วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ - โอมาน MCT |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
17.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ หน้าเคาน์เตอร์ สายการบิน OMAN AIR ชั้น 4 แถว Q พร้อมเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับ |
20.05 น. | ออกเดินทาง สู่ มัสกัต MCT โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY816 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) ที่นั่งบนเครื่อง 3-3-3 |
23.25 น. | เดินทาง ถึง สนามบินประเทศ โอมาน (MCT มัสกัต) (ใช้เวลาในการเดินทาง 6 ชั่วโมง 20 นาที) เวลาที่มัสกัต ช้ากว่าไทย -3 ชั่วโมง เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง |
วันที่ 2 | มัสกัต MCT- คาซาบลังกา CMN |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
01.25 น. | ออกเดินทาง สู่ สนามบิน CMN มุฮัมมัด ฟิฟท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (คาซาบลังกา) ประเทศโมร็อกโก โดย สายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY171 (ใช้เวลาในการเดินทาง 8 ชั่วโมง 50 นาที ) |
07.45 น. | เดินทาง ถึง สนามบิน CMN มุฮัมมัด ฟิฟท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (คาซาบลังกา) (เวลาท้องถิ่นที่นี่ช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระ เดินทางเข้าเมืองคาซาบลังก้า เมืองท่าหลักและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโมร๊อกโก คาซาบลังก้า มีความหมายในภาษาสเปนว่า “บ้านสีขาว” ปัจจุบันเมืองแห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ นำทุกท่านแวะชม ถ่ายรูปด้านนอก สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) สถาปัตยกรรมทางศาสนา เป็นความยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจของชาวโมร๊อกโก ใหญ่เป็นอันดับที่ 13 ของมัสยิดระดับโลก มัสยิดแห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส มิเชล แปงโซ แต่เป็นศิลปะสไตล์โมร็อกโค ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ผสมผสานเข้าไปด้วย ซึ่งสิ่งปลูกสร้างนี้สามารถจุผู้คนได้ถึง 25,000 คนและมีหอคอยสูงถึง 120 เมตร จุดประสงค์ในการสร้างมัสยิดแห่งนี้คือ ในวาระเฉลิมพระชนม์ครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 แห่งโมร็อกโกนอกจากนี้ยังถือเป็นสถานที่สำคัญในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เมื่อประมุขประเทศใดเยี่ยมเยือน ก็มักจะมาเยี่ยมชม |
บ่าย | จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมือง RABAT (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาในอดีต ตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม จากนั้นชม สุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่าเพื่อประกอบศาสนกิจ ชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 5 พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183 x139 เมตร |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | THE RIVE @RABAT ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | ราบัต - เชฟชาอูน - เฟส |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำทุกท่านออกเดินทางสู่ เมืองเชฟชาอูน (CHEFCHAOUEN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 50นาที ประมาณ 253 กม.) อิสระให้ทุกท่านได้เดินชมถ่ายรูป หมู่บ้านสีฟ้า เพราะไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็สวยไม่แพ้กัน สำรวจตรอกซอกซอยต่างๆที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก, เครื่องประดับ, พรม และเลือกชิมขนมพื้นเมือง ถั่ว ชีส กลับไปเป็นของฝากได้อย่างเพลิดเพลิน |
เที่ยง | รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหาร |
บ่าย | หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อ สู่ เมืองเฟซ (FES) เมืองหลวงเก่าอีกแห่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานใน ศ.ต. ที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟ (Rif Mountain) ทางตอนเหนือกับเขตเทือกเขาแอตลาสตอนกลาง (Middle Atlas) มีแม่น้ำเฟส (River Fes) ไหลผ่านกลางเมืองเมืองเฟส เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์เมืองหนึ่งของศาสนาอิสลามได้รับการขนานามว่า “มักกะฮ์แห่งตะวันตก”และ “เอเธนส์แห่งแอฟริกา” |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | VOLUBULIS HOTEL@FES ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | เฟส |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม เมืองเฟซ เมืองแห่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ซึ่งในปี ค.ศ.1981 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เขตเมืองเก่าของเฟสเป็นเมืองมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ ตอนนี้ทางรัฐบาลโมร๊อกโกมีการดูและเมืองเฟสโดยเฉพาะเขตเมืองเก่าซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและอารยธรรมในยุคเก่าของโมร๊อกโก นำท่านชมจุดชมวิวเมื่อมองลงมาจะเห็นเขตเมืองเก่าทั้งเมือง ต่อด้วยชมประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส พระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและสง่างามอย่างมาก เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมร๊อกโก จากนั้นนำทุกท่านเข้าสู่ เมืองเก่า ซึ่งเสมือนท่านย้อนยุคไปสู่บรรยากาศ 1200 ปีที่แล้ว เพราะเมืองนี้ยังมีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ในลักษณะดั้งเดิมหลายศตวรรษ ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (MEDERSA BOU IMANLA) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่า ท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ (Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น แวะชม สุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมร๊อกโกถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ พาท่านไปชมสุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมร็อกโก และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนา อิสลามเท่านั้น) |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก โรงฟอกหนังของเมืองเฟสจะประกอบไปด้วยอ่างหินจำนวนมากวางเรียงกันเป็นแถว แต่ละบ่อจะเต็มไปด้วยสีย้อมและของเหลวเติมเต็มทั่วทุกบ่อ ราวกับเป็นจานสีที่มีขนาดใหญ่ โดยหนังเหล่านี้ได้มาจากทั้ง วัว แกะ แพะ และอูฐ นำเข้าสู่ กระบวนการกลายเป็นเครื่องหนังคุณภาพชั้นสูง เช่นกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า โดยไม่มีการใช้เครื่องจักร นับเป็นภูมิปัญญาที่มีตั้งแต่ยุคกลาง อิสระช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่นมากมาย เมืองเฟซจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | L’ESCALE HOTEL@FES ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | เฟซ - อินเฟรน IFRAN - มิเดล MIDLET - เออร์ฟูด์ ERFOUD - ริสซานี่ RISSAN เมอร์ซูก้า MERZOUGA |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำทุกท่านเดินทางต่อ สู่ เมืองแมคเนส (MEKNEKNES) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45นาที) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิแห่งราชวงศอ์ะลาวทิ (Alawite Dynasty) ได้ชื่อเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองเมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการ ผลิตมะกอกไวน์และพืชพรรณต่างๆ มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู นำท่าน ชม ประตูบับมันซู (BAB MANSOUR MONUMENTAL) มีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตูได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวบนผนังสีแสดนับแสนชิ้น ทำให้ประตูแห่งนี้มีเอกลักษณ์และสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นำทุกท่านเดินทาง สู่ เมืองอิเฟรน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ) เมืองที่ชาวฝรั่งเศสที่เคยปกครอง และนิยมมาสร้างที่พักตากอากาศบริเวณนี้ ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล บ้านเรือนที่นี้ส่วนใหญ่เป็นหลังคาอิฐสีแดง มีดอกไม้บานสะพรั่งและทะเลสาบที่สวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส เทือกเขาแอตลาส (Atlas Mountains) เป็นแนวเทือกเขาที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและทางเหนือของทวีปแอฟริกา พาดผ่านตั้งแต่ชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโมร็อกโกที่บริเวณอ่าวอากาเดีย (Agadir) ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ขึ้นไปจนจดชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศตูนิเซีย มีความยาวของเทือกเขาโดยรวมประมาณ 2,500 กิโลเมตร ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขาเหมาะเป็นเมืองพักผ่อนจนได้รับฉายา(เจนีวาแห่งโมร็อคโค) นำท่านเดินทาง สู่ เมืองมิเดล (MIDLET) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนระดับความสูงที่ 1,508 เมตร (4,948 ฟุต) คือเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาแอตลาส เมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้า การทำเหมืองแร่ ทอผ้า ทอพรม และเย็บปักถักร้อย ของโมร็อกโก |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร |
บ่าย | นําท่านเดินทางเข้าสู่ เส้นทางแห่งทะเลทราย ผ่านชม หุบเขาดาเดส DADES GORGE แนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทําให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่าง ๆ โดยจุดหมายอยู่ที เมืองเออร์ฟูด์ ERFOUD ซึ่งเป็นโอเอซิส OASIS ศูนย์กลางทางการค้าขายของกองคาราวานซึ่ง เดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย SAUDI ARABIA และซูดาน SUDAN และเดินทางสู่ เมืองเมอร์ซูก้าร์ ไปชมทะเลทรายซาฮาร่า “SAHARA” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยกินเนื้อที่กว่า 9 ล้านตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1ใน 3 ของทวีปแอฟริกา ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า ผ่านชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหอยและแมงกะพรุนโบราณในอดีตเมื่อ 350 ล้านปีก่อน ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน จึ่งเป็นที่กำเนิดของซากฟอสซิลต่างๆ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก อิสระให้ท่านพักผ่อนดูดาวท่ามกลางทะเลทรายตามอัธยาศัย |
ที่พัก | LES PORTES DEDESERT HOTEL @MERZOUGA ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | เมอร์ซูก้า MERZOUGA - ทอด้าจอร์จ (TODRA GORGE) - OUARZAZATE |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ***พิเศษ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่านขี่อูฐ ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า ให้ทุกท่านได้ดื่มด่ำกับภาพพระอาทิตย์ดวงโตๆค่อยๆโผล่ขึ้นจากสันทรายยามเช้า สาดส่องแสงสีทองปลุกทุกชีวิตให้ตื่นจากนิทรา เป็นภาพแห่งความประทับใจที่ทุกท่านจะจดจำไม่รู้ลืมเลือน ออกจากทะเลทรายผ่าน เดินทางผ่าน โอเอซิส TINGHIR ซึ่งเป็นชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งในเขตทะเลทราย ที่ยังมีความชุ่มชื้น มีตาน้ำ หรือ ลำธารน้ำ ซึ่งใช้ในการปลูก ต้นปาล์ม ต้นอัลมอนด์ นําท่านเดินทางสู่ ทอดร้าจอร์จ TODRA GORGES ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยูในโอเอซิส ลําธารที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาที่สูงชันแปลกตา เป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย ผ่าน หุบเขาดาเดส DADES VALLEY AND GORGE แนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกรัดกร่อน จากแรงลมทําให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่าง ๆ สวยงาม ผ่านชมหุบเขากุหลาบ ซึ่งเทศกาลดอกกุหลาบจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม ด้วยร่มเงาต้นปาล์มที่โอเอซิสนี้ ทำให้เป็นสวรรค์น้อยๆของนักเดินทางชาวทะเลทรายมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร |
บ่าย | นําท่านเดินทางต่อตามถนนคาชบาห์ที่มีป้อมหลายร้อยแห่งตั้งเรียงรายตามถนนดังกล่าว สู่ เมืองวอซาเซท OUARZAZATE ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี้ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร ปัจจุบันเมืองวอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยว และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทํากิจกรรมต่าง ๆ ที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง CLEO PATTRA, THE MUMMY, KINGDOM OF HEAVEN และอีกหลายเรื่องนักที่มักจะใช้เมืองแห่งนี้เป็นฉากสำหรับถ่ายทำในภาพยนตร์ ทั้งนี้เพราะลักษณะภูมิประเทศที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แบบชนเผ่าเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นชนเผ่าดั้งเดิมของชาวโมร๊อกโก วอซาเซทอาจกล่าวได้วาเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สําคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันตก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | LE ZAT HOTEL @OUARZAZATE ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | OUARZAZATE - AIT BENHADDOU เมืองไอท์ เบนฮาดดู - ATLAS MOUNT - MARRAKECH |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่ เมืองไอท์ เบนฮาดดู (AIT BENHADDOU) ชมเมืองไอท์ เบนฮาดดู เป็นเมืองที่มีอาคารต่างๆ สร้างจากดิน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมดินที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของโมรอคโค คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (KASBASH OF AIT BEB HADOU) เป็นป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร |
บ่าย | จากนั้นเดินทางสู่ เมืองมาราเกช (MARAKESH) เมืองแห่งทะเลทรายซาฮาร่า ทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นทะเลทรายที่ร้อนที่สุดของโลกอีกด้วย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิดช่วง ศ.ต.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า PINK CITY หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A CITY OF DRAMA นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | MOROCCAN HOUSE HOTEL @MARAKESH ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | MARRAKECH - คาซาบลังกา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เขตเขตเมืองเก่า หรือที่เรียกว่า เมดิน่า ซึ่งมีกำแพงเมืองล้อมรอบ นำชมสุสานแห่งราชวงศ์ซาเดียน (SAADLAN TOMBS) ที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมากกว่า 2 ศตวรรษ ภายหลังได้รับการบูรณะ และเปิดให้เข้าชมความงดงามในแบบฉบับของศิลปะแบบมัวริส (MOORISH) แท้ๆ ความวิจิตรอลังการของห้องโถงภายใน เสาคอลัมน์หินอ่อนสีสวย ลวดลายงานปูนที่ประดับประดาบนผนังและเพดาน สวนสวยภายนอกที่สร้างขึ้นใหม่ โดยเขาว่า ทำตามแบบ Allah's Paradise จากนั้นนำชม พระราชวังบาเฮีย BAHIA PALACE พระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุคกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น ภายในตกแต่งด้วยปูนปั้นแกะสลักและการวาดลวดลายบนไม้และประดับประดาด้วยโมเสกที่มีลวดลายละเอียดอ่อนช้อยสวยงาม |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหาร |
บ่าย | นำทุกท่านชม จัตุรัสกลางเมือง (DJEMAA FNAA SQUARE) ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาดทั้ง 4 ด้าน ชม มัสยิด คูตูเบีย (KOUTOUBIA MOSQUE) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ จากหอวังที่มีความสูง 226 ฟิต (70 เมตร) ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในมาราเกซ เราก็จะมองเห็นสุเหร่าแห่งนี้ อิสระให้ทางเก็บภาพเมืองมาราเกซ เมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวติดอันดับโลก นำท่านชม MAJORELLE GARDEN หรือ JARDIN MAJORELLE & MUSEUM OF ISLAMIC ART ว่ากันว่าเป็นสวรรค์น้อยๆ ย่านเมืองมาราเกช สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาจากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบองเพชรนับพันต้น หลากหลายสายพันธุ์ มีสวนบัว และป่าไม่ดูร่มรื่น กับบรรดากระถางดินที่ศิลปินเจ้าของเดิม Jacques Majorelle ที่สรรหาสีมาป้ายทาทับ ตกแต่งทำให้สวนแห่งนี้ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ สวนแห่งนี้เดิมเป็นบ้านของศิลปินชาวฝรั่งเศส เขาสร้างบ้าน และสวนเอาไว้อยู่เอง พร้อมสร้างงานศิลปะของเขาต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมเอาศิลปะของโมรอคโคไว้ และมีมุมแสดงงานศิลปะของเจ้าของเดิมเอาไว้ด้วย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร MARAKESH |
ที่พัก | KENZI BASMA HOTEL @CASABLANCA ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | CASABLANCA - AIRPORT - MCT มัสกัต |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
05.00 น. | CHECK OUT 05.00 AM. เพื่อเดินทางสู่สนามบิน นำท่านเดินทาง สู่ สนามบิน CMN มุฮัมมัด ฟิฟท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (คาซาบลังกา) ประเทศโมร็อคโค เพื่อทำการเช็คอินสัมภาระ (รับประทานอาหารเช้า แบบกล่อง เพื่อง่ายต่อการเดินทาง) |
09.15 น. | ออกเดินทางโดย สายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY172 |
19.35 น. | เดินทางถึง สนามบินประเทศโอมาน (มัสกัต MCT) เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง |
22.05 น. | ออกเดินทางกลับสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY817 |
วันที่ 10 | MCT มัสกัต - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 | |
06.45 น. | เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดภาพและความประทับใจ |
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel