เนปาล อีกหนึ่งเส้นทางน่าสนใจสำหรับนักเที่ยว
ที่อยากไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
และชมความสวยงามของธรรมชาติ
ดินแดนแห่งภูเขาสวยอย่างยอดเขาเอเวอเรสต์
ที่เต็มไปด้วยความน่าค้นหา ทั้งผู้คน บ้านเมือง
ศาสนา วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยว
แนะนำว่าควรไปเยือกให้ได้สักครั้งให้ได้ในชีวิต
รหัสทัวร์ | วันที่เดินทาง | เดินทางโดย | ราคา | สถานะ |
---|---|---|---|---|
DE566-002 | 10-14 ธ.ค. 67 | Thai Airways (TG) | 48,888 | จองด่วน |
DE566-003 | 31 ธ.ค. 67-04 ม.ค. 68 | Thai Airways (TG) | 49,900 | จองด่วน |
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ - กาฐมาณฑุ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
07.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาน์เตอร์สายการบินไทย เจ้าหน้าที่บริษัทต้อนรับและอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน |
10.15 น. | ออกเดินทางจากสู่ กาฐมาณฑุ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 319 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) เวลาที่เนปาลช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 15 นาที |
12.25 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานตรีภูวัน เมืองกาฐมาณฑุ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าสัมภาระ ท่าอากาศยานตรีภูวัน ...ตั้งอยู่ในหุบเขากาฐมาณฑุ เริ่มต้นใช้งานในปี ค.ศ. 1949 และได้ทำพิธีเปิดทางการในปี ค.ศ. 1955 โดยสมเด็จพระเจ้ามเหนทระแห่งเนปาล และได้รับการตั้งชื่อ "ตริภูวัน" มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 จากนั้นนำท่านเข้าตัวเมืองกาฐมาณฑุ...เมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากสุดของประเทศเนปาล สถานที่ที่มีการอยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุด ตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 2 และมีชื่อเรียกในสมัยโบราณว่า "เนปาลมณฑล" เป็นที่อยู่อาศัยของชาวเนวาร์ ซึ่งเป็นอารยธรรมของชนเชิงเขาหิมาลัย มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ นำท่านเข้าชม สวะยัมภูนาถ(Swayambhunath) หรือวัดลิง เจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในเนปาล สันนิษฐานว่ามีอายุราว 2,000 ปี ตั้งอยู่บนยอดเขาในหุบเขากาฐมาณฑุ ทางทิศตะวันตกของกรุงกาฐมาณฑุ หุบเขากาฐมาณฑุ เป็นหุบเขาแห่งศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ มีตำนานเล่าว่า เดิมเคยเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล มีดอกบัวผุดขึ้นเต็มไปหมด และในดอกบัวก็มีเปลวไฟที่ไม่มีวันมอดดับพวยพุ่งขึ้นมา พร้อมกับ “พระอาทิพุทธ” ได้อุบัติขึ้นภายในดอกบัว ซึ่งเป็นการปรากฏพระองค์ครั้งแรกบนโลกมนุษย์ หุบเขานี้จึงได้ชื่อว่า “สวยัมภู" อันมีความหมายว่า “การกำเนิดขึ้นเอง” และต่อมาในภายหลังเจดีย์สวยัมภูวนาถก็ได้ถูกสร้างขึ้นตรงบริเวณนี้ “สวยัมภูวนาถ” จึงมีความหมายว่า “พระผู้ถือกำเนิดขึ้นเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของชาวพุทธ” นำท่านชม เจดีย์พุทธนาท “BOUDHANATH” เป็นโบราณสถานในพุทธศาสนานิกายมหายานซึ่งเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในกาฐมัณฑุมีพระเนตรมองเห็นธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงทอดมองไปได้รอบทิศบนฐานรูปแปดเหลี่ยมและมีกงล้อหมุนไปได้โดยรอบฐานยังประดิษฐานพระโพธิสัตว์อันใหญ่โตมโหฬารอยู่บริเวณลานเจดีย์ ที่นี่คือสีสันของชาวทิเบต นอกจากนี้ยังมีสินค้าแปลกๆ มากมายที่ตั้งเรียงรายขายอยู่บริเวณรอบเจดีย์…นำท่านเดินทางสู่สนามบิน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ พร้อมชมการแสดงทางวัฒนธรรมของชาวเนปาลี ลิ้มรสอาหารพิเศษ Thali อาหารสไตล์เนปาลแท้ๆ เสิร์ฟในถาดทองเหลือง ประกอบด้วย แกงไก่รสชาติกลมกล่อม ซุปถั่ว ผัดผักกวางตุ้ง ข้าวเปล่า และซอสคล้ายน้ำพริกที่ทำจากมะเขือเทศ พลาดไม่ได้ โมโม (Momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ อาหารจานเด็ดของชาวเนปาล กินเป็นอาหารว่างหรืออาหารจานหลัก |
ที่พัก | Radisson Hotel Kathmandu หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | กาฐมาณฑุ - โภครา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโภครา (Pokhara) ระยะทาง 223 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง ระหว่างทางท่านจะได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามและวิถีชีวิตของชาวชนบทในประเทศเนปาล เส้นทางสายนี้มีชื่อเสียงมากในด้านความงดงาม ทางธรรมชาติ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอยเดินทางโดยรถมากกว่าทางเครื่องบิน “หุบเขาโภครา” ค้นพบโดย อิกิ คาวากุชิ พระสงฆ์ขาวญี่ปุ่นที่ใช้เวลาเดินทางทั่วหิมาลัยในขณะที่เขายังมีอายุได้ 5 ปี เขาได้พบว่าโภคราเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่บานอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบสีฟ้าและสะท้อนให้เห็นถึงยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์ โภคราสูงกว่าระดับน้ำทะเล 900 เมตร และโอบล้อมไปด้วยทิวเขาและป่าที่เขียวขจีเป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดจึงมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ออกเดินทางไปโภคราต่อ เดินทางเลียบ แม่น้ำตริชูลี (Trishuli River) เป็นหนึ่งในแม่น้ำสาขาที่สำคัญของลุ่มน้ำนารายานีทางตอนกลางของเนปาล แม่น้ำนี้เกิดจากการรวมตัวของแม่น้ำ Kyirong Tsangpo และ Lende Khola ซึ่งมีต้นกำเนิดในเทศมณฑล Gyirong ของทิเบต ซึ่งมาบรรจบกันใกล้ Rasuwa Gadhi ชายแดนเนปาล-ทิเบต เดินทางถึง หุบเขาโภครา (Pokhara Valley) เป็นเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ท่ามกลางวงล้อมของหุบเขาอรรณาปูรณะ นำท่าน ล่องเรือพายในทะเลสาบเฟวา (PhewaLake) ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ภาพทะเลสาบความงามของเฟวาสะท้อนภาพ ยอดเขามัจฉาปูชเร ที่มีรูปร่างคล้ายหางปลานั้นเป็นภาพที่มีมนต์ขลังยิ่งนักตรงกลางทะเลสาบเป็นที่ตั้งของวัดบาลาฮี ซึ่งมีสถูปสีขาวชื่อวัดบาลาฮีลอยเด่นตัดกับพื้นน้ำสีเขียวมรกต จากนั้นนำท่าน สักการะวัดบาลาฮี (Barahi Temple) วัดที่มีเทพธิดาอจิมา เทพธิดาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเมืองโภคราทุกวันเสาร์จะมีการบูชายัญสัตว์แด่เทพธิดาลังที่สุด และอิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ในโภครายามเย็นบริเวณรอบๆทะเลสาบมีร้านอาหารและร้านค้ากระจัดกระจายอยู่แบบเรียบง่ายและเป็นกันเองไว้คอยต้อนรับผู้มาเยือนตลอดทั้งปี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Pokhara Grand หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | โภครา - ซาราก็อต - กาฐมาณฑุ - ภักตปูร์ - นากาก็อต |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
05.00 น | ปลุกตื่น...เพื่อเดินทางไป ซารางก๊อต “SARANGKOT” จุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนยอดเขาไปทางทิศตะวันตกประมาณ 5 กม. เป็นจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่งที่ท่านจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นเห็นแสงสีทองตัดกับยอดเขาหางปลาและเทือกเขาอานาปูระได้อย่างสวยงามยิ่ง พร้อมจิบชา กาแฟอุ่นๆ ในบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมะอย่างสบายอารมณ์... จากนั้นนำท่านเดินทางกลับโรงแรมระหว่างทาง นำท่านแวะสักการะขอพร วัดฮินดูบินดาบาซินี “BINDHABASANI” ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวเนปาลีในเมืองโภครา มีพิธีทำบุญเฉพาะวันวันอังคารและวันเสาร์ ถ้าเป็นวันพิธีสำคัญใหญ่ๆ มีการบูชายันด้วยสัตว์เล็กและใหญ่ตลอดทั้งวัน จากนั้นชม แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เซติ “SETI RIVER” ที่มีสีขาวคล้ายน้ำนมไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัยและมหัศจรรย์ไหลรอดเข้าไปใต้ดิน |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม นำท่านชม ความงดงามของหุบเขาโภครา ชม น้ำตกเดวีส์ (DAVI’S FALL) ที่มหัศจรรย์ไหลลงเหวลึกต้องก้มมองซึ่งตั้งชื่อตามนายเดวิท ชาวสวิสเซอร์แลนด์ที่ตกลงไปตาย เนื่องจากโดนกระแสน้ำพัด นำชม ศูนย์อพยพชาวทิเบต “TIBETAN REFUGEE CAMP” สัมผัสความเป็นอยู่ของชาวทิเบตที่อพยพมาอยู่ทางตอนเหนือของเนปาล จะเห็นว่ามักมีรูปสัญลักษณ์อันเป็นสิริมงคลยิ่ง 8 อย่าง หรือที่เรียกว่า “อัษฏมงคล” (อัษฏ แปลว่า 8) ปรากฏอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ทั้งตามวัดวาอาราม บ้านเรือน และปราสาทราชวัง โดยชาวทิเบตเชื่อว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 นี้ เป็นตัวแทนของพระวรกายของพระพุทธเจ้า อันได้แก่ “สังข์” เป็นตัวแทนของพระวจนะ, “ดอกบัว” คือ พระชิวหา (ลิ้น), “ธรรมจักร” คือ พระบาท, “ฉัตร” คือ พระเศียร, “เงื่อนอนันตภาคย์” คือ พุทธสติ, “ปลาทองคู่” คือ พระเนตรทั้งสองข้าง, “ธงแห่งชัยชนะ” คือ พระวรกาย และ “แจกันแห่งโภคทรัพย์” คือ พระศอ (คอ) มีพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวของชาวทิเบตให้ชม นอกจากนี้ท่านยังจะได้เลือกซื้อพรมทอมือ ฝีมือชาวทิเบตที่มีให้เลือกหลากหลายลายและขนาดด้วย...เดินทางสู่สนามบินโภครา |
13.00 น. | ออกเดินทางสู่ กาฐมาณฑุ โดยสายการบิน Yeti Airlines เที่ยวบินที่ YT680 |
13.25 น. | เดินทางถึง สนามบินกาฐมาณฑุ...รับกระเป๋าสัมภาระ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองภักตปูร์ (Bhaktapur) เมืองมรดกทางวัฒนธรรมแห่งหุบเขากาฐมาณฑุ ...เมืองภัคตะปูร์ เป็น 1 ใน 7 กลุ่ม ของมรดกทางวัฒนธรรม ในเขตหุบเขากาฐมาณฑุ ซึ่งองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้รับการยกย่องให้ เป็นมรดกโลก ในปี 1979 เนื่องจากได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองโบราณที่มีความเก่าแก่ และมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ และ ศิลปะวัฒนธรรมอันดีเยี่ยม..ปัจจุบันถือว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งอัญมณีทางวัฒนธรรมของเนปาล.. เมืองปักตะปูร์ หมายถึงเมืองแห่งความภักดีต่อพระเป็นเจ้า ที่มีความสำคัญและสวยงาม.... เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศเนปาลจัตุรัสภัคตาปูร์ดูร์บาร์ “BHAKTAPUR DURBAR SQUARE” มี ประตูทองคำ “GOLDEN GATE” เป็นทางเข้าไปสู่ลานพระราชวังนาม พระราชวัง 55 หน้าต่าง “THE PALACE OF 55 WINDOWS” และมีประตูทองคำที่มีการแกะสลักได้งดงามและสมบูรณ์ที่สุดอีกแห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้ยังมี ระฆังทองสัมฤทธิ์แขวนอยู่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ระฆังหมาเห่า” ซึ่งในสมัยก่อนระฆังใบนี้มีไว้เพื่อตีบอกเวลา และด้วยความงดงามของเมืองเมืองนี้ จึงเคยถูกจำลองเป็นฉากในภาพยนตร์ “LITTLE BUDDHA” วัดเนียตาโปลา (Nyatapola Temple) เป็นวิหารความสูงห้าระดับในใจกลางภักตปูร์ ถือเป็นสิ่ง ปลูกสร้างทางศาสนาที่สูงที่สุดในเมือง และเป็นวิหารที่สูงที่ในในประเทศเนปาล จากนั้นเดินทางต่อไปยังเทือกเขานากาก๊อต “NARKAKOT” ยอดเขาบนขอบกะทะของหุบเขากาฐมัณฑุ สูงจากระดับน้ำทะเล 2,164 เมตร สัมผัสธรรมชาติเทือกเขาหิมาลัย รถไต่ระดับความสูงของเทือกเขาที่คดโค้งและมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างยิ่ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Club Himalaya Nagarkot หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | นากาก็อต - ปาทัน - กาฐมาณฑุ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
05.00 น. | ชมพระอาทิตย์รุ่งอรุณเหนือเทือกเขาหิมาลัยจากที่พักของท่าน หรือเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ ถ้าทัศนะวิสัยปลอดโปร่งท่านจะได้เห็นยอดเขา “เอเวอเรสท์” (MT.EVEREST) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก (สูง 8,848 เมตร) เปรียบได้ว่าเป็น “มงกุฎของโลก” ณ ที่นี้ท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศหนาวเย็นอันสดชื่นของธรรมชาติ ที่สะอาดบริสุทธิ์เหนือเทือกเขาหิมาลัย.. ท่านจะได้เห็นภูเขาเปลี่ยนสีทองเปล่งประกายสวยงาม จนไม่อาจจะกระพริบตาได้ และที่นี่ยังสามารถมองเห็นภูเขาหิมาลัยโดยรอบซึ่งประกอบด้วยยอดเขา 5 ยอด จากจำนวนยอดเขา10 ยอดที่สูงที่ในโลกได้แก่ ยอดเขา เอเวอร์เรสท์ ( EVEREST) โลดเส ( LHOTSE) โชยู ( CHO YU) มาลาคู ( MAKALA) และ มานาสรู (MAMASLU ) *** หมายเหตุ ในวันที่อากาศโปร่งใส่ท่านสามารถที่จะเห็นเทือกเขาหิมาลัยตลอดแนวตั้งแต่ฝั่งตะวันออกถึงตะวันตกเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศวันนั้นเป็นสำคัญ*** |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไป กาฐมาณฑุ แวะชม วัดปศุปฏินาถ “PASHUPATINATH TEMPLE” เป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล ซึ่งสร้างในรัชสมัยพระเจ้าภูบาลสิงห์ แห่งราชวงศ์มัลละ ใน พ.ศ. 2507 วัดนี้มีหลังคาทำด้วยทองคำซ้อนกันสองชั้น และประตูทำด้วยเงินและ เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอีกวัดหนึ่งด้านตะวันออกของแม่น้ำบักมาติซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์คงคาที่ตามความเชื่อของชาวชมพูทวีป และ ชมพิธีการฌาปนกิจของชาวฮินดูที่ริมฝั่งแม่น้ำบักมาติในศาสนาฮินดูวัดนี้ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำภัคมาติ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม เมืองปาทัน “ PATAN” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ลลิตาปูร์” เมืองแห่งศิลปะอันวิจิตรงดงามที่สำคัญ 1 ใน 4 เมือง แห่งหุบเขากาฐมาณฑุที่เป็นหุบเขามรดกโลกตั้งแต่ค.ศ. 1979 สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชช่วงศตวรรษที่ 3 และเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองแห่งศิลปะและหัตถศิลป์ที่มีชื่อเสียงในด้านการแกะสลักที่ประณีตและงดงามทั้งยังเป็นมรดกโลกที่มีสีสันและชีวิตชีวาที่เดียวในโลกอีกด้วย จัตุรัสปาทานดูร์บาร์ “PATAN DURBAR SQUARE” ที่เต็มไปด้วยปราสาท และ พระราชวังโบราณ ในสมัยศตวรรษที่ 16 – 18 ชมพระราชวังโบราณแห่งเมืองปาทัน “PATAN DURBAR SQUARE”, วัดทองคำ “GOLDEN TEMPLE” ชม วัดพระกฤษณะ “KRISHNA TEMPLE” ที่สร้างด้วยหินแกรนิตทั้งหลัง นำท่านสู่ ย่านทาเมล (THAMEL) เป็นศูนย์กลางความเจริญของกรุงกาฐมาณฑุ สองข้างทางเต็มไปด้วย โรงแรมที่พักราคาถูก ร้านอาหารนานาชาติ ร้านขายของ ร้านอินเตอร์เน็ต ฯลฯ จึงเป็นจุดพักของนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางมาถึงเนปาลเพื่อการวางแผนท่องเที่ยวในที่ต่างๆ นอกจากนี้ย่านทาเมลยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะสินค้าจำพวกหัตถกรรมพื้นเมือง เครื่องประดับที่ทำจากหินต่างๆ และอุปกรณ์สำหรับการเดินปีน ลักษณะคล้ายกับถนนข้าวสารของเมืองไทย แต่สินค้าหลากหายกว่าเยอะ ถนนข้าวสารบ้านเรา อาทิ ผ้าพาสมีน่า กระเป๋า เสื้อผ้า และของที่ระลึกอีกมากมาย ซึ่งสามารถต่อรองราคาได้ตามความพอใจของท่านซึ่งต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวกันจริงๆ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม |
ที่พัก | Radisson Hotel Kathmandu หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | กาฐมาณฑุ - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม จากนั้นนำท่านเข้า ชมเขตเมืองเก่านครกาฐมาณฑุ ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นในราชวงศ์ลิจฉวี ซึ่งขึ้นครองบัลลังก์ในปี ค.ศ. 300 ที่นี่เป็นศูนย์กลางของนครกาฐมาณฑุโบราณ กาฐมาณฑุดูร์บาร์ สแควร์ (Kathmandu Durbar Square) ประกอบไปด้วยวัดและปราสาทที่เก่าแก่ ซึ่งแสดงภาพความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมของชาวเนปาล นำท่านชม พระราชวังหนุมานโธกา (Hanuman Dhoka) อาคารแบบยุโรปสีขาว มีหอสูง 9 ชั้นที่เรียกว่า หอพะสันตะปุร์ (Basantapur Tower) พระราชวังนี้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมอันสำคัญในราชวงศ์ตั้งชื่อตามรูปปั้นหนุมานที่อยู่หน้าทางเข้าวัง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1672 ตัวเทพได้รับการเจิมชาดเสียจนเป็นสีแดงเข้ม นำชมท่านชม วัดตะเลจู (Teleju Temple) วัดประจำองค์พระมหากษัตริย์ เนื่องจากมีความเชื่อว่าเทพตะเลชุคือเทพที่ปกปักรักษาองค์พระมหากษัตริย์และประเทศเนปาล นำชม กาฐมณฑป (Kasthamandap) หรือ “เรือนไม้” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมือง อาคารไม้นี้สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 12 บนจุดที่เส้นทางการค้าสำคัญสองเส้นตัดกัน และใช้เป็นศูนย์กลางของชุมชนในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย วัดกุมารี หรือกุมารีฆระ (Temple of Kumari) ที่พำนักของเทพธิดากุมารี (ตามความเชื่อของชาวเนปาลนั้น กุมารีคือตัวแทนแห่งพระอุมาเทวี เป็นเทพบริสุทธิ์ที่ถือกำเนิดโลกมนุษย์ ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากเด็กหญิงอายุ 3-5 ปีจากตระกูลศากยะหรือตระกูลของพระพุทธเจ้าเท่านั้น การเลือกนั้นพิจารณาหลายอย่างสิ่งประกอบกัน ทั้งยังต้องผ่านการทดสอบและตรวจดวงชะตาจนครบถ้วน เมื่อเสร็จพิธีการจะได้รับการอันเชิญไปพำนักที่วังกุมารีเป็นการถาวร จนกว่าจะมีรอบเดือนหรือมีเลือดออกจากเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม นับเป็นการสิ้นสุดภารกิจการดำรงตำแหน่งกุมารี ชาวเนปาลนับถือกุมารีดุจเทพเจ้าและมักจะขอพรให้ประสบความสำเร็จ กุมารีมีหน้าที่ทำพิธีบูชาเทพธิดาแห่งเตาไฟ หรือเทพธิดาแห่งการดำรงชีพ (Living Goddess) ซึ่งถือเป็นเทพธิดาในยุคโบราณของศาสนาฮินดูในเนปาลที่เรียกขานกันว่า ตะเลชุ (Taleju) วัดกุมารี ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังหนุมานโธกา ตัวอาคารจะเป็นตึก 3 ชั้น มีระเบียงและบานหน้าต่างที่เป็นไม้แกะสลักด้วยฝีมือที่แสนจะปราณีตสวยงามมาก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
13.30 น. | เดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน THAI AIRWAYS เที่ยวบินที่ TG 320 |
18.15 น. | ถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ และความประทับใจไม่รู้ลืม... |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 48,888 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 8,500 บาท |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 49,900 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 8,500 บาท |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel