมิได้ถูกทำลาย และต่อมาได้รับการซ่อมแซมขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1929 |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร |
พักที่ | REGISTON HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | ซามาร์คานด์ - ทาชเค้นท์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านชม ชาห์ อิ ซินดา (Shah i Zinda Complex) ซึ่งมีความหมายว่า เป็นที่อยู่ของกษัตริย์ (The Living King /Necropolis) เป็นสถานที่รวมสุสานขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา อัฟราซิยาบ (Afrasiyab) นอกกำแพงเมืองเก่า ใช้เป็นที่ฝังศพมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9-14 และเป็นความคิดของข่าน ตีมูร์ที่ต้องการให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของที่ฝังศพของบุคคลที่มีชื่อเสียง มีอาคารหลายยุคหลายสมัยมากกว่า 20 แห่งให้ศึกษารวมทั้งกระเบื้องเคลือบโบราณที่สวยงามมาก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองทาซเค้นท์ ที่อยู่ทางด้านเหนือห่างประมาณ 340 กม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชม.) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำที่ ภัตตาคารไทย “ทับทิม” |
20.00 น. | นำท่านเดินทางไปยัง สนามบิน เพื่อตรวจเอกสารการเดินทาง |
23.00 น. | ออกเดินทางจากทาซเค้นท์ สู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ HY 531 (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน) |
วันที่ 7 | กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
07.15 น. | เดินทางมาถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel