วันที่ 1 | กรุงเทพฯ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
22.00 น. | คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 9เคาน์เตอร์ T สายการบินอิมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก |
วันที่ 2 | ดูไบ - คาซาบลังก้า - ราบัต - แมกเนส |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
01.15 น. | ออกเดินทางสู่ ดูไบ โดย สายการบินอิมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 385 |
04.45 น. | เดินทางถึง สนามบินดูไบ แวะรอเปลี่ยนเครื่อง |
07.25 น. | ออกเดินทางสู่ คาซาบลังก้า ประเทศโมร็อคโค โดยเที่ยวบิน EK 751 |
12.55 น. | ถึง สนามบินคาซาบลังก้า (Casablanca) ประเทศโมร็อคโค (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 6 ชั่วโมงในวันที่ 28 ตุลาคม 2561) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เดินทางสู่ คาซาบลังก้า มีความหมายในภาษาสเปนว่าบ้านสีขาว เป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศ |
บ่าย | นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 นำท่านชม เมืองราบัต เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาในอดีต เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม จากนั้นชม สุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่าเพื่อประกอบศาสนกิจ ชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 5 พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183x139 เมตร แวะ ถ่ายรูปป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดครองโมร็อคโค ด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปน และเป็น เมดิน่า หรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมรอคโค ในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม จากนั้นนำท่านเดินทางสุ่ เมืองแมกเนส (Meknes) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรม HOTEL IBIS MEKNES หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | แมกเนส - เมืองโบราณโวลูบิลิส - เชฟชาอุน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ชม เมืองแมกเนส (Meknes) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิแห่งราชวงศอ์ะลาวทิ (Alawite Dynasty) ได้ชื่อเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองเมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการ ผลิตมะกอกไวน์และพืชพรรณต่างๆ มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู แวะชม ประตูบับมันซู เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีตซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ.1997 |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ นครสีฟ้าเชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองที่ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งโมรอคโค เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 538 ปี เมืองนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปน และได้รับอิสรภาพในปี ค.ศ.1956 จนได้รับอิทธิพลวิถีชีวิตและภาษาสเปนในปัจจุบันนี้ ชม บ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าและสีขาว ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ สามารถเดินชมบ้านเรือนได้ทั่วทั้งเมือง โดยที่สถาปัตยกรรมของเมืองยังคงเป็นแบบโมรอคโค ซุ้มประตูโค้งจึงสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมือง และยังมีน้ำพุที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสกแบบโมรอคโคให้เห็นได้ตามมุมต่าง ๆ ของเมือง พร้อมให้ท่านมีเวลาเดินเลือกซื้อของที่ระลึกในตลาดเมืองเก่า |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรม PARADOR HOTEL หรือเทียบเท่า **** เนื่องจากโรงแรมในเมืองเชฟชาอูนมีค่อนข้างน้อย ถ้าในกรณีที่โรงแรมในเมืองเชฟชาอูนเต็ม ทางคณะจะเปลี่ยนไปนอนเมืองข้างๆแทน *** |
วันที่ 4 | เชฟชาอุน - เฟซ - เมืองเก่าเฟซ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับปะทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองเฟซ (Fes) เมืองหลวงเก่าใน ศ.ต. ที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมร็อคโค เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน โดยเดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา จนเข้าสู่ เมืองเฟส |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม เมืองเฟส โดยเดินเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟซ ผ่านประตู Bab Bou Jeloud ที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต นำท่านเดินผ่าน ตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับ น้ำพุธรรมชาติ (Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น แวะชม สุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ พาท่านไปชม สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมร็อคโค และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) จากนั้นนำท่านเดินชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ ทั้งหมดนี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น เมืองเฟซจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรม ACROSS HOTEL หรือเทียบเท่า **กรุณาจัดเตรียมเสื้อผ้ากระเป๋าเล็ก เพื่อค้างคืนในทะเลทรายในคืนถัดไป** |
วันที่ 5 | เฟซ - อินเฟรน - มิเดล - เออร์ฟูด์ - เมอร์ซูก้า (ทะเลทรายซาฮาร่า) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางผ่านชม เมืองอิเฟรน (Ifrane) เมืองที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ. 1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บาน และทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองมิเดล (Midelt) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ออกเดินทางสู่ เมืองเออร์ฟูด์ (Erfoud) ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน เดินทางสู่เมืองเมอร์ซูก้าร์ (แยกสัมภาระสำหรับค้างคืนในทะเลทราย) โดยนำท่านนำท่านนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 WD ไปท่อง ทะเลทรายซาฮาร่า “Sahara” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า ผ่านชมชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหาอยและแมงกะพรุนโบราณในอดีตเมื่อ 350 ล้านปีก่อน ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน จึ่งเป็นที่กำเนิดของซากฟอสซิลต่างๆ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระท่านพักผ่อนดูดาวท่ามกลางทะเลทรายตามอัธยาศัย |
พักที่ | พักผ่อนค้างคืนในทะเลทรายซาฮาร่า ณ KASBAH TOMBOUCTOU HOTEL หรือเทียบเท่า *** โรงแรมที่ทะเลทรายห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบกระโจม*** |
วันที่ 6 | ขี่อูฐรับแสงอรุณ - เมอร์ซูก้า - ทินเฮียร์ - ทอดร้ากอร์จ - วอซาเซท |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้าตรู่ | ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่าน ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า ***พิเศษ รวมค่าขี่อูฐ 1 ท่าน/อูฐ 1 ตัว เป็นบรรยากาศยามเช้าที่คุณจะประทับใจมิรู้ลืม (อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อม) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านนั่งรถ 4WD สู่ เมืองเออร์ฟูด์ เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ จากนั้นเดินทางสู่ ทอด้าจอร์จ (Todra Gorge) ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลำน้ำใสไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตาเป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย เดินทางสุ่ เมืองทินเฮียร์ (Tinghir) ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิส ต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย เมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาสที่มีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว วอซาเซทอาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันออก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรม KARAM PALACE HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | วอซาเซท - มาราเกซ - ชมโชว์การแสดงพื้นเมือง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม แวะถ่ายรูป ป้อมทาเริท Kasbah Taourirt เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่าง ๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็ก ๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน พระราชวังของตระกูลกลาวี Glaoui Palace ผู้ปกครองมาราเกซ ซึ่งยังมีลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในยุคของตระกูล Glaoui ที่นี่มีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมาก มีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง ซึ่งองค์การยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคารทั้งหมด จากนั้นนำท่านออกเดินทางผ่าน เมืองไอท์ เบนฮาดดู Ait Benhaddou เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญที่สุดในโมรอคโค ภาคใต้ คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู Kasbash of Ait Ben Hadou เป็นป้อมหินทรายซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดัง อาทิ Lawrence of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองมาราเกช (Marakesh) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิดช่วง ศ.ต.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้ นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุคกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกแบบเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น ตัวพระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้นมีการวาดลายบนไม้และประดับประดาด้วยโมเสดเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง Djemaa Fnaa Square ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า ที่อยู่รายรอบจัตุรัส |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์การแสดงพื้นเมือง อันตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของสถานที่และสีสันของชาวโมรอคกัน |
ที่พัก | โรงแรม PLAM PLAZA HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | มาราเกซ - สวนจาร์ดีน มาจอแรล - คาซาบลังก้า |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล Jardin Majorelle หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ Yves Saint Laurent Gardens ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาว ๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีสประเทศฝรั่งเศส จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) นำท่านสู่เมือง คาซาบลังก้า คำว่า 'คาซา' แปลว่า บ้าน และ 'บลังก้า' แปลว่า สีขาว คาซาบลังก้า เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า 'ราชอาณาจักรโมรอคโค' ด้วยซ้ำ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) เมืองที่ถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca ออกฉายในปี ค.ศ.1942 นำท่านถ่ายรูปกับ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 1993 ในวาระเฉลิมพระชนม์ครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 แห่งโมร็อกโกเป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่มากจุคนได้ 25,000 คนและมีหอคอยสูง 210 เมตร ชม โบถส์ชาวยิว (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงามแสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนา ต่อด้วยจัตุรัสสหประชาชาติ ซึ่งเป็นใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญ ระยะทาง 289 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.45 ชม. |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรม IMPERIAL CASABLANCA HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | คาซาบลังก้า - ดูไบ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
11.00 น. | นำท่านเดินทางสุ่ สนามบินคาซาบลังก้า เพื่อทำการเช็คอินสัมภาระ และ มีเวลาเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีในสนามบิน |
14.55 น. | ออกเดินทางกลับสู่ ดูไบ โดยเที่ยวบินที่ EK 752 |
วันที่ 10 | ดูไบ - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 | |
01.25 น. | เดินทางถึง สนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง |
03.40 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดย สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 376 |
13.15 น. | คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |
เอกสารกรุณาเตรียม 2 ชุด ยกเว้น เอกสารที่ออกจากทางราชการและทางธนาคารขอเป็นตัวจริง 1 ชุด และสำเนา 1 ชุดในระหว่างยื่นวีซ่าเข้าสถานทูตแล้ว ไม่สามารถดึงเล่มออกมาก่อนได้
1. หนังสือเดินทางประเทศไทย (Thailand Passport) หนังสือเดินทาง ต้องมีหน้าเหลือสำหรับประทับวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้า อายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับจากวันเดินทางกลับ และหนังสือเดินทางจะต้องไม่ชำรุด (หนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาประกอบการยื่นวีซ่าด้วย)
***ในกรณีที่ถือพาสปอร์ต สัญชาติไทย แต่พำนักอยู่ต่างประเทศ, ทำงานอยู่ต่างประเทศ หรือนักเรียน นักศึกษาศึกษาอยู่ต่างประเทศ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทให้ทราบทันที เพราะการยื่นขอวีซ่าจะมีเงื่อนไข และ ข้อกำหนดของทางสถานทูตต้องการเพิ่มเติม และ บางสถานทูตอาจไม่สามารถยื่นขอวีซ่าในประเทศไทยได้ ข้อกำหนดนี้รวมไปถึงผู้เดินทางที่ถือพาสปอร์ตต่างชาติด้วย***
2. รูปถ่าย รูปถ่ายสีหน้าตรงขนาด 1.5 x 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ (พื้นหลังขาวเท่านั้น ถ่ายไม่เกิน 6 เดือนห้ามสวมแว่นตาหรือเครื่องประดับ ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ รูปไม่เลอะหมึก)
3. หลักฐานการเงิน
3.1 หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน BANK CERTIFICATE ที่ออกจากทางธนาคาร (ต้องสะกดชื่อให้ตรงตามหน้าพาสปอร์ต ต้องมีตราประทับ และลายเซ็นจากธนาคาร) กรุณายื่นขอจาก ธนาคาร่ลวงหน้า เวลาดำเนินงานประมาณ 3 วัน และใช้ยื่นได้ไม่เกิน 20 วันหลังจากธนาคารออกให้
3.2 กรณีผู้เดินทางไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายเอง (บุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่ายได้ ต้องเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง ที่มีสายเลือดเดียวกัน หรือ สามีภรรยา เท่านั้น)
3.2.1. ต้องทำเป็นหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (Sponsor Letter)
3.2.2. ต้องทำ BANK GUARANTEE ที่ออกจากทางธนาคารเท่านั้น ฉบับภาษาอังกฤษ โดยระบุชื่อเจ้าของบัญชี (บุคคลที่ออกค่าใช้จ่าย) ต้องสะกดชื่อ – สกุล ให้ตรงตามหน้าพาสปอร์ต และบุคคลที่เจ้าของบัญชีออกค่าใช้จ่ายให้ (ผู้เดินทาง) ต้องสะกดชื่อ – สกุล ให้ตรงตามหน้าพาสปอร์ต กรุณายื่นขอจาก ธนาคาร่ลวงหน้า โดยใช้เวลาดำเนินงานประมาณ 3 วัน และใช้ยื่นได้ไม่เกิน 20 วัน หลังจากธนาคารออกให้
**สถานทูตไม่รับพิจารณาบัญชีติดลบ บัญชีฝากประจำ บัญชีกระแสรายวัน
บัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ พันธบัตร ตราสารหนี้ กองทุน และสลากออมสิน**
4. หลักฐานการทำงาน
- เจ้าของกิจการ หนังสือรับรองการจดทะเบียน(DBD)ที่มีชื่อของผู้เดินทางเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วน อายุไม่เกิน 3 เดือน หรือ สำเนาใบทะเบียนการค้า(พค.0403)
- กิจการไม่จดทะเบียน จดหมายชี้แจงการทำงาน พร้อมเอกสารประกอบ เช่น รูปถ่ายร้าน สัญญาเช่าที่ โฉนดที่ดิน เป็นตัน
- เป็นพนักงาน หนังสือรับรองการทำงาน จากบริษัทฯ ระบุตำแหน่ง, เงินเดือน, วันเริ่มทำงาน
(ขอเป็นภาษาอังกฤษมีอายุ 1 เดือน ชื่อ-สกุลต้องตรงตามหน้าพาสปอร์ต ใช้คำว่า “TO WHOM IT MAY CONCERN” แทนชื่อสถานทูตที่ยื่น)
- นักเรียนหรือนักศึกษา ใช้หนังสือรับรองการเรียนที่ออกจากสถาบันที่กำลังศึกษาอยู่
(ขอเป็นภาษาอังกฤษมีอายุ 1 เดือน ชื่อ-สกุลต้องตรงตามหน้าพาสปอร์ต)ใช้คำว่า “TO WHOM IT MAY CONCERN” แทนชื่อสถานทูตที่ยื่น)
5. เอกสารส่วนตัว
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- บัตรประชาชน
- สูติบัตร(กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี)
- ทะเบียนสมรส/ทะเบียนหย่า/มรณะบัตร(ถ้ามี)
- ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามีการเปลี่ยน)
***เอกสารส่วนตัวของท่านห้ามเซ็นสำเนาถูกต้องทุกกรณี***
6. กรณีเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมบิดา มารดา
- หากเด็กเดินทางไปกับบิดา จะต้องมีหนังสือยินยอมจากมารดา จากอำเภอต้นสังกัด (โดยมารดาจะต้องคัดหนังสือยินยอมระบุให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับบิดา) พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตมารดามาด้วย
- หากเด็กเดินทางกับมารดา จะต้องมีหนังสือยินยอมจากบิดา จากอำเภอต้นสังกัด (โดยบิดาจะต้องคัดหนังสือยินยอมระบุให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับมารดา) พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตบิดามา
- หากเด็กไม่ได้เดินทางพร้อมกับบิดาและมารดา ทั้งบิดาและมารดาจะต้องคัดหนังสือระบุยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับใคร มีความสัมพันธ์เป็นอะไรกันกับเด็ก จากอำเภอต้นสังกัด พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตบิดาและมารดา
- กรณีเด็กที่บิดา-มารดาหย่าร้าง จะต้องแนบสำเนาใบหย่า และมีการสลักหลังโดยมีรายละเอียดว่าฝ่ายใดเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว
*** กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี บิดาและมารดาต้องลงชื่อรับรองในแบบฟอร์มสมัครวีซ่า
7. ท่านห้ามเซ็น รับรองสำเนาถูกต้องเด็ดขาด ให้ท่านเซ็นเฉพาะ แบบฟอร์มใบคำร้องขอวีซ่าเท่านั้น หากไม่ได้เซ็นในแบฟอร์มมา ท่านอาจจะต้องไปโชว์ตัวที่สถานฑูตด้วยตนเอง
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel