วันที่ 1 | สนามบินดอนเมือง - สนามบินคยา - บ้านนางสุชาดา - แม่น้ำเนรัญชรา - วัดไทยพุทธคยา - มหาเจดีย์พุทธคยา - ต้นพระศรีมหาพิ์ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
06.00 น. | คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง บริเวณผู้โดยสารขาออก อาคาร 1 ชั้น 3 ประตู 2 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน AIRASIA (FD) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรับบัตรโดยสาร (แนะนำให้โหลดของที่ไม่จำเป็นลงใต้ท้องเครื่องเนื่องจากเจ้าหน้าที่อินเดียตรวจอย่าเข้มงวด **หมายเหตุ** เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาที และผู้โดยสารพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 30 นาที |
08.20 น. | บินลัดฟ้าสู่ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน AIRASIA เที่ยวบินที่ FD112 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง |
10.10 น. | เดินทางถึง สนามบินเมืองคยา ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 1.30 ช.ม.กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ พุทธคยา พุทธสังเวชนียสถาน ที่สำคัญที่สุด 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน และถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธทั่วโลก |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย | จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่ บ้านนางสุชาดา เป็นธิดาของ เสนียะ ( เสนานิกุฏุมพี) ผู้มีทรัพย์ซึ่งเป็นนายใหญ่แห่งชาวบ้านเสนานิคม ตำบลอุรุเวลา เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยสาวนางได้ทำพิธีบวงสรวงต่อเทพยดาที่สิงสถิต ณ ต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งใกล้บ้านของนาง โดยได้ตั้งปณิธานความปรารถนาไว้ 2 ประการ คือ 1.ขอให้ข้าพเจ้าได้สามีที่มีบุญ มีทรัพย์สมบัติ และมีชาติสกุลเสมอกัน นำท่านชมวิว ริมสองฝั่ง แม่น้ำเนรัญชรา แม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด แม่น้ำทั้งสายกว้างราว ๑ กิโลเมตร ในสมัยพุทธกาล แม่น้ำเนรัญชราไหลผ่านแคว้นมคธ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำเนรัญชรา อันเป็นภูมิสถานที่สงบน่ารื่นรมย์ พระมหาบุรุษทรงเลือกที่แห่งนี้เป็นที่บำเพ็ญเพียร ทรงประทับอยู่ ณ ที่นี้ นานถึง ๖ ปี พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาและเปลี่ยนมาทรงดำเนินในมัชฌิมาปฏิปทา จนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดไทยพุทธคยา เป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศอินเดีย เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 มีเนื้อที่ราว 12 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณพุทธคยา อยู่ห่างจากองค์เจดีย์พุทธคยาประมาณ 500 เมตร เป็นวัดที่อยู่ในความดูแลและอุปถัมภ์ของรัฐบาลไทย พระอุโบสถของวัดไทยพุทธคยาจำลองแบบมาจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมของสมัยรัตนโกสินทร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งการจำลองแบบจนดูเหมือนนี้ไม่ใช่เฉพาะภายนอก แต่ยังมีภายในที่เหมือนกันด้วย เช่น องค์พระประธานที่เป็นพระพุทธชินราช แกลประตู แกลหน้าต่าง เป็นต้น จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์พุทธคยา เจดีย์พุทธคยาหรือพระมหาโพธิ์เจดีย์ คืออนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมทรงสูง เป็นสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบอินเดีย สูงประมาณ 170 ฟุต แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกประดิษฐานพระพุทธเมตตา พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะปาละ เป็นพระพุทธรูปใหญ่หนึ่งเดียวในเจดีย์ที่ไม่ถูกทำลายจากกษัตริย์ชาวฮินดูในสมัยที่มีการกวาดล้างพระพุทธศาสนาในอินเดีย ส่วนชั้นที่ 2 ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาปางประทานพร บริเวณโดยรอบเจดีย์มีเจดีย์บริวารล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ เดิมเจดีย์พุทธคยาเป็นวิหารขนาดไม่ใหญ่นัก ต่อมาในปี พ.ศ.674 พระเจ้าหุวิชกะทรงบูรณะเพิ่มเติมให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ในปัจจุบันเจดีย์พุทธคยาถือเป็นแลนด์มาร์คของกลุ่มพุทธสถานพุทธคยา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ด้านหลังมหาเจดีย์ ท่านจะพบกับ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ คือต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับในช่วงเวลาตรัสรู้ เป็นพันธุ์ไม้ที่เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ต้นพระศรีมหาโพธิ์มีทั้งหมด 4 ต้น -ต้นแรกคือต้นที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ซึ่งตายลงในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นที่ประดิษฐานของพระแท่นวัชรอาสน์ พระแท่นที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างขึ้นเพื่อบูชาสถานที่บำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้า ตัวแท่นทำจากทองมีความยาว 7 ฟุต สลักเป็นรูปเพชร พญาหงส์ และดอกมณฑารพสลับกัน พระและพุทธศาสนิกชนนิยมไปสักการะ สวดมนต์ หรือนั่งทำสมาธิอยู่รอบๆ บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระแท่นวัชรอาสน์แห่งนี้ |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น |
ที่พัก | Bodhagaya Gautam Hotel ระดับ3*หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | คยา - เมืองราชคฤห์ - เขาคิชญกูฏ - วัดเวฬุวัน - มหาวิทยาลัยนาลันทา - พระพุทธรูปองค์ดำ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ นครหลวงแห่งแคว้นมคธ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชัวโมง) นำท่านเดินทางขึ้น เขาคิชญกูฏ หนึ่งในเบญจคีรี ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นมัสการ ถ้ำพระโมคคัลลา ชม ถ้ำพระสารีบุตร สถานที่ที่พระสารีบุตรสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ชม กุฏีของพระอานนท์ นมัสการ มูลคันธกุฏี สถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า ไหว้พระสวดมนต์ที่ยอดเขาคิชกูฎ จากนั้นนำท่านชม วัดชีวกัมพวัน โรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลก และนำท่านเดินทางสู่ วัดเวฬุวนารามมหาสังฆยิกาวาส (วัดเวฬุวัน) วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระอริยสงฆ์ 1,250 องค์ มีสถูปที่บรรจุพระอัฐิธาตุของพระโมคคัลลานะและพระอัญญาโกญฑัญญะ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นศูนย์การศึกษาในสมัยพุทธกาล ต่อมาในปีพ.ศ. 1742 กองทัพมุสลิมเติรกส์ได้ยกทัพมารุกรานรบชนะกษัตริย์แห่งชมพูทวีปฝ่ายเหนือ กองทัพมุสลิมเติรกส์ได้เผาผลาญทำลายวัดและปูชนียสถานในพุทธศาสนาลงแทบทั้งหมด และสังหารผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา นาลันทามหาวิหารก็ถูกเผาผลาญทำลายลงในช่วงระยะเวลานั้น ว่ากันว่าไฟที่ลุกโชนเผานาลันทานานถึง 3 เดือนกว่าจะเผานาลันทาได้หมด จากนั้นนำท่านเดินทางไปนมัสการ พระพุทธรูปองค์ดำ เป็นพรพุทธรูปโบราณที่แกะสลักจากหินสีดำ หน้าตักกว้าง ๖๐ นิ้ว พระเกตุทรงดอกบัวตูม ปางสมาธิ องคุลีของพระหัตถ์ขวาทั้งหมดชี้ลงธรณี แม้พระนาสิกจะหักบิ่นไป แต่ก็ยังทรงความงดงามอยู่มิได้จืดจาง เหลือรอดจากการถูกทุบทำลายจากคนศาสนาอื่น และยังมีสภาพที่ค่อนข้างมบูรณ์ มีคำบอกเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นี้ว่าเริ่มจากชาวบ้านอินเดีย การบนบานศาลกล่าวขอพรจากพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียนั้น เป็นไปในลักษณะเดียวกับคนไทย เวลาลูกไม่สบาย ก็พากันเอาน้ำมันเนยมาทาที่องค์ท่านก่อน แล้วลูบเอาน้ำมันเนยนั้นกลับมาทาตัวลูก ทำให้ลูกหายเจ็บป่วย หายงอแง กินข้าวได้ อ้วนท้วนสมบูรณ์ จนหลายคนขนานนามท่านว่า หลวงพ่อน้ำมัน |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น |
ที่พัก | Naianda Regency Hotel ระดับ3*หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | นาลันทา - เมืองเวสาลี - วัดป่ามหาวัน - เมืองกุสินารา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวสาลี คืออาณาจักรหนึ่งของวัชชี หนึ่งใน 16 แคว้น ของชมพูทวีป เรียกกันหลายชื่อว่า ไวสาลี ไพสาลี หรือเวสาลี เนื่องจากในครั้งนั้นกรุงเวสาวีเกิดฝนแห้ง ข้าวกล้าตายเพราะถูกแดดเผาคนยากจนอดตาย ศพเกลื่อนกลาดทั่วพระนคร อมนุษย์ได้กลิ่นซากศพก็พากันเข้ามาในพระนครผู้คนตายเพิ่มขึ้น เหล่าเจ้าลิจฉวีได้ยินมาว่าพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ปวงสัตว์ทรงมีอานุภาพมาก หากพระงค์ทรงเสด็จมาโปรด ภัยทุกอย่างก็จักสงบไปจึงส่งเจ้าลิจฉวี ชื่อ มหาลิ ซึ่งเป้นผู้ทีพระเจ้าพิมพิสารโปรดปรานและอำมาตย์ผุ้หนึ่งเดินทางไปขอร้องพระเจ้าพิมพิสารให้กราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์เสด็จไปกรุงเวสาลี พระบรมศาสดาทรงพิจารณา หากได้ตรัสรัตนสูตรในกรุงเวสาลีนอกจากความเดือดร้อนจักสงบลงมหาชนชาววัชชีเมื่อได้ฟังพระสูตรนี้แล้วจักได้บรรลุมมรรคผล จำนวนมากจึงทรงรำคำกราบทูลเชิญของพวกเจ้าลิจฉวี |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน อารามที่กษัตริย์ลิจฉวีสร้างถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ในป่ามหาวันทางเหนือของอาณาจักรวัชชีในป่าหิมาลัยและพระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ในพรรษาที่ 5 ชมเสาอโศกที่มีรูปสิงห์อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่สมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก ห้องประชุม นำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถานแห่งที่ 4 ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมือง ปาวา เป็นที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น |
ที่พัก | Om Residency Hotel ระดับ3*หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | มกุฎพันธนเจดีย์ - พระสถูปปรินิพพาน - เนปาล - ลุมพินี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ มกุฏพันธนเจดีย์ ตั้งอยู่ห่างจาก มหาปรินิพพานสถูป ไปทางทิศตะวันออก ๑ กิโลเมตร คนท้องถิ่นเรียกว่า “รามภาร์-กา-ดีลา” หรือ รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า เดิมทีเป็นเชิงตะกอนไม้จันทร์หอม หลังจากที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้วก็ได้สร้างพระสถูปครอบลง ต่อมาก็ได้ถูกรุกรานทำลายเหลือแต่ซากปรักหักพัง ภายหลังได้ถูกขุดค้นพบเป็นซากกองอิฐพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน พระสถูปนี้วัดโดยรอบฐานได้ ๔๖.๑๔ เมตร และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๗.๑๘ เมตร ทั้งนี้ ตามหลักฐานก็เป็นที่ชัดเจนว่านั่นคือสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระหรือมกุฏพันธนเจดีย์ตามที่ชาวพุทธเรียกชื่อกัน ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี นำท่านเดินทางไปกราบสักการะ มหาปรินิพพานสถูป ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละคู่ เป็นพุทธสถานที่พระพุทธเจ้าประทานการบวชให้สาวกองค์สุดท้าย และยังเป็นที่ตรัสเทศนาปัจฉิมโอวาทสุดยอดแห่งพระธรรมคำสอนคือความไม่ประมาท ชม มหาปรินิพพานวิหาร หรือวิหารพุทธไสยาสน์ ตั้งอยู่ด้านหน้าบนฐานเดียวกันกับมหาปรินิพพานสถูป มีบันไดอิฐสูงขึ้นไปบนเนิน ภายในประดิษฐาน “พระพุทธรูปปางปรินิพพาน” อยู่บนพระแท่นทำด้วยหินทรายแดงหรือเรียกว่า จุณศิลา องค์พระพุทธรูปยาว ๒๓ ฟุต ๙ นิ้ว (ราว ๗ เมตร) กว้าง ๕ ฟุต ๖ นิ้ว สูง ๒ ฟุต ๑ นิ้ว ศิลปะมถุรา มีอายุมากกว่า ๑,๕๐๐ ปี ที่พระแท่นมีรูปสลักของสุภัททปริพาชกกำลังเข้าไปขอบวช และมีรูปสลักพระอนุรุทธะและพระอานนท์อยู่ด้วย พระพุทธรูปองค์นี้เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ที่กำลังเสด็จดับขันธปรินิพพาน ประทับนอนบรรทมตะแคงขวา โดยหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก และมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย ในจารึกระบุผู้จัดสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ คือ หริพละสวามี นายช่างผู้แกะสลักชื่อ ธรรมทินนา เป็นชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย | ออกเดินทางสู่ เมืองลุมพินีวัน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง)ตั้งอยู่ในเขตประเทศเนปาล ผ่าน เมืองโครักข์ปูร์ และผ่านเมืองชายแดนโสเนาวลีของอินเดียเข้าสู่เมืองสิทธารัตถะของเนปาลเป็นสถานที่ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ เดินทางถึงพรมแดนอินเดีย-เนปาล ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นจึงเดินทางต่อเข้าสู่ เมืองสิทธารัตถะ |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น |
ที่พัก | Nansc Hotel ระดับ3*หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | สวนลุมพินีวัน - เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช - วิหารมายาเทวี - เมืองสาวัตถี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า นำทุกท่านเดินทางสู่ สวนลุมพินีวัน เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล เป็นพุทธสังเวชนียสถาน 4 ตำบลเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ลุมพินีวัน เดิมเป็นสวนป่าสาธารณะหรือวโนทยานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน ในสมัยพุทธกาลลุมพินีวันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ ในแคว้นสักกะ บนฝั่งแม่น้ำโรหิณี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้สร้างเสาหินขนาดใหญ่มาปักไว้ตรงบริเวณที่ประสูติ เรียกว่า เสาอโศก ที่จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่ตรงนี้ ปัจจุบัน ลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ "เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช" ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ ยังมี "วิหารมายาเทวี" ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบัน ทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี ในสมัยพุทธกาล เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล 1 ใน 16 แคว้น เป็นเมืองที่ใหญ่พอกับเมืองราชคฤห์และพาราณสี เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขายและเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง 25 พรรษา รวมทั้งเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนามั่นคงที่สุด ปัจจุบันเมืองนี้เหลือเพียงซากโบราณสถาน ชมวิถีชีวิตชนบทของประเทศอินเดียระหว่างเดินทาง |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น |
ที่พัก | Lotus Sutra Hotel ระดับ3*หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | วัดเชตะวันมหาวิหาร - บ้านอนาถบินฑิกเศรษฐี - บ้านองคุลีมาล - เมืองพาราณสี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า นำท่านกราบนมัสการ พระพุทธเจ้าที่ วัดเชตะวันมหาวิหาร เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและเป็นวัดที่พระพุทธเจ้ารวมทั้งพระอรหันต์ได้จำพรรษาอยู่นานที่สุดถึง 19 พรรษา สร้างโดยอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี กล่าวกันว่าต้องขนเงินมาปูพื้นที่ให้เต็มสวนจึงจะซื้อที่ดินมาสร้างวัดถวายแด่พระพุทธเจ้าได้ เพราะในสมัยนั้นดินแดนทุกแห่งเป็นของผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ นำท่านนมัสการ กุฎิพระพุทธเจ้า กุฎิพระโมคคัลลา กุฎิพระสารีบุตร กุฎิพระสิวลี กุฎิพระอานนท์ และสถูปที่บรรจุสารีริกธาตุของพระอรหันต์ ชมบ่อน้ำที่พระพุทธเจ้าใช้เป็นที่สรงน้ำตลอดระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บ้านอนาถบินฑิกเศรษฐี เป็นชาวสาวัตถีในสมัยพุทธกาล มีชีวิตร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า เดิมท่านมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐี เกิดในตระกูลของสุมนะเศรษฐีผู้เป็นบิดา ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก ทำให้ท่านถูกเรียกจากชาวเมืองสาวัตถีว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยาก (แปลตามศัพท์ว่า เศรษฐีผู้มีก้อนข้าวให้กับคนยากจน) อนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ไปค้าขายและได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่เมืองราชคฤห์จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน ท่านจึงมีศรัทธาสร้างวัดเชตวันมหาวิหารถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเงินจำนวนมาก ท่านได้เป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์อย่างดีมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จประทับจำพรรษาที่วัดพระเชตวันที่ท่านสร้างมากกว่าที่ประทับใด ๆ ถึง 19 พรรษา เรื่องราวของอนาถบิณฑิกเศรษฐี มีปรากฏมากมายในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงความศรัทธา ความมีสติปัญญา และความเอาใจใส่ในการบำรุงพระพุทธศาสนา ทำให้ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็น อุบาสกผู้เลิศในการเป็นผู้ถวายทาน (เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นทายก) ข้างๆบริเวณเดียวกันซึ่งเป็น บ้านองคุลีมาล เป็นบุคคลสำคัญในยุคต้นแห่งพุทธศาสนา โดยเฉพาะตามพุทธประวัติพุทธฝ่ายเถรวาท เดิมนั้นเป็นโจรปล้นฆ่าคน แต่ภายหลังมีศรัทธาในพุทธศาสนา ได้กลับใจบวชเป็นพระภิกษุ และบรรลุเป็นพระอรหันต์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพาราณสี เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี (Kingdom of Kashi) ในสมัยพุทธกาล ปัจจุบันตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ห่างจากลัคเนาซึ่งเป็นเมืองหลวงของอุตตรประเทศเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร พาราณสีมีแม่น้ำคงคาไหลผ่าน เป็นเมืองที่ศักดิสิทธิ์ที่สุดหนึ่งในเจ็ดเมืองศักดิสิทธิ์ (สัปดาปุริ, Sapta Puri) ในความเชื่อของศาสนาฮินดูและศาสนาเชน พาราณสีมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอินเดียและยังจัดเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกด้วย[3] ถือว่าเป็นสุทธาวาสที่สถิตแห่งศิวเทพ ถือว่าเป็นเมืองอมตะของอินเดียและเป็นที่แสวงบุญทั้งของชาวฮินดูและชาวพุทธทั่วโลก ครั้งสมัยอาณานิคม เมืองนี้มีชื่อว่า เบนาเรส (Benares) |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น |
ที่พัก | City Inn Hotel ระดับ 3*หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ล่องแม่น้ำคงคา - สารนาถ - ธัมเมกขสถูป ป่าอิสิปตนมฤคทาวัน - เจาคนธีสถูป - พิพิธภัณฑ์สารนาถ - เมืองคยา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า นำท่าน ล่องเรือแม่น้ำคงคา ซึ่งชาวฮินดูเชื่อถือว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากมวยผมขององค์พระศิวะ (แม่น้ำนี้ไหลมาจากที่ราบสูงทิเบตเทือกเขาหิมาลัย ประเทศจีนและเนปาล) ให้ทุกท่านได้ ลอยกระทงแม่น้ำคงคา ชม พิธีบูชาไฟ มหาศิวะราตรี และ การเผาศพ ของชาวฮินดูที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน รวมทั้งเป็นสถานที่คนนับล้านมุ่งหน้ามาเพื่อชมพิธีกรรมริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ (พิธีเผาศพริมแม่น้ำคงคาของศาสนาฮินดู) นำท่านเดินทางสู่ เมืองสารนาถ นำท่านสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ที่ ธัมเมกขสถูป ป่าอิสิปตนมฤคทาวัน เป็นพุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ 3 สถานที่แสดงปฐมเทศนาธรรมจักกัปปวัตนสูตร โปรดเบญจวัคคีย์ทั้งห้า ในสมัยพุทธกาลเป็นสถานที่สงบและเป็นที่ชุมนุมของเหล่าฤษี นักบวชและนักพรตต่าง ๆ ที่มาบำเพ็ญตบะและโยคะเพื่อเข้าถึงพรหมัน (ตามความเชื่อของพรามหณ์) ทำให้ปัจจวัคคีย์ที่ปลีกตัวมาจากเจ้าชายสิทธัตถะมาบำเพ็ญตบะที่นี่ จากนั้นนำท่านชม เจาคันธีสถูป เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพบกับปัญจวัคคีย์ ณ สถานที่แห่งนี้เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันแล้ว ปัญจวัคคีย์ เมื่อเห็นพระพุทธองค์เสด็จมาแต่ไกล จึงทำสัญญากันว่า จะไม่ลุกรับ จะไม่ต้อนรับ แต่เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง ต่างก็ลืมสัญญานั้นสิ้น สถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงพบปัญจวัคคีย์เมื่อเสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันนี้ ปัจจุบันอยู่ห่างจากสถานที่แสดงปฐมเทศนาไม่ไกลนักประมาณกิโลเมตรเศษ มีการสร้างพระสถูปเป็นเครื่องระลึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพบกับปัญจวัคคีย์ เรียกว่า เจาคันธีสถูป สันนิษฐานกันว่า สร้างราวๆ พุทธศักราช 1000 ช่วงราชวงศ์คุปตะ นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์เมืองสารนาถ มีพระพุทธรูปโบราณซึ่งน่าทึ่ง และงดงามตามแบบฉบับของคนอินเดีย อายุนับพันปีมากมายครับ แต่เสียดายที่ถูกห้ามนำกล้องมาถ่ายภาพภายใน ต้องใช้เทคนิคพิเศษ จึงมีรูปมาให้ชมกันไม่มาก พอดูเป็นสังเขป อย่างพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา (รูปพระพุทธองค์แรก) เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยคุปตะ อายุประมาณปี พ.ศ.800 - 1,200 ครับ ซึ่งยุคนั้นนับว่าเป็นยุคที่มีความเจริญสูงสุดของพุทธศิลป์ พระพุทธรูปองค์นี้ถูกค้นพบที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันครับ ถือกันว่าเป็นพุทธปฏิมาที่งดงามมาก แต่ก่อนที่อินเดียมีการประกวดพุทธปฏิมากัน หากส่งพระพุทธรูปองค์นี้เข้าประกวด จะได้รับการคัดเลือกว่าเป็นพุทธรูปที่งดงามที่สุดทุกครั้งไป จึงต้องขอให้งดการส่งเข้าประกวด เปิดโอกาสให้องค์อื่นบ้าง จึงนับว่าพระพุทธรูปองค์นี้ น่าจะเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดในโลกองค์หนึ่งก็ว่าได้ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน |
บ่าย | ออกเดินทางสู่ เมืองคยา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) ให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย |
ค่ำ | บริการอาหารเย็น |
ที่พัก | Bodhagaya Regency Hotel ระดับ3*หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | สนามบินคยา - สนามบินดอนเมือง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า จากนั้นนำท่านเดินทางออกจากโรงแรมที่พัก ออกเดินทางสู่ สนามบินคยา |
10.40 น. | ออกเดินทางบินลัดฟ้ากลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ FD123 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที |
14.50 น. | เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ |
1.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาและเงื่อนไขต่างๆ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ เท่านั้น อีกทั้งข้อสรุปและข้อตัดสินใดๆ ของบริษัทฯ ให้ถือเป็นข้อยุติสิ้นสุดสมบูรณ์
2.บริษัทฯ และตัวแทนของบริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายการทัวร์ตามความเหมาะสม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ข้อจำกัดด้านภูมิอากาศ และเวลา ณ วันที่เดินทางจริง ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จะยึดถือและคำนึงถึงความปลอดภัย รวมถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้าส่วนมากเป็นสำคัญ
3.ในกรณีที่ท่านไม่ได้รับผลการอนุมัติวีซ่าเข้าประเทศอินเดีย แบบ E-Visa ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าธรรมเนียมวีซ่า E-Visa และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการขอวีซ่าใหม่โดยตรงกับทางศูนย์รับยื่นวีซ่าอินเดีย ประจำประเทศไทย
4.รายการทัวร์นี้เป็นการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ (Join Tour) จัดทำและดำเนินการโดยบริษัทคู่ค้า (Partner)
5.อัตราค่าบริการคิดคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน และราคาตั๋วเครื่องบินในปัจจุบัน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนราคาค่าบริการในกรณีที่มีการขึ้นราคาค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกันภัยสายการบิน ค่าธรรมเนียมน้ำมัน หรือมีการประกาศลดค่าเงินบาท หรืออัตราแลกเปลี่ยนได้ปรับขึ้นในช่วงใกล้วันที่คณะจะเดินทาง
6.ในระหว่างการท่องเที่ยวนี้ หากท่านไม่ใช้บริการใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่สามารถเรียกร้องขอคืนค่าบริการได้
7.หากท่านไม่เดินทางกลับพร้อมคณะทัวร์ ตั๋วเครื่องบินขากลับซึ่งยังไม่ได้ใช้ ไม่สามารถนำมาขอคืนเงินได้
8.ค่าบริการที่ท่านชำระกับทางบริษัทฯ เป็นการชำระแบบเหมาขาด และทางบริษัทฯ ได้ชำระให้กับบริษัทฯ ตัวแทนแต่ละแห่งแบบเหมาขาดเช่นกัน ดังนั้นหากท่านมีเหตุอันใดที่ทำให้ท่านไม่ได้ท่องเที่ยวพร้อมคณะตามรายการที่ระบุไว้ ท่านจะขอคืนค่าบริการไม่ได้
9.กรณีเกิดความผิดพลาดจากตัวแทน หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมีการยกเลิก ล่าช้า เปลี่ยนแปลง การบริการจากสายการบิน บริษัทขนส่ง หรือ หน่วยงานที่ให้บริการ บริษัทฯ จะดำเนินโดยสุดความสามารถที่จะจัดบริการทัวร์อื่นทดแทนให้ แต่จะไม่คืนเงินให้สำหรับค่าบริการนั้นๆ
10.มัคคุเทศก์ พนักงาน และตัวแทนของบริษัทฯ ไม่มีสิทธิ์ในการให้คำสัญญาใดๆ ทั้งสิ้นแทนบริษัทฯ นอกจากมีเอกสารลงนามโดยผู้มีอำนาจของบริษัทฯ กำกับเท่านั้น
11.โปรแกรมทัวร์นี้จะสามารถออกเดินทางได้ต้องมีจำนวนผู้เดินทางขั้นต่ำ 25 ท่านรวมในคณะตามที่กำหนดไว้เท่านั้น หากมีจำนวนผู้เดินทางรวมแล้วน้อยกว่าที่กำหนดไว้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนกำหนดการเดินทาง และราคาได้
12.บริษัทฯ รับเฉพาะผู้มีวัตถุประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น การเดินทางของผู้เดินทางด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝงอื่น ๆ เช่น การไปค้าแรงงาน การค้าประเวณี การค้ามนุษย์ การขนส่งสินค้าหนีภาษี การขนยาเสพติด การโจรกรรม การขนอาวุธสงคราม การก่อการร้าย และ อื่น ๆ ที่เข้าข่ายผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรมอันดี บริษัทฯ มิได้มีส่วนรู้เห็น เกี่ยวข้อง หรือ มีส่วนต้องรับผิดชอบใด ๆ กับการกระทำดังกล่าวทั้งสิ้น
13.หากผู้เดินทางถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้นๆ ปฏิเสธการเข้า - ออกเมือง ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ถือเป็นเหตุผลซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจ และความรับผิดชอบของบริษัทฯ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบคืนเงินทั้งหมด
14.ผู้เดินทางต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวและรับผิดชอบต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวท่านเอง บริษัทฯ จะไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากเกิดความไม่พึงพอใจในสินค้าที่ผู้เดินทางได้ซื้อระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวนี้
15.ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบต่อการจัดเก็บ และ ดูแลทรัพย์สินส่วนตัว ของมีค่าต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง บริษัทฯ จะไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากเกิดการสูญหายของ ทรัพย์สินส่วนตัว ของมีค่าต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว อันมีสาเหตุมาจากผู้เดินทาง
16.บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายของทรัพย์สิน และ สัมภาระระหว่างการเดินทางอันมีสาเหตุมาจากสนามบิน สายการบิน บริษัทขนส่ง โรงแรม หรือ การโจรกรรม แต่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการเรียกร้องค่าชดใช้ให้กับผู้เดินทาง
17.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจากการยกเลิกหรือความล่าช้าของสายการบิน ภัยธรรมชาติ การนัดหยุดงาน การจลาจล การปฏิวัติ รัฐประหาร ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯ หรือ ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรง หรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย การสูญหาย ความล่าช้า หรือ จากอุบัติเหตุต่างๆ
18.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ต่อการไม่เป็นไปตามความคาดหวัง และความไม่พึงพอใจของผู้เดินทาง ที่เกี่ยวข้องกับ สภาพธรรมชาติ ภูมิอากาศ ฤดูกาล ทัศนียภาพ วัฒนธรรม วิถีและพฤติกรรมของประชาชนในประเทศที่เดินทางไป
19.ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากผู้เดินทางประสบเหตุสภาวะฉุกเฉินจากโรคประจำตัว ซึ่งไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุในรายการท่องเที่ยว(ซึ่งลูกค้าจะต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัททัวร์)
20.กรณีที่ท่านต้องออกตั๋วภายใน เช่น (ตั๋วเครื่องบิน,ตั๋วรถทัวร์,ตั๋วรถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋ว เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือ เวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆในกรณีถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบินเพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว
21.กรณีใช้หนังสือเดินทางราชการ(เล่มน้ำเงิน)เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวกับคณะทัวร์ หากท่านถูกปฏิเสธในการเข้า-ออกประเทศใดๆก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าทัวร์และรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
22. หนังสือเดินทางต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และบริษัทฯรับเฉพาะผู้มีจุดประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น (หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน บริษัทฯไม่รับผิดชอบหากอายุเหลือไม่ถึงและไม่สามารถเดินทางได้
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel